บทที่ 3

2115 คำ
บทที่ 3  ลู่เหมยหลินก้าวลงจากรถม้าอย่างช้า ๆ เรียกความสนใจจากเหล่าบุรุษในงานได้เป็นอย่างดี แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก นางไม่ได้อยากมางานนี้เสียหน่อย แม้จะเป็นบุตรสาวคนรองของอดีตท่านแม่ทัพลู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเป็นที่โปรดปรานของท่านแต่อย่างใด นางเพียงแค่อยากลองเชิงดูเท่านั้น ว่าแท้จริงแล้วท่านพ่อยังรักและเป็นห่วงนางอยู่หรือไม่ สุดท้ายก็ได้เข้าใจว่าความรักของบิดานั้นไม่เคยมีนางอยู่เลย ความเจ็บปวดที่เคยได้รับ บัดนี้มันกลายเป็นความชินชาไปเสียแล้ว เอาจริง ๆ นางไม่น่าเกิดมาในตระกูลที่ดูเหมือนจะดีแต่แท้จริงแล้วกลับไม่ได้ดีอย่างที่คิดนี้เลย แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเกิดมาแล้ว แต่นางก็ไม่คิดที่จะอยู่ตระกูลลู่นานนักหรอก นางแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น หญิงสาวแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย เห็นทีงานเลี้ยงคืนนี้คงจะมีเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย วันนี้แล้วสินะที่นางจะถูกท่านอ๋องประกาศขอถอนหมั้นกลางงานเลี้ยงต่อหน้าผู้คนภายในงานเหมือนกับตั้งใจจะฉีกหน้านางพร้อม ๆ กับบังคับกลาย ๆ ให้นางยอมจำนน สร้างความอับอายให้กับนางในอดีตอย่างไม่ต้องสงสัย จากนั้นท่านอ๋องพระเอกของเรื่องก็จะขอประกาศงานหมั้นระหว่างเขาและลู่หลินเหลียนต่อหน้าทุกคนทันทีโดยไม่ให้นางปฏิเสธได้เลย จะว่าไปแผนของเขาก็เข้าท่าดีนะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ส่วนตัวนางในอดีตก็ดันไปพลาดท่ากับแผนการของเขาอีก สุดท้ายนางจึงสูญเสียทุกอย่าง และตอนจบก็ต้องมาจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของ ‘ชายชั่วหญิงเลว’ เฮ้อ!! ชีวิตช่างน่าสงสาร ถูกหลอกแล้วหลอกอีก แต่ก็ขอ ขอบคุณท่านโชคชะตาที่ให้โอกาสนางได้กลับมาแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองในครั้งนี้ บางครั้งการปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างโง่ ๆ ก็กลายเป็นภัยเข้ามาสู่ตัวเองได้เช่นกัน จะว่าไป นางชักอยากเห็นหน้าน้องสาวต่างมารดาของนางเสียแล้วสิ ว่าจะแสนดีจริงอย่างที่คนเขาเล่าลือหรือเปล่า ฮึ!! แค่นึกถึงก็มาพอดี ขบวนรถม้ามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูวังพร้อมกับร่างของสตรีที่ดูงดงาม และอ่อนหวาน นางเดินเคียงคู่มากับฮูหยินรองและอดีตท่านแม่ทัพลู่เทียนฉิน ท่วงท่าที่สง่างามและดูโดดเด่นทำให้บรรดาสตรีนางอื่น ๆ จ้องมองลู่หลินเหลียน ด้วยความริษยาบ้างก็เบะปากใส่ บ้างก็มองด้วยหางตาส่อแววอิจฉาริษยาอย่างชัดเจน นางงดงามจริง ๆ มิน่าเล่า ถึงได้ครอบครองหัวใจท่านอ๋อง บุรุษที่มีนิสัยเย็นชาราวกับน้ำแข็งได้ แค่นึกชื่อนั้น นางก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกด้านซ้ายขึ้นมาทันที ไม่นานนักท่านอ๋องคู่หมั้นของนางก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะเดินตรงไปหา ลู่หลินเหลียน ที่ยืนส่งยิ้มหวานให้เขาอยู่ก่อนแล้ว นางเบ้ปากใส่อย่างนึกหมั่นไส้ ก่อนจะเดินเชิดหน้าขึ้นและเลี่ยงไปอีกทาง โดยที่มีสายตาของลู่หลินเหลียนมองตามอย่างสะใจ “ถ้าข้าหนีกลับจวนตอนนี้เจ้าว่าจะดีหรือไม่" นางหันไปถามความคิดเห็น หนิงหนิงสาวรับใช้คนสนิทที่นางเป็นคนพามาด้วย “ไม่ดีเจ้าค่ะคุณหนู มันจะเป็นการเสียมารยาทนะเจ้าคะ” หนิงหนิงเอ่ยเตือนพลางส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้เป็นนาย “แต่ข้าเบื่อ เจ้าได้ยินไหมว่าข้าเบื่อ” นางบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด “โธ่... คุณหนู อดทนหน่อยนะเจ้าคะ” หนิงหนิงรู้สึกสงสารคุณหนูของนางยิ่งนัก นางเลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่เล็ก ๆ ทำไมนางจะไม่รู้ว่าคุณหนูของนางรู้สึกเช่นไร แต่คนอย่างนางจะทำอะไรได้ นอกจากคอยดูแลคุณหนูอย่างใกล้ชิด เพราะจริง ๆ แล้วคุณหนูของนางไม่ใช่คนที่ แข็งกร้าว นางเป็นคนอ่อนโยนและมีนิสัยที่ร่าเริง แต่เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่ทำให้คุณหนูของนางต้องเปลี่ยนไป ฉะนั้นที่นางกลายเป็นเช่นนี้ ก็เพียงแค่ต้องการที่จะปกป้องตัวเองจากพวกคนเหล่านั้นที่จ้องแต่จะหาโอกาสกลั่นแกล้งก็เท่านั้นเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นบุตรสาวคนรองที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ แต่กลับถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง ถูกผู้เป็นประมุขของบ้านหมางเมินไม่สนใจดูแล ทุกครั้งที่คุณหนูถูกคนเหล่านั้นรังแกหรือถูกใส่ร้าย ท่านประมุขก็จะแสร้งปิดหูปิดตา ไม่รับรู้ และเลือกที่จะลงโทษคุณหนูอย่างหนักโดยไม่สนใจฟังเหตุผลใด ๆ ไม่ว่าคุณหนูจะอธิบายยังไงก็ตาม หนิงหนิงยังจำภาพที่คุณหนูทรุดลงนั่งร้องไห้อย่างหมดเรี่ยวแรงและกอดขาผู้เป็นบิดาเอาไว้แน่นแต่ก็ถูกท่านแม่ทัพสะบัดออกจนหลุดและเดินจากไปอย่างไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคุณหนูจะเสียใจมากเพียงใดได้ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่า ท่านแม่ทัพมิได้รักคุณหนูของนางเลย แม้จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ท่านแม่ทัพก็เลือกที่จะเมินเฉย ทว่านางจะทำอะไรได้นอกจากคอยอยู่ข้าง ๆ คุณหนูของนางก็แค่นั้นเอง ที่นางพอจะทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ "ใกล้ได้เวลางานเลี้ยงแล้ว ข้าคงต้องไปแล้ว เจ้าเองก็รอข้าอยู่ที่นี่ล่ะ" นางพูดจบก็เดินเข้าไปในงาน ทิ้งให้หนิงหนิงมองตามอย่างเป็นห่วง ถ้าสิ่งคุณหนูเคยคิดไว้เป็นจริงขึ้นมา คุณหนูของนางจะทำเช่นไร นางได้แต่ภาวนาให้คุณหนูของนางผ่านเรื่องเลวร้ายพวกนี้ไปให้ได้ เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อหนุ่มสาวคู่หนึ่งปรากฏกายขึ้นภายในงาน สายตานับสิบคู่จ้องมองไปยังคนทั้งคู่เป็นจุดเดียวกัน ร่างสูงสง่าเดินเคียงคู่มากับหญิงงาม ก่อนที่จะไปนั่งประจำที่ของตนโดยมีหญิงสาวนั่งอยู่ข้าง ๆ ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาที่ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย “นั้นมันบุตรีของอดีตท่านแม่ทัพลู่มิใช่หรือ เหตุใดถึงได้ไปนั่งเคียงข้างอยู่กับท่านอ๋องเช่นนั้นเล่า หรือข่าวลือที่ว่าท่านอ๋องต้องการขอถอนหมั้นกับลู่เหมยหลินเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ” เสียงซุบซิบดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ลู่หลินเหลียนจ้องมองคนรักด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ถึงแม้ว่านางจะมาทีหลังพี่สาว แต่นางก็ได้ครอบครองหัวใจของท่านอ๋อง หัวใจของเขาต้องเป็นของนางเพียงคนเดียว นางคิดในใจ แต่เสียงซุบซิบหนึ่งที่ดังขึ้นก็ทำให้นางถึงกับตัวชาขึ้นมาทันที “ช่างไร้ยางอายจริง ๆ เป็นเพียงแค่ลูกอนุ แต่กลับคิดแย่งคู่หมั้นของพี่สาวตัวเอง” หญิงสาวกำชายผ้าไว้แน่น พร้อมกับปลอบใจตัวเองว่านางไม่ได้แย่งคนรักของพี่สาว แต่เพราะเขาไม่ได้รักพี่สาวของนางต่างหาก นางสนใจเพียงแค่ท่านอ๋องเท่านั้น แต่แล้วจู่ ๆ บรรยากาศภายในงานก็เงียบสงบลงไปถนัดตา ผู้คนภายในงานคล้ายตกอยู่ในภวังค์ราวกับต้องมนต์ เมื่อปรากฏร่างของโฉมงามล่มแคว้นก้าวเข้ามาในงานด้วยท่วงท่าสง่างาม ผิวพรรณผุดผ่องสีขาวนวลเนียนราวกับหิมะ ใบหน้างามล้ำถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมบางเบา ไม่ได้หนาเตอะเหมือนกาลก่อน เพียงแค่นัยน์ตาหงส์คู่งามปรายตามองนิ่ง ๆ พร้อมรอยยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยก็สามารถตรึงสายตาของเหล่าบุรุษได้อย่างง่ายดาย ริมฝีปากอวบอิ่มที่ฉาบด้วยสีแดงสดดูเย้ายวนและมีเสน่ห์น่าค้นหา ทำให้นางดูสง่างามราวกับภาพวาดก็มิปาน... แต่สายตาของนางก็ดันไปสะดุดเข้ากับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่จ้องมองนางด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ นางทำได้แค่ยักไหล่พร้อมกับเบ้ปากน้อย ๆ เป็นการบอกนัย ๆ ว่าอยากจะทำอะไรก็ทำ นางหาได้ใส่ใจไม่ หญิงสาวลอบมองสำรวจคู่หมั้นของตัวเองเล็กน้อย สมกับเป็นทายาทมังกร ท่วงท่าองอาจ ดวงตาคมจนผู้ใดพบเห็นเป็นต้องหลงใหล ใบหน้างดงามดุจพระเอกในเทพนิยาย ไม่สิ!!! ต้องเรียกได้ว่างดงามยิ่งกว่าด้วยซ้ำ รอยยิ้มละมุนละไม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาคมที่ฉายแววเย็นชาเมื่อพบหน้านาง ส่วนสตรีข้างกายนั้นก็คือน้องสาวผู้ซึ่งวางตัวเป็นนางเอกแสนดีที่เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตานาง คล้ายจะบอกว่าเกรงกลัวพี่สาวมากเพียงใด แต่ลู่เหมยหลินกับไม่ได้ใส่ใจ ทำเพียงยักไหล่น้อย ๆ และเดินผ่านหน้าคนทั้งคู่ไปอย่างไม่สนใจคล้ายกับว่าคนทั้งคู่ไม่ได้มีค่าพอให้นางต้องสนใจอีกแล้ว อยากเล่นงิ้วก็เล่นไปคนเดียวเหอะ นางไม่สนใจหรอก ก็แค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง มันไม่ได้มีค่ามากพอที่จะทำให้ให้นางต้องไปแย่งชิงกับคนอื่นเขาเสียหน่อย นางเดินมานั่งประจำที่ของตนเองท่ามกลางสายตาของเหล่าบุรุษนับสิบที่จ้องมองจนแทบจะสิงร่างเลยก็ว่าได้ ทั้ง ๆ ที่นางก็ไม่ได้คิดที่จะเป็นจุดสนใจจากคนรอบข้างมากเท่าไหร่นัก แต่คงเพราะนางเป็นถึงคู่หมั้นของท่านอ๋อง เพียงแค่เดินเข้ามาก็กลายเป็นจุดเด่นได้ไม่ยาก แต่นางล้วนไม่สนใจ การได้นั่งจิบชาร้อน ๆ ชมบรรยากาศภายในงานก็สร้างความสุขให้นางได้ไม่ยากแล้ว การกระทำของนางทำให้เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้ง “นางเป็นคู่หมั้นของท่านอ๋องมิใช่หรือ ทำไมถึงไปนั่งอยู่คนเดียวเล่า แล้วคนที่นั่งข้าง ๆ ท่านอ๋องนั้นคือน้องสาวของนางไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงไปนั่งอยู่ตรงนั้น หรือข่าวที่ว่านางคิดแย่งคู่หมั้นของพี่สาวตัวเองล้วนเป็นเรื่องจริง หากเป็นจริงดั่งข่าวลือนางไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ” เสียงซุบซิบที่ดังขึ้น แม้จะเบาแค่ไหนแต่นางก็ยังได้ยิน นางชำเลืองมองไปทางน้องสาว ก็เห็นเอาแต่ก้มหน้านิ่ง 'คงอายล่ะสินะ แต่คนอย่างนางไม่น่าอายหรอก กล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ ก็ต้องกล้ายอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ การเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางยังไม่นับว่าร้ายแรง แต่นับจากนี้ต่างหากล่ะ' นางยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์ เพียงไม่นานนักบรรยากาศภายในงานก็เงียบลงอีกครั้ง เมื่อฮ่องเต้และฮองเฮาทรงปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองพระองค์เสด็จมาประทับที่นั่ง เสียงถวายพระพรดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงโบกพระหัตถ์เป็นเชิงอนุญาตให้นั่งลงได้ หลวนเฉินฮ่องเต้ แม้จะทรงอยากตรัสถามว่าสตรีที่นั่งข้าง ๆ โอรสนั่นเป็นใคร แต่ก็เลือกที่จะเงียบ เพราะรู้ดีว่าโอรสของเขากำลังคิดที่จะทำสิ่งใด เช่นเดียวกับฮองเฮาที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาเช่นเดียวกัน “ทำไมไม่ไปนั่งข้าง ๆ เหมยหลินเล่า นางเป็นคู่หมั้นของเจ้ามิใช่หรือ” พระนางแสร้งถามลูกชายโดยที่ไม่ได้สนใจสตรีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลยสักนิด "คือ... ลูก" “ไม่เป็นไรหรอกเพคะฮองเฮา หม่อมฉันนั่งตรงไหนก็ได้ ขอเพียงแค่ไม่อึดอัดก็พอใจแล้วเพคะ” น้ำเสียงเย็นชาขัดขึ้นเสียก่อน ทำให้ อ๋องหลวนหลงถึงกับชะงักและรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีเย็นชาของอีกฝ่าย เพราะโดยปกตินางจะต้องบีบน้ำตาต่อหน้าพระพักตร์ แต่คราวนี้ทำไม... “เป็นเช่นนั้นเอง ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน” พระนางทรงยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะกล่าวเปิดงานเลี้ยง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม