เรือนหลังเล็ก

1734 คำ
พิมพิลาไลยตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่โดยที่ตัวของเธอก็หวังลึก ๆ ว่าตัวเองจะได้กลับไปอยู่ที่โลกใบเก่า แต่ผนังไม้เก่าที่ใกล้ผุพังกับอาการปวดหลังปวดคอจากการนอนเพียงเสื่อปูก็เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าตัวของเธอยังคงอยู่ที่โลกแห่งฝันร้าย มันเป็นเวลาเพียงรุ่งสางเท่านั้นแต่เสียงจอแจด้านนอกก็ดูครึกครื้นเหมือนกับผู้คนต่าง ๆ ตื่นจากอาการหลับใหลกันก่อนแล้ว พิมพิลาไลยจึงเสือกตัวขึ้นพยุงร่างของตัวเองที่เกือบจะหายดีออกไปจากห้อง และเสียงที่เคยจอแจโหวกเหวกก็เงียบลงทันใด สายตานับสิบคู่หันกลับมาจ้องเธอเป็นตาเดียวจนเริ่มทำตัวไม่ถูก ป้าพวงทองที่เห็นเข้าก็รีบปรี่ตัวเข้ามาทันใดราวกับรู้ว่าเธอต้องการความช่วยเหลือ “เอ็งหายดีแล้วรึ นางพิม” เสียงแห่งความเป็นห่วงเป็นใยดังมาตามสาย พร้อมกับที่ป้าพวงทองจับเธอหมุนซ้ายทีขวาทีเพื่อตรวจเช็คร่างกาย “เอ้า! จะมองอันใดนักหนา ไปทำงานทำการเสียสิ!” สิ้นคำของหล่อน ผู้คนก็ต่างเดินแยกย้ายกันออกไป แต่ก็มิวายมีเสียงนินทามาเข้ากระทบประสาทให้เธอได้ยิน “อย่าได้ใส่ใจเลย...บ่าวไพร่ก็เช่นนี้แล” “ข้ามิเป็นอะไรจ่ะ” เธอยิ้มรับอย่างใจสู้แม้ภายในใจอยากจะร้องไห้ก็ตามที “ข้ากำลังจะเอาชาไปให้คุณท่านกับคุณหญิง...เอ็งอยากจะช่วยข้าหรือไม่” เป็นเพราะหล่อนเป็นห่วงหากว่าจะทอดทิ้งให้เธอต้องอยู่เพียงคนเดียว ในระหว่างนี้ก็ให้ตัวติดเธอแจไปก่อนก็แล้วกัน “ได้จ่ะ” “งั้นก็ตามข้ามา” ชุดถ้วยชาสวยงามถูกจัดวางเรียงในถาดเป็นอย่างดีพร้อมกับขนมขบเคี้ยวหน้าตาน่ารับประทาน จริง ๆ มันก็มิได้นักหนานักหรอกหากป้าแกจะถือมาได้ด้วยตัวคนเดียว เธอเดาว่าหล่อนอาจจะเป็นกังวลว่าถ้าหากเธออยู่คนเดียวคงจะสติแตกอีก จึงพาเธอมาด้วยให้อยู่ใกล้ ๆ สายตาเอาไว้กันเธอทำเรื่องบ้าบอที่อาจจะทำให้เป็นปัญหา “ป้าพวงทองจ้ะ ท่านขุนนางฝารั่งมาพบท่านพระยาจ่ะ พวกนั้นพูดเรื่องอันใดข้าฟังมิรู้ความ” ชายหนุ่มเนื้อแน่นที่สวมเพียงแค่ท่อนล่างและเปลือยท่อนบนรีบวิ่งมาแจ้งข่าว จากที่เธอได้ฟังมา ยศถาบรรดาศักดิ์ของเขาก็ดูจะใหญ่โต หากจะมีชาวต่างชาติมาพูดคุยก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก “งั้นหรือ...เดี๋ยวข้าจะไปต้อนรับก่อนก็แล้วกัน” ป้าพวงทองหันไปพยักหน้าให้กับชายหนุ่มก่อนจะหันมาทางเธออีกครา “ฝากของว่างไปให้คุณท่านด้วย...ห้องเขียนหนังสือคุณท่านขึ้นเรือนไปอยู่ซ้ายมือ เดินหาเอาเถิด...เดี๋ยวข้ามา” พร้อมกับถาดขนมต่าง ๆ ถูกยัดเข้าใส่มือของเธออย่างเร่งรีบ และหล่อนก็พาร่างอ้วนท้วมของตนเองเดินจากไปทำอย่างที่ตนบอกไว้ก่อนหน้า ป้าพวงทองก็พูดกับต่างชาติได้หรือ? พิมพิลาไลยเดินถือถาดขนมไปตามเส้นทางของที่คนป้าได้บอกกล่าว ทันทีที่เธอเดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่ เธอก็เผลอตกตะลึงในความสวมงามของมันที่เคยได้สัมผัสเห็นเพียงแค่ในละคร แต่ของจริงมันช่างงดงามและดูสวยงามมากกว่าเป็นไหน ๆ ตรงโถงนี้มีที่สำหรับเอาไว้รับแขกที่ถูกจัดแยกแบ่งเป็นโซนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่เพลานี้กลับดูโล่งไร้ผู้คน คงเพราะคนอื่น ๆ คงกำลังขะมักเขม้นอยู่กับงานของตัวเองเป็นแน่ เธอเดินเลี้ยวซ้ายตามหาห้องเขียนหนังสือของเขาตามที่ป้าพวงทองได้บอกกล่าว ก่อนจะพบห้องหนึ่งที่ประตูเป็นเพียงซุ้มไม้ไม่เหมือนกับห้องอื่น ๆ ที่ถูกปิดกั้นด้วยประตูหนาทึบ ก็พอจะเดาได้ว่าคงจะเป็นห้องเขียนหนังสือหรือห้องหนังสือแน่ ๆ เพราะเขาเคยบอกเอาไว้ว่ายินดีหากบ่าวไพร่ของเขาจะอ่านออกเขียนได้ เธอเดินเข้าไปก่อนจะพบกับหนังสือปกหนามากมายที่ถูดจัดวางเรียงรายอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อยในชั้นของมัน ตรงด้านหน้ามีโต๊ะสำหรับนั่งอ่านหนังสือพร้อมกับเก้าอี้อีกสี่ตัวเข้าชุด และหลังไปอีกก็มีโต๊ะอีกตัวหนึ่งที่มีขึ้นนกและน้ำหมึกวางอยู่เรียงราย ทางด้านขวามือหลังโต๊ะเขียนหนังสือก็มีซุ้มอีกซุ้มหนึ่งที่จะสามารถเดินทะลุไปอีกห้องหนึ่งได้ “แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะพ้นคำครหา!” “แต่ท่านแม่ก็ทราบดีมิใช่หรือ...ว่าลูกมิสามารถแต่งงานกับผู้ใดได้!” เสียงทะเลาะกันของใครบางคนทำให้เธอที่กำลังจ้ำเท้าเข้าไปในห้องต้องหยุดชะงัก “แต่แม่มิต้องการให้ใครมาว่าร้ายลูกเสีย ๆ หาย ๆ” “ลูกเข้าใจเจตนาของท่านแม่ดี แต่ท่านแม่ก็รู้ว่าลูกมีเรื่องต้องปิดบัง!” น้ำเสียงละมุนสุขุมเช่นนี้เธอจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร แต่เสียงของอีกฝ่ายเธอไม่เคยคุ้นชินมาก่อน...แต่เขาเรียกหล่อนว่าแม่? ว่าแต่มีเรื่องอะไรจะต้องปิดบัง? “เป็นเพราะท่านแม่เองมิใช่หรือ?...ลูกถึงต้องเป็นอยู่เช่นนี้!” “แต่ที่แม่ทำไป...ก็เพราะต้องการจะปกป้องลูก!” “ด้วยการหลอกลวงคนอื่นในสิ่งที่ลูกมิได้เป็นมาตลอดทั้งชีวิตของลูกน่ะหรือ...แท้จริงแล้วลูกเป็น...” “คุณท่านเจ้าขา! มีฝารั่งมาขอพบเจ้าค่า!” เสียงตะโกนทางด้านหลังทำเอาเธอสะดุ้งโหยงจนต้องหันกลับไปมอง ก่อนจะมองเห็นป้าพวงทองที่เดินเข้ามาพร้อมกับฝรั่งตาน้ำข้าวตัวสูงใหญ่ หล่อนเปรยสายตามาสบมองเธอเล็กน้อยก่อนจะเดินพาร่างอ้วนท้วมของตนเองเข้าไปหาผู้เป็นนายอีกห้องหนึ่งที่ประตูสามารถทะลุไปได้ แต่ประโยคของเขาเมื่อครู่มันค้างคาใจเธอเหลือทน...ตกลงแล้วเขาเป็นอะไรกันแน่? บทสนทนาของคนทั้งสองระหว่างฝรั่งหน้าตาหล่อเหลากับคุณท่านหน้าหวานของเธอ แน่ล่ะว่าเธอได้ยินมันทั้งหมดและแน่นอนว่าคนจบปริญญาโทเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างเธอย่อมฟังมันออก เขาก็พูดคุยเรื่องบ้านเมืองกันทั่วไปตามภาษาของนายทหาร แต่มีบ่อยครั้งที่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาของฝรั่งหนุ่มตาน้ำข้าวที่มักจะมองมาทางเธอบ่อยครั้งจนเธอเริ่มจะทำตัวไม่ถูก “She is beautiful.” (หล่อนสวยดี) ฝรั่งคนนั้นหันไปพูดกับคุณท่านที่กำลังยกชาขึ้นจิบ พร้อมกับเปรยสายตามาทางเธอเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย “If I want She tonight. How much do I have to pay you.” (หากผมต้องการหล่อนคืนนี้...ผมต้องจ่ายให้กับคุณเท่าไหร่) สายตาของเขายังสบมองเธอไม่เลิกจนเธอรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ก็ยังนิ่งไว้เพราะไม่อยากโพร่งอะไรออกไปให้คุณท่านดูไม่ดี “Sorry, She didn’ t have if for sale.” (ขอโทษที...หล่อนมิได้มีไว้ขาย) เขาตอบอย่างนั้นก่อนจะยกชาขึ้นจิบอย่างมิได้ทุกข์ร้อน แต่ดูชาวต่างชาติคนนี้จะหน้าเสียอยู่ไม่น้อย เพราะหลังจากจบประโยคนั้นเขาก็หัวเราะออกมาบางเบาและขอตัวกลับไปในทันที เขาเดินไปส่งชาวต่างชาติคนนั้นด้วยตัวเอง ทำให้ตอนนี้ทั้งห้องโถงนี้เหลือเพียงแค่บ่าวสองคนซึ่งคือเธอกับป้าพวงทอง และอีกคนก็คือคุณหญิงของบ้าน “พวงทอง มาคุยกับฉันในห้องที” คุณหญิงที่มีศักดิ์เป็นมารดาของเขาเอ่ยเรียกให้คนแก่ข้างตัวเธอลุกออกไปหา หล่อนหันมามองเธอเล็กน้อยพร้อมกับกำชับให้รออยู่ตรงนี้ ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและยอมทำตามแต่โดยดี “แม่นางคนนั้นเป็นใครกัน...หน้าตาผิวพรรณดูใช้ได้” หล่อนเริ่มเปิดประเด็นทันทีหลังจากที่คล้อยหลังกันอยู่เพียงแค่สองคน “หล่อนเป็นคนที่คุณท่านช่วยไว้ตอนที่กำลังจะถูกขายทอดตลาดเจ้าค่า บ่าวก็มิทราบว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่ผิวพรรณดีหน้าตาสละสลวยกว่าพวกคุณหนูบางคนอีกนะเจ้าคะ” เธอตอบกลับไปอย่างที่ตนเองคิด ถ้าหากจับหล่อนมาขัดผิว แต่งหน้าแต่งตา และให้ใส่ชุดหรูหราสวยงาม อีบ่าวคนนี้เทหมดหน้าตักเลยเจ้าค่ะว่าสวยไม่แพ้คุณหนูบ้านไหน! “อืม...ข้าเห็นด้วย” คุณหญิงพัดใบพัดในมือไปมาอย่างใช้ความคิด “เมื่อวานข้าไปเดินซื้อของในตลาดมา มีข่าวฉาวหนาหูว่าลูกของข้าที่ยังมิแต่งงานมีเมียเป็นตัวเป็นตนเพราะแท้จริงแล้วลูกของข้าเป็นพวกวิปริตผิดเพศ ชื่นชอบเพศชายด้วยกันจึงยังมิยอมแต่งงานกับคุณหนูบ้านไหน ข้าได้ฟังเช่นนั้นแล้วรู้สึกมิค่อยดีเสียเท่าไหร่ จึงมาบอกให้เขารีบแต่งงานซะ!” “แต่คุณหญิงก็ทราบนี่เจ้าคะ ว่า...” “ก็เพราะว่าข้ารู้นี่แหละ...ข้าถึงเป็นกลุ้มใจอยู่เช่นนี้!” คุณหญิงถอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่เราทั้งสองจะต่างเงียบกันไปอย่างใช้ความคิด “หากจับนางมาแต่งเนื้อแต่งตัว แล้วจับเข้าพิธีแต่งงานกับลูกของข้าซะ เท่านี้ลูกของข้าคงพ้นคำครหานินทา...” “แต่นางจะรู้ความลับของคุณท่านนะเจ้าค่า!” บ่าวรีบเอ่ยเตือนทันใด ซึ่งคุณหญิงก็ดูจะมิได้ทุกข์ร้อนแถมยังพัดใบพัดไปมาอย่างอารมณ์ดี “เอาล่ะ...ข้าตัดสินใจดีแล้ว” “ดีแล้วเจ้าค่ะ...อย่าคิดทำอันใด...” “ให้บ่าวไพร่ขนข้าวขนของนางไปไว้ที่เรือนหลังเล็กเลย...ที่นั่นจะเป็นเรือนหอของลูกข้ากับแม่นางคนนั้น!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม