หมอหลวงกู้ผู้งานดี

1916 คำ
หลังจากองค์ไท่จื่อสะบัดชายเสื้อเดินจากไปแล้ว ชิงหลันก็พลันรู้สึกขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนถึงขั้นทรุดลงไปกองที่พื้น เมื่อพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อระงับความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นกับตนแล้ว จึงได้ลุกขึ้นก้าวเดินออกจากห้องรับรองไปยืนอยู่ที่หน้าห้องบรรทมของไทเฮาอย่างเงียบๆ เนื่องด้วยมีความทรงจำของร่างเดิมส่งเรื่องราวเข้ามาให้ตนได้รับรู้ว่าที่ผ่านมานั้นตนเป็นนางกำนัลที่ไทเฮาทรงโปรดปรานเป็นอย่างมาก มักจะถูกเรียกตัวเข้าไปถวายงานรับใช้ใกล้ชิดอยู่เสมอ  เวลาผ่านไปอีกนานราวสองเค่อ ก็มีเสียงขันทีที่หน้าตำหนักร้องดังขึ้นมาว่า "หมอหลวงกู้ได้เดินทางมาขอเข้าเฝ้าต่อองค์ไทเฮาแล้ว" นางข้าหลวงคนสนิทจึงได้ส่งเสียงปลุกไทเฮาเบา ๆ ตรงข้างเตียงและพยุงไทเฮาให้ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ เมื่อไทเฮาลงจากเตียงและเสด็จมาถึงหน้าประตูห้องบรรทมแล้วจึงตรัสขึ้นมาว่า "เจ้าก็ไปกับอายเจียด้วยเถิดชิงหลัน ช่วงนี้ยายของเจ้าที่พักอาศัยอยู่แต่เพียงผู้เดียวที่นอกวังนั้นก็มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นเดียวกัน เผื่ออายเจียจะได้ขอให้หมอหลวงกู้ช่วยไปตรวจดูอาการของยายเจ้าดูบ้าง"  "เพคะ" ชิงหลันกล่าวเพียงเท่านั้น ภาพของหญิงชราผมขาวเต็มหัว ใบหน้าที่มีแต่ความอ่อนโยนอยู่เป็นนิตย์ก็ผุดขึ้นมาในมโนสำนึก ทำให้ตนได้รับรู้ว่าในยุคจีนโบราณนี้ตนมียายเพียงคนเดียวที่คอยเลี้ยงดูอุ้มชูดูแลตนมาตั้งแต่ยังเด็ก กระแสความอบอุ่นที่ส่งผ่านเข้ามาในใจนั้น ทำให้ชิงหลันรีบก้าวขาเดินตามไทเฮาออกไปยังห้องรับรองด้านหน้าทันที เมื่อไทเฮาประทับนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่แกะสลักด้วยลวดลายของดอกโบตั๋นอันงดงามวิจิตรแล้วจึงตรัสขึ้นว่า "เชิญหมอหลวงกู้เข้ามาตรวจดูชีพจรให้อายเจียได้" "ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ท่านหมอหลวงกู้เข้าเฝ้าได้" เสียงแหลมเล็กของขันทีร้องดังขึ้น บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งในชุดอาภรณ์สีขาวสะอาดตาจึงก้าวเข้ามาในห้องรับรองอย่างช้า ๆ ด้วยท่วงท่าที่มั่นคงสง่างามยิ่ง เพียงสายตาอันอ่อนโยนที่ทอดมองส่งมายังบุคคลที่ตนกำลังเดินผ่านเข้ามานั้น ก็พลันทำให้หัวใจดวงน้อยของชิงหลันต้องเต้นเร็วขึ้นจนแทบจะควบคุมไว้ไม่อยู่ 'คนบ้าอะไรวะ ถึงได้หล่อวัวตายควายล้มได้ขนาดนี้ สามีแห่งชาติชัดๆ หุ่นนี้กร้าวใจแม่สุด ๆ อีกทั้งเป็นหมอหลวงอีกด้วย โอ๊ยยย!! ฉันล่ะอยากจะป่วยให้หมอมารักษาให้จริง ๆ' ธิตาภาในร่างของชิงหลันคิดขึ้นมาในใจอย่างตกตะลึงพรึงเพริด  "ถวายพระพรไทเฮา ขอจงทรงพระเจริญพันปี  พันพันปีพ่ะย่ะค่ะ" กู้เหวินเต๋อกล่าวดังขึ้นพร้อมทั้งคุกเข่าลงไปกับพื้น "ลุกขึ้นได้ไม่ต้องมากพิธี" ไทเฮาตรัสขึ้นอย่างมีพระเมตตา "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "พอดีช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้อายเจียรู้สึกนอนไม่ค่อยจะหลับ และวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เห็นทีคงต้องรบกวนหมอหลวงกู้ช่วยตรวจรักษาให้อายเจียทีนะ" ไทเฮาตรัสขึ้นเสียงเรียบ "พ่ะย่ะค่ะ" กู้เหวินเต๋อกล่าวขึ้นด้วยความนอบน้อม พร้อมทั้งวางเส้นไหมพรมลงบนข้อมือขององค์ไทเฮาอย่างแผ่วเบา หลังจากตรวจดูชีพจรผ่านเส้นไหมพรมไปได้สักพักก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ทูลไทเฮา ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว จึงทำให้พลังชี่ของพระองค์ไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้ร่างกายขาดความอบอุ่น นอนไม่หลับและมีอาการวิงเวียนศีรษะตามมาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเขียนเทียบยาที่มีฤทธิ์เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี  และช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นให้นะพ่ะย่ะค่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างน่าฟัง พร้อมทั้งก้มหน้าก้มตาเขียนเทียบยาด้วยความตั้งใจ ชิงหลันแอบลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายของบุรุษตรงหน้าด้วยความเลื่อมใสในกิริยามารยาทอันนุ่มนวลอ่อนโยนที่อีกฝ่ายแสดงออกมาอยู่อย่างเงียบ ๆ  "หมอหลวงกู้ไม่ทราบว่าหากอายเจียมีเรื่องอยากจะขอรบกวนเจ้าอีกสักเรื่องจะได้หรือไม่?" ไทเฮาตรัสหยั่งเชิง "เชิญไทเฮารับสั่งมาได้พ่ะย่ะค่ะ" "พอดีที่ข้างนอกวังหลวง ยายของชิงหลันเกิดล้มป่วยขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุได้ประมาณเจ็ดวันแล้ว อายเจียจึงอยากรบกวนให้หมอหลวงกู้ไปตรวจดูอาการยายของนางให้สักหน่อยจะได้หรือไม่?" "กระหม่อมจะไปตรวจดูอาการให้ท่านยายของแม่นางชิงหลันในวันพรุ่งนี้ยามซื่อ (เวลา  09.00น.) และจะรีบเข้าวังมารายงานอาการให้ไทเฮาทรงทราบโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ" กู้เหวินเต๋อเอ่ยตอบอย่างหนักแน่น "ขอบใจเจ้ามากนะ" ไทเฮาตรัสขึ้น "เป็นพระมหากรุณายิ่งแล้ว ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันเพคะ" ชิงหลันคุกเข่าและโขกศีรษะลงไปกับพื้น "ขอบคุณท่านหมอหลวงกู้ด้วยนะเจ้าคะที่มีเมตตาต่อยายของข้า" ชิงหลันหมุนตัวหันหน้ามาทางกู้เหวินเต๋อและก้มลงโขกศีรษะอยู่อีกหลายครั้ง "ลุกขึ้นได้ ไม่ต้องมากพิธี" ไทเฮาตรัสขึ้นพร้อมทั้งมองชิงหลันอย่างมีเมตตา "ขอบพระทัยเพคะ" ชิงหลันเอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ "เอาละ วันนี้อายเจียคงต้องรบกวนท่านหมอหลวงกู้เพียงเท่านี้ก่อนก็แล้วกันนะ เชิญท่านหมอหลวงกู้กลับไปพักผ่อนได้แล้ว" ไทเฮาตรัสขึ้นพร้อมทั้งยกชาขึ้นมาจิบ "ถ้าเช่นนั้น กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ" กู้เหวินเต๋อเอ่ยขึ้นและลุกเดินออกจากห้องรับรองไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อคล้อยหลังของกู้เหวินเต๋อไปได้สักพักแล้ว ไทเฮาก็ทรงมีรับสั่งให้ชิงหลันตามไปอ่านหนังสือให้ตนฟังที่ห้องโถงทางทิศตะวันออกที่อยู่ใกล้กันกับสวนดอกไม้ต่อทันที โดยก่อนที่ไทเฮาจะเสด็จไปรอที่ห้องโถงทางทิศตะวันออกนั้นได้มีรับสั่งให้ชิงหลันไปนำหนังสือบทกวีนิพนธ์ชมดอกไม้ที่หอสมุดประจำราชวงศ์ออกมาอ่านให้ตนฟังด้วย ชิงหลันจึงก้าวเดินออกจากตำหนักของไทเฮามาอย่างช้า ๆ ด้วยความไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะตนเองนั้นได้รับความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมมาเป็นบางส่วนเท่านั้น จึงจำได้เพียงแค่ลาง ๆ ว่าหอสมุดประจำราชวงศ์นั้นตั้งอยู่ทางทิศเหนือผ่านอุทยานชมจันทร์ไปได้ประมาณหนึ่งลี้จึงจะถึง  แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเข้าข้าง หรือสวรรค์ยังคงเป็นใจให้กับ ชิงหลันอยู่บ้าง เมื่อทอดมองสายตามองไปยังเบื้องหน้าแล้วก็ได้พบเข้ากับ กู้เหวินเต๋อที่กำลังยืนคุยธุระอยู่กับขุนนางผู้หนึ่งเข้าอยู่พอดี  ด้วยความเกรงใจและความอยากถามแต่ไม่กล้าถาม จึงทำให้ชิงหลันได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ  และเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ โดยยังไม่รู้จุดหมายปลายทางที่ชัดเจนเลยแม้แต่น้อย  เมื่อเดินตรงไปข้างหน้าได้อีกสักพัก ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังว่า "ไม่ทราบว่าแม่นางชิงหลันจะเดินทางไปที่ใดเช่นนั้นรึ?" ชิงหลันหันหน้ามามองก็พบว่าผู้ที่กำลังร้องเรียกตนอยู่คือหมอหลวงกู้นั่นเอง จึงอดที่จะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจไม่ได้ ทำให้บุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของตนต้องตกตะลึงจนตาพร่ามัวไปชั่วขณะ และถามออกไปด้วยความลืมตัวว่า "เหตุใดแม่นางชิงหลันจึงส่งยิ้มได้อย่างกว้างขวางและจริงใจยิ่งนัก?" "ข้ารู้สึกดีใจมากเจ้าค่ะที่พบเจอกับท่านหมอหลวงกู้ในยามที่ข้ากำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่พอดีเจ้าค่ะ" ชิงหลันพูดขึ้นด้วยความดีใจ "ไม่ทราบว่าแม่นางต้องการให้ข้าช่วยเหลือในเรื่องใดเช่นนั้นรึ? หากข้าช่วยเหลือได้ ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือ" กู้เหวินเต๋อเอ่ยออกมาอย่างใจกว้าง "ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ข้าไปนำหนังสือบทกวีนิพนธ์ชมดอกไม้จากหอสมุดประจำราชวงศ์ออกมาอ่านให้กับพระองค์ฟังเจ้าค่ะ แต่ข้ากลับจำทางไปหอสมุดนั้นไม่ค่อยได้ ข้าจำได้แค่เพียงว่าต้องเดินผ่านไปทางอุทยานชมจันทร์ก็เพียงแต่เท่านั้นเองเจ้าค่ะ" ชิงหลันพูดขึ้นพร้อมทั้งหลุบตาลงมองพื้น "เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ข้าจะเดินไปส่งเจ้าเอง" กู้เหวินเต๋อเอ่ยขึ้นยิ้มๆ "ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านหมอหลวงกู้" ชิงหลันพูดขึ้นอย่างยินดีและเดินตามกู้เหวินเต๋อไปติด ๆ ภาพที่ปรากฏให้เห็นยังพื้นเบื้องล่างนั้น สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับบุรุษผู้หนึ่งที่ซุกซ่อนตัวอยู่บนหอสูงในฝั่งตรงกันข้ามยิ่งนัก ถึงกับพูดขึ้นมาว่า "เย็นนี้เจ้าจงไปเอาเหล้ามาให้ข้าเพิ่มอีกสักสองไหด้วย ข้าจะดื่มให้ลืมนางกำนัลตัวน้อยนั่นไปเลย" เมื่อกู้เหวินเต๋อเดินมาส่งชิงหลันถึงยังหน้าหอสมุดประจำราชวงศ์แล้ว จึงได้เอ่ยถามต่อไปว่า "ไม่ทราบว่าแม่นางชิงหลันจะให้ข้ารอที่หน้าหอสมุดแห่งนี้ก่อนจะเดินไปส่งเจ้าที่ตำหนักของไทเฮาอีกครั้งหรือไม่?" "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านหมอหลวงกู้มากที่เดินมาส่งข้าเจ้าค่ะ ข้ากลับเองได้ไม่หลงทางแน่นอนเจ้าค่ะ" ชิงหลันรีบปฏิเสธขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความเกรงใจ "ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวกลับจวนไปก่อนนะ วันพรุ่งนี้ยามซื่อเมื่อข้าได้ไปเยี่ยมท่านยายของเจ้าแล้ว ข้าจะรีบเข้ามาแจ้งข่าวให้เจ้าทราบทันที" "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านหมอหลวงกู้ช่างเป็นคนจิตใจดีงามยิ่งนัก ข้าน้อยชิงหลันจักต้องหาทางตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ในภายภาคหน้าให้จงได้เจ้าค่ะ" ชิงหลันพูดขึ้นอย่างซึ้งใจ "เจ้าแน่ใจมากน้อยเพียงใดที่จะรักษาคำพูดของตัวเองในวันนี้ได้" กู้เหวินเต๋อกล่าวถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ "ข้าน้อยแน่ใจ ข้าน้อยมั่นใจเจ้าค่ะ" ชิงหลันยืนยันเสียงหนักแน่น "หากเจ้าลืมคำพูดของเจ้าในวันนี้ไปหมดแล้ว จะให้ข้าทำเช่นไรต่อไปดีเล่า?" "ท่านหมอหลวงกู้ก็ทวงสัญญากับข้าเลยสิเจ้าคะ แต่ข้ามั่นใจว่าข้าจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ" ชิงหลันเอ่ยขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับบุรุษตรงหน้า ซึ่งคำตอบนั้นทำเอากู้เหวินเต๋อต้องเผลอส่งยิ้มกว้างออกมาด้วยความลืมตัวไปชั่วขณะ "ข้าขอตัวไปก่อนนะ" กู้เหวินเต๋อพูดขึ้นก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ชิงหลันจึงได้เดินเข้าไปในหอสมุดอย่างเบิกบานใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการมาเยือนของตนในครั้งนี้ จะทำให้บุรุษอีกคนต้องกลายมาเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอีกมากมายขนาดไหน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม