บทที่ 9 ส่วนไหนในหัวใจ

1917 คำ
สำนักงานกฎหมายเอกชนขนาดใหญ่นี้เลื่องลือเรื่องอะไรนั้นใครต่างรู้ดี คดีฆาตกรรมดัง ๆ ที่สังคมต้องการความจริงนั้นมักมาจบที่นี่ The law เป็นสำนักงานกฎหมายที่เพื่อนสาวทำงานอยู่ เป็นที่ทำงานในฝันของเหล่าทนาย เช่นเดียวกับเธอเอง อิงลดามาหาเพื่อนรักเพื่อนำหลักฐานที่คุณลุงณวัฒน์ตามสืบมาให้คนเป็นเพื่อนช่วย เป็นรูปถ่ายเมื่อครั้นเกิดอุบัติเหตุเมื่อห้าปีที่แล้ว “เอ…ลุงณวัฒน์ใช้นักสืบของเรานี่” ภริตาพึมพำพูดคนเดียวหลังจากเปิดดูเอกสารของนักสืบที่คนเป็นเพื่อนยื่นให้ หญิงสาวมองเห็นทางออกแล้ว “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันลองไปถามเพื่อนดูว่าโยกมาเป็นคดีของฉันได้ไหม จะได้คุยกับแกได้ง่าย ๆ” “_” “อิง อิง...แกได้ยินที่ฉันพูดป้ะเนี่ย!” ไม่ใช่แค่ตะคอก แต่ภริตาเขย่าร่างบางของอิงลดาจนศีรษะโยกคลอน “อ๊ะ!...พะพอแล้ว” “เฮ้อ! แกก็รู้ว่าฉันต้องเร่งเคลียร์งานมากแค่ไหน แต่พอฉันพยายามจะช่วยแกแต่แกกลับไม่มีสมาธิเลย แล้วอย่างนี้ใครมันจะไปอยากช่วยล่ะ” ริมฝีปากอวบอิ่มเพิ่งไปฉีดฟีลเลอร์มาของภริตานั้นขมุบขมิบต่อว่าเพื่อน เธออ่อนเพลียจากการเร่งรัดงานของตัวเองชนิดที่ว่าไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพื่อช่วยเพื่อนเพียงคนเดียวคนนี้ ทว่าอีกฝ่ายกลับเหม่อลอยไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดสักนิด “ฉันรู้สึกปวดหัวไงไม่รู้ว่ะ” “ปวดหัวหรือปวดใจกันแน่ยะ” หลายวันมานี้ อิงลดาเล่าเรื่องเขาคนนั้นให้เธอฟังทุกเรื่อง “ลืมมันไปเหมือนที่เขาว่า หมอนั่นไม่รู้สึกผิดสักนิดที่ทำกับแกแบบนั้น เฮ้อ...อย่างน้อยการันต์ก็ไม่ได้ขืนใจฉันสักหน่อย แต่ว่า...ถ้าขืนใจบ้างก็คงดี” “หึ...” อิงลดาหลุดเสียงหัวเราะออกมา ภริตาน่ารักน่าเอ็นดู อีกฝ่ายนั้นรักหนุ่มบาริสต้าแค่ไหนใครต่างรู้ดี ทว่าเขาคนนั้นกลับไม่ไยดี “ไม่ต้องมาหัวเราะย่ะ การันต์กับพี่ดนย์ของแกมันคนละกรณีกัน การันต์ไม่รักฉันเพราะเขากำลังฝืนไม่รัก แต่พี่ดนย์ของแกเขามีคนรักอยู่แล้ว!” “รู้เหอะหน่า ไม่ต้องย้ำนักหรอก” อิงลดาปวดใจ หลายวันมานี้สามีหนุ่มไม่กลับบ้านเลยตั้งแต่วันที่เธอบอกกับแฟนเขาไป มันไม่ง่ายที่จะไม่รู้สึกอะไร ก็ในเมื่อเขาก็เป็นสามีของเธอทั้งนิตินัยและพฤตินัย “เอาเถอะ เมื่อกี้ฉันบอกว่าเดี๋ยวฉันจะตามสืบเรื่องนี้ให้อีกแรง พอดีรู้จักกับนักสืบที่ทำคดีนี้อยู่ เดี๋ยวไปติดต่อให้” “จริงเหรอ ดีจัง” อิงลดาฉีกยิ้มดีใจ เธอผุดลุกขึ้นหมายจะเดินไปสวมกอดเพื่อน แต่อาการเวียนหัวก็เข้าเล่นงาน โชคดีที่จับโต๊ะทำงานของเพื่อนไว้ได้ทัน “ระวังหน่อยสิ! แกได้กินข้าวมาป้ะเนี่ย!” อิงลดาท่าจะไม่ไหว ร่างบางนั้นผอมซูบแถมหน้าตายังไม่สดใสอีกด้วย “กินสิ ฉันหิวมาก ตื่นมากินตั้งแต่ตีห้าแหนะ” เธอเองก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน ช่วงนี้หิวบ่อยผิดวิสัย อิงลดาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “แต่ดีที่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน” “เอะ...แกกำลังว่าฉันป้ะเนี่ย” ภริตาร้อนตัว เธอกินนิดหน่อยก็อ้วนแล้ว “เดี๋ยวฉันว่าต่อไปนี้คงต้องกินคลีนแล้วล่ะ” “หึ แกไม่ต้องลดแล้วล่ะ มีน้ำมีนวลสวยจะตาย” “ชิ สวยแค่ไหนการันต์ก็ไม่รับรักฉันสักที เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะแวะไปที่คาเฟ่สักหน่อย ไม่ได้เจอหลายวัน” ภริตาว่าพลางทำหน้าดีใจ หลายวันที่โหมทำงานหนัก การได้พบเจอยอดดวงใจคงทำให้หายเหนื่อยได้ “โอเค งั้นฉันขอกลับก่อน ง่วง ๆ ไงไม่รู้” “หึ โอเค แล้วขับรถไหวไหมเนี่ย แกแปลก ๆ ว่ะ เหมือน...” ภริตาชะงักคำพูดไว้ เธอกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ ด้วยความฉงนใจในบางอย่าง “เหมือนไรเหรอ...” ท่าทีของเพื่อนสาวนั้นทำเอาอิงลดาอดสงสัยไม่ได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกขึ้นด้วยท่าทีแปลก ๆ ภริตาเดินมาจับแขนของคนเป็นเพื่อนพลางสบตาไปด้วย “...แก แกกินยาคุมแล้วใช่ป้ะ” “ยะยาคุม...แกจะบ้าเหรอ! แกคิดว่าฉันกำลังท้องเหรอ!!” อิงลดาโพล่งออกมาเสียงดังพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยไม่ลืมยกมือขึ้นป้องปาก กระนั้นในหัวกลับรู้สึกไม่ดี เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง “อึก ฉะฉันขอกลับก่อนล่ะ” “โอเค เจอกัน เดี๋ยวถ้ามีอะไรคืบหน้าฉันจะติดต่อไป” “โอเค เจอกัน” อิงลดาฝืนยิ้มให้กับคนเป็นเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ในหัวนั้นกำลังคิดไม่ตกกับประโยคก่อนหน้านี้ที่คนเป็นเพื่อนพูดถึง สองมือที่จับพวงมาลัยรถนั้นหักเลี้ยวไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน เธออยากไปตามเขาคนนั้นกลับบ้าน อยากไปตามด้วยความคิดถึง โรงแรมเกตุพิมุกในเวลานี้คับคั่งไปด้วยผู้คน บริเวณชั้นสามนั้นกำลังมีงานเปิดตัวสินค้าใหม่ แน่นอนว่าต้องมีพรีเซนเตอร์เป็นถึงซูเปอร์สตาร์ดังจากแดนกิมจิ การลงมาดูแลงานด้วยตัวเองของประธานบริหารนั้นไม่แปลกสักเท่าไร นอกจากได้เงินแล้วยังได้หน้าอีกด้วย ช่วงนี้พันธดนย์จึงเลือกที่จะนอนที่โรงแรมมากว่ากลับบ้าน ประจวบเหมาะกับเรื่องที่อิงลดาพูด เขาไม่อยากเจอเธอเลย ต่างจากคนที่มาหา...อิงลดานอนไม่หลับเลยสักวัน เธอเฝ้ารอคอยถามหา อยากรู้นักว่าเขาทำอะไรอยู่ ยังโกรธเธออยู่หรือไม่ อยากขอโทษจากใจ ไม่ได้ตั้งใจให้เขาผิดใจกับคนรักเลยสักนิด เพียงแต่ว่าตอนนั้นความหึงหวงมันขึ้นหน้าก็เท่านั้น “มาพบใครครับ” ประชาสัมพันธ์เดินมาขวางหน้า อิงลดาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่รู้จักฉันหรือคะ” งานแต่งงานของเธอกับเขาคนนั้นออกจะใหญ่โต ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งทุกสำนักพิมพ์เลยก็ว่าได้ “เอ่อ...ผมเพิ่งมาทำงานครับ” อิงลดาพยักหน้าเข้าใจ แต่พอจะเอ่ยปากพูดต่อ “อ้าวคุณอิงมาหาท่านประธานเหรอครับ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมก็ดังขึ้นเสียก่อน ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับเบา ๆ “ใช่ค่ะ เขาอยู่ข้างบนใช่ไหมคะ” “ครับ ชั้นสามนะครับที่ห้องประชุมกลาง” อิงลดาพยักหน้ารับโดยไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ ทว่าจังหวะที่หมุนตัวเดินไปนั้น “เธอเป็นใครครับ” “อ้าว...มึงไม่รู้หรือไงวะว่านั่นภรรยาของท่านประธาน” “ห๊า...ผมก็นึกว่าคุณนิสาซะอีก งั้นก็แปลว่า...เอ่อ” เหมือนทั้งคู่จะรู้ว่าสองฝ่าเท้าเล็กนี้ไม่ได้ก้าวเดินแล้ว อิงลดาชะงักฝ่าเท้านิ่งงัน เธออยู่ส่วนไหนในใจของเขาคนนั้นกันแน่ แบบนี้ไม่ให้เกียรติเธอเลยสักนิดเดียว ...อิงลดาขึ้นมายังชั้นสามของโรงแรมตามที่ผู้จัดการบอก เธอผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความกังวล สิ่งที่เพื่อนพูดยังอยู่ในหัว ทำไมอาการช่วงนี้ถึงไม่ดีเอาเสียเลย หน้ามืดบ่อยครั้ง พยายามคิดว่าคงเป็นเพราะนอนไม่ค่อยหลับ แต่พอเพื่อนพูดเท่านั้นแหละ “ยังไม่มาใช่ไหม” เธอยกมือขึ้นลูบหน้าท้อง ตั้งแต่วันนั้นก็จะครบเดือนแล้ว ประจำเดือนก็ไม่มาอีกด้วย อิงลดาเหงื่อตก ทว่าขณะนั้นเอง ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนลิฟต์ก็ดึงสติของเธอไว้เสียก่อน สองฝ่าเท้าในรองเท้าแตะคู่โปรดนั้นก้าวเดินอย่างเหม่อลอยไปยังห้องประชุมกลางตามที่ผู้จัดการบอก ทว่าทันทีที่มีคนมาเปิดประตูให้ เธอก็ต้องตกตะลึงที่เห็นผู้คนมากมาย “อะไรกันเนี่ย...” แถมยังมีนักข่าวเยอะมากอีกด้วย ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเธอมองเห็นนักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์คนเป็นสามี สายตาของเขาเหลือบมาเห็นเธอพอดิบพอดี ทำให้นักข่าวหันมามองอย่างเลี่ยงไม่ได้ “อ้าว...นั่นภรรยาของคุณดนย์ใช่ไหมคะ” นักข่าวคนหนึ่งเอ่ยพูดน้ำเสียงตกใจ ทำให้นักข่าวคนอื่น ๆ เริ่มกระซิบกระซาบกันถึงประเด็นข่าวที่อยากถาม “ขอสัมภาษณ์คู่ได้ไหมคะ ไม่เห็นคุณอิงลดาออกสื่อเลย” เสียงของนักข่าวนั้นทำให้พันธดนย์ข่มเปลือกตาปิดลง แล้วลมอะไรหอบหล่อนมาที่นี่ แถมยังแต่งตัวมอซอไม่ให้เกียรติเขาอีกด้วย เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนขายาว และรองเท้าแตะนั่น...บอกเขาทีเถอะว่าเธอไม่ได้จงใจมาหักหน้าเขา “เอ่อ ฉันไม่...” “ได้ครับ” พันธดนย์ไม่อยากให้ตนนั้นเสียหน้า เขาไม่เคยปฏิเสธนักข่าว หากว่าปฏิเสธไปเดี๋ยวก็โดนใส่ไข่หรอกว่ามีปัญหากับเมีย “งั้นรบกวนคุณอิงลดาทางนี้ได้ไหมคะ” เธอก้าวขาไม่ออกเลย หญิงสาวไม่ได้ออกสื่อบ่อย ซึ่งพันธดนย์มักได้ออกข่าวธุรกิจเสมอ เรียกได้ว่าเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเลยก็ว่าได้ ท่าทีเงอะงะของเจ้าหล่อนนั้นทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มเดินไปโอบเอวบางของเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาเจ้าหล่อนสะดุ้งโหยง “ดูสิ เก็บภาพไว้เลยนะคะ” นักข่าวหันไปบอกช่างภาพ ให้ถ่ายภาพรัว ๆ จนคนถูกถ่ายแสบตาเลยทีเดียว อิงลดายิ้มแหย ๆ ให้ช่างภาพ เธอไม่กล้าสบตาใครเลยเอาแต่ก้มหน้า “แต่งงานกันมานานแล้วเมื่อไรจะมีเบบี๋คะ” เสียงหนึ่งตั้งคำถาม ทำเอาอิงลดาสะอึก เธอยกมือขึ้นลูบหน้าท้องเบา ๆ ทว่า “ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยครับ” เขากลับปฏิเสธทางอ้อม เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ต้องการลูก “แล้วคุณอิงคิดอยากมีลูกไหมคะ” คราวนี้นักข่าวหันมาเล่นงานเธอ อิงลดาเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวโตข้างกาย “ฉัน...เอ่อ อยากให้มันเป็นธรรมชาติค่ะ ถ้าเขามา...มันคงถึงเวลาแล้ว” เธอว่าเสียงอ่อน ทั้ง ๆ ที่กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ถ้าลูกน้อยยังมาจุติกับเธอ อิงลดาก็ไม่ปฏิเสธว่าตนนั้นยินดีมากที่จะได้อุ้มชู “ว้าว...คงมีข่าวดีแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ” เธอยิ้มน้อย ๆ แต่พอจะอ้าปากพูด “เปลี่ยนเรื่องเถอะครับ” “หืม...ฮ่า ๆ เอางั้นก็ได้ค่ะ ว่าแต่ข่าวลือที่ว่าคุณดนย์แอบคบกับคนใกล้ตัว จริงหรือเปล่าคะ” คราวนี้เป็นเขาที่สะอึก หากปฏิเสธไปนิสาคงเสียใจแย่ แต่ถ้าไม่ก็คงส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์บริษัทของเขา “เอ่อ คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ ผมรักภรรยาผมจะตาย ใช่ไหมครับ” ประโยคหลังเขาก้มหน้าลงมาพูดกับเธอ อิงลดากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้กับนักข่าว เธอโกหกใครไม่เป็น เธอไม่ชอบการโกหกเอาเสียเลย...เขาไม่ได้รักเธอเสียด้วยซ้ำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม