อิงลดานั่งเป็นหมาหงอยตั้งแต่เช้า ใบหน้าเหมือนกับแบกโลกไว้ทั้งใบนั้นทำให้ปิ่นฉัตรเห็นแล้วเหนื่อยใจแทน คุณผู้หญิงไม่ยอมรับความจริงว่าตนนั้นรู้สึกอย่างไรกับคนที่แต่งงานด้วย เผลอ ๆ ความรู้สึกนี้อาจจะเกิดขึ้นก่อนที่จะเปิดพินัยกรรมเสียอีก
“คุณผู้หญิงคะ...” เสียงเรียกของป้าแม่บ้านทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง เธอค่อย ๆ หันหน้าไปมอง “ไหวไหมคะ”
“หือ...” อิงลดามึนงง อยู่ ๆ ป้าปิ่นก็พูดอย่างกับว่าเห็นเธอนั่งเหมือนคนใกล้ตาย แน่นอนว่าเธอไม่เห็นหน้าตัวเอง แต่คนที่มองเห็นนั้น...
“ป้าว่าคุณผู้หญิงยอมรับหัวใจตัวเองเถอะค่ะ อยากทำอะไรก็รีบทำ”
“ยอมรับเหรอคะ...ยอมรับแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น” เธอว่าเสียงอ่อน ถึงจะยอมรับว่าตัวเองกำลังรู้สึกรักผู้ชายที่แต่งงานด้วย แล้วยังไงต่อในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอ แถมยังมีคนรักอยู่แล้วด้วย เหมือนกับว่าไร้ประโยชน์
“ไม่ลองไม่รู้นะคะ...เผื่อว่าคุณผู้ชายอาจจะเอ็นดูคุณผู้หญิงบ้าง ทั้งสาวทั้งสวยแบบนี้...แถมอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก”
“หึ เอ็นดูเหรอคะ หมั่นไส้สิไม่ว่า” เขาเคยบอกว่าเธอมาแย่งความรักจากพ่อแม่ของเขาไป กระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้รังแกเธอเหมือนกับในละครน้ำเน่า เพียงแต่ว่าเขาจะไม่ยุ่งด้วย ไม่เฉียดเข้าใกล้ก็เท่านั้น
“แต่คนที่อยู่ด้วยกันตลอด ก็ต้องมีบ้างค่ะ...ลองดูก็ไม่เสียหายนะคะ ยังไงก็เหลือแค่หนึ่งปีนี่คะ” ปิ่นฉัตรว่าเสียงอ่อน พยายามรบเร้าให้คุณผู้หญิงเชื่อ เธอยังคงอยากดูแลทั้งสองคนเหมือนเดิม อีกหนึ่งปีที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป บ้านหลังนี้ก็ไม่แน่ใจว่าคุณผู้ชายจะขายหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปทำงานที่ไหน
...อิงลดาเงียบไปในทันที เธอคิดวนกับสิ่งนี้ทั้งคืน หากว่าต้องหย่ากันไป จะไม่เสียดายแน่หรือ หากว่าเขาไปแต่งงานใหม่ล่ะ...
หากว่าเขา...
“เฮ้อ...” หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ไม่ง่ายเลยที่จะทำอย่างที่ป้าปิ่นพูด การสารภาพรักอาจจะทำให้เขาเกลียดเธอมากกว่าเดิมก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น...หนึ่งปีที่เหลืออยู่ก็คงไม่ง่าย อาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้ หรือไม่...ก็คงจากกันไม่ดี
...ทว่าขณะนั้นเอง เสียงรถยนต์คุ้นหูก็ทำให้เธอดีดตัวลุกขึ้นยืนอย่างแรง อิงลดาเดินออกไปหน้าบ้านอย่างอัตโนมัติ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคนที่เปิดประตูรถลงมาไม่ใช่คนที่เธอเฝ้ารอ
“คุณผู้หญิงมารอท่านประธานเหรอครับ” เป็นเลขาฯของเขาเอง เธอส่ายหน้าเบา ๆ รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“สวัสดีค่ะคุณลุงณวัฒน์”
“ไม่ต้องถึงกับไหว้เลยครับ เพิ่งเจอกันไปเมื่อวันศุกร์เอง” เขาหัวเราะเบา ๆ แม้นว่าจะอายุมากกว่าแต่ก็ไม่ได้อยากให้คุณผู้หญิงของบ้านยกมือไหว้ เธอเองก็ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มรับบาง ๆ อิงลดาอยากถามใจแทบขาดว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้กลับมาด้วยหรือ แต่ดูเหมือนคนอาวุโสกว่าจะดูออก
“ท่านประทานไปดื่มกับผู้ถือหุ้นครับ ผมก็เลยขับรถมาไว้ที่บ้านให้ เดี๋ยวดึก ๆ ผมจะขับไปรับเองครับ”
“อ้อ ดีแล้วค่ะ ไม่ต้องให้เขาขับเอง” เธอหลุดสีหน้าแสดงความเป็นห่วงออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ณวัฒน์ยิ้มบาง ๆ
“คุณผู้หญิงทำไรอยู่ครับ พอดีผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”
“หืม...คุยกับฉันเหรอคะ”
“ครับ” เธอกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ ก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างของผู้อาวุโสกว่า เดินไปที่สวนดอกไม้หลังบ้าน ณวัฒน์หันซ้ายแลขวา เกรงว่าจะมีคนมาได้ยินบทสนทนา เพราะสิ่งที่เขาจะพูดนั้นสำคัญมากเลยทีเดียว
“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” อิงลดาเห็นอีกฝ่ายเงียบ แถมยังมีท่าทีลุกลี้ลุกลน แปลก ๆ อย่างไรชอบกล
“_” ณวัฒน์เองก็ลังเลเช่นกัน ไม่ง่ายที่จะบอกความจริงเรื่องนี้ แต่ก็เห็นสมควรแก่เวลาที่จะบอก “เหลืออีกหนึ่งปีที่สัญญาจะจบลงใช่ไหมครับ”
“หือ...” เธอมึนงง รู้สึกแปลก ๆ ที่อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็ถามแบบนี้ “เอ่อ ก็ถ้าหมายถึงสัญญาแต่งงานก็ใช่ค่ะ”
“แล้วคุณผู้หญิงรู้สึกยังไงกับคุณผู้ชายครับ รู้สึกรักบ้างหรือยัง”
“คะ?” เธอมึนงงที่อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็ถามอะไรแปลก ๆ แน่นอนว่าคำตอบนี้เธอเองก็อยากรู้เหมือนกัน
“คือเรื่องที่ผมจะบอกมันเกี่ยวกับคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายโดยตรงเลยครับ คุณผู้หญิงรู้ไหมครับว่าทำไมคุณพิสุทธิ์ถึงเขียนพินัยกรรมไว้แบบนั้น”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยเข้าใจว่าทำไมคุณอาถึงเขียนพินัยกรรมให้ฉันแต่งงานกับเขาด้วย” เป็นคำถามที่ค้างคาใจเธอมาตั้งนอนนม ป้าปิ่นสันนิษฐานว่าคุณท่านน่าจะอยากให้เธอมีคนดูแล เป็นห่วงเป็นใยอะไรเทือกนั้น แต่สำหรับอิงลดาเองเธอไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย
“อันที่จริงแล้ว...คุณท่านไม่อยากให้คุณดนย์แต่งงานกับคุณนิสาน่ะสิครับ”
“หือ...” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้น เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“ผมไม่อยากบอกอย่างนี้หรอกนะครับ แต่ว่าตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่หนึ่งปีแต่คุณผู้ชายก็ยังไม่เลิกกับคุณนิสาเลย ผมก็เลยอยากบอกเรื่องนี้ครับ”
“ฉันไม่เข้าใจค่ะ ไม่อยากให้แต่งงาน ทำไมคะ...คุณนิสาก็ดีนี่ สวย เก่งด้วย”
“หึ คุณนิสาน่ะไม่เท่าไร แต่พ่อคุณนิสาน่ะสิครับ” คราวนี้ยิ่งงงไปกันใหญ่ “ผมพยายามสืบเรื่องนี้อยู่ ผมคิดว่าการตายของคุณท่าน ไม่ใช่อุบัติเหตุครับ”
“วะว่าไงนะคะ!” อิงลดาโพล่งออกมาเสียงดัง จนณวัฒน์ต้องเสียมารยากยกมือขึ้นปิดปากของอีกฝ่าย
“เบา ๆ สิครับ” เพราะอย่างนี้เขาจึงไม่คิดบอกใคร เกรงว่าคุณหนูอิงลดาจะทำให้เรื่องมันเสีย บานปลายไม่รู้ตัว ด้วยความที่อีกฝ่ายนั้นตื่นตูมมาก ทว่าตอนนี้เวลาที่เหลืออยู่ก็น้อยเต็มที เขาไม่อยากให้ทั้งสองหย่ากัน
“มะหมายความว่ายังไงคะ” ในหัวเริ่มประมวลผลได้บ้างแล้ว แม้นว่าจะไม่ใช่คนฉลาดมาก แต่ก็ไม่ถึงกับโง่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย
“อันที่จริงแล้วคุณท่านรู้เรื่องนี้มาพักใหญ่แล้วครับ พยายามสั่งให้คุณชายเลิกกับคุณนิสาแล้ว แต่คุณดนย์ก็ไม่ยอม”
“_”
“เหลือหนึ่งปี ผมไม่อยากให้คุณผู้หญิงหย่าเลยครับ ไม่อยากให้สมปรารถนาของคุณไกรวิชญ์” เธอกลืนน้ำลายลงคอ ยิ่งได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่ดี เท่ากับว่าตอนนี้เขาคนนั้นกำลังถูกปั่นหัวอยู่
“ทำไมเพิ่งมาบอกคะ” เธอว่าเสียงสั่น ก้อนน้ำลายเหนียว ๆ มาจุกที่ลำคอ เป็นห่วงเขาคนนั้นจับใจ เมื่อคิดว่าคนเหล่านั้นไม่ได้จริงใจกับเขา
“ผมกลัวข้อมูลที่ผมมีมันจะรั่วครับเลยคิดว่าจะจัดการมันคนเดียว แต่พอเห็นว่าทั้งคุณและก็คุณผู้ชายยังไม่รักกันเลย ก็เลยอยากให้คุณผู้หญิงช่วยยื้อเวลาหน่อยน่ะครับ”
“คือ...”
“ไม่ได้เหรอครับ” พอเห็นว่าเธออึกอัก ณวัฒน์ก็เกิดเกรงใจขึ้นมา เพราะคุณหนูอิงลดานั้นก็ขาดโอกาสในหลาย ๆ อย่างตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเช่นกัน
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันหมายถึง...เอ่อ ฉันเองก็รู้สึก...เอ่อ”
“รักเหรอครับ”
“เอ่อ...” เธอกลืนน้ำลายลงคอ ไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับว่าตนนั้นหลงรักคนที่ไม่ได้สนใจ “คะคือ ก็คงงั้น...มั้งคะ”
“จริงเหรอครับ...งั้นก็ดีเลย ถ้าคุณผู้หญิงรู้สึกรักคุณผู้ชาย ผมก็จะได้ไม่รู้สึกว่ากำลังบังคับคุณผู้หญิงอยู่”
“เอ่อ...” เธออึกอักทำตัวไม่ถูก มือเรียวเล็กยกขึ้นลูบผมสีน้ำตาลของตัวเองเบา ๆ “คือเขาไม่ได้รักฉันน่ะสิคะ”
“เรื่องนั้น...ผมว่าไม่ต้องห่วงหรอกครับ เป็นเพราะคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายทำตัวห่างเหินกัน หลังจากนี้หากว่าคุณผู้หญิงหมั่นเข้าหาคุณผู้ชายผมว่ายังไงก็ใจอ่อนให้ครับ” อันที่จริงแล้วคนนอกมองออก พันธดนย์นั้นก็เกรงว่าตนจะมีใจให้อิงลดาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำตัวห่างเหินกันถึงเพียงนี้หรอก
“เอางั้นเหรอคะ”
“ครับ อย่างนั้นเลย...ยังไงผมก็อยากให้ยื้อเวลาให้มาก ๆ เดี๋ยวผมจัดการหาคนที่ทำร้ายคุณท่านได้ ค่อยว่ากันอีกทีเรื่องสัญญาครับ” อิงลดาไม่ได้ตอบอะไร มือของเธอชื้นเหงื่อขึ้นมาด้วยความหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก หัวใจตอนนี้ยิ่งชัดเจน...ชัดเจนว่าตนกำลังร่ำร้องหาอะไรอยู่