ตอนที่ 1
ลมหนาวพัดผ่านร่างหญิงสาวยามที่เธอนั้นก้าวขาลงจากรถลีมูซีนคันหรู กล้องทุกตัวจับภาพมาทางเธอก่อนที่แสงไฟวูบวาบจะสาดส่องจนดวงตาพร่าไปชั่วขณะ หญิงสาวก้าวเดินเข้าไปด้านใน ท่ามกลางฝูงชนที่ตะโกนร้องเรียกเธอด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ไป๋เซียน นางเอกเบอร์ต้นๆของวงการบันเทิง ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดเธอกลับเปล่งประกายเทียบเท่ารุ่นพี่ ฝีมือการแสดงของเธอนั้นได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้กำกับดังหลายคนอยากที่จะร่วมงานกับเธอทั้งสิ้น
หญิงสาวโปรยรอยยิ้มหวานไปทั่วทั้งบริเวณก่อนที่เธอนั้นจะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
“คุณไป๋เซียน รู้สึกยังไงบ้างคะที่ได้มาร่วมงานในวันนี้”
หญิงสาวยกยิ้มบางก่อนเอ่ยตอบเสียงหวาน เธอได้ชื่อว่าเป็นที่รักของสื่อทุกสำนักเพราะความขี้เล่นและเป็นกันเอง
“รู้สึกหนาวค่ะ”
หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นจากทั่วสารทิศ ไป๋เซียนทำท่าหนาวสั่นยามที่ลมพัดเข้ามาโหมใหญ่
“หนาวจริงๆค่ะ รู้สึกหนาวมาก”
เธอตอกย้ำมุกตลกของตัวเองและแน่นอนว่านักข่าวหลายคนต่างชอบใจจนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“คุณไป๋เซียนยังตลกเหมือนเดิมเลยนะคะ”
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นก่อนที่เธอจะพยายามจี้ถามประเด็นเกี่ยวกับข่าวลือที่หญิงสาวนั้นแอบย่องเข้าบ้านพระเอกหนุ่มชื่อดัง ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากและพยายามเข้ามาถล่อมหญิงสาวในโซเชี่ยลมีเดียของเธอ
“แล้วสรุปว่าคุณไป๋เซียนกับคุณฟ่านได้คบหากันไหมคะ”
หญิงสาวจ้องมองนักข่าวที่กำลังพยายามจี้ถามเธอก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นหนึ่งในแอนตี้แฟน ไม่น่าเชื่อว่าจะไต่เต้าเข้ามาเป็นนักข่าวบันเทิงจนได้
ไป๋เซียนไหวไหล่เล็กน้อย เธอไม่ใส่ใจเรื่องข่าวลือเท่าไหร่และไม่คิดจะออกมาพูดด้วยซ้ำเพราะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่หากอีกฝ่ายต้องการคำตอบเช่นนั้นเธอก็จะยอมพูด
“ฉันสนิทกับเขามาก แต่คนที่สนิทกันจำเป็นต้องคบหากันเหรอคะ”
หญิงสาวย้อนถาม ในวันนั้นเธอเพียงแค่เดินผ่านหน้าบ้านของคุณฟ่านและถูกถ่ายภาพเอาไว้ ทั้งที่เธอเดินมาตั้งใจแต่กลับตั้งใจถ่ายตอนที่เธอเดินผ่านหน้าบ้านชาหนุ่ม
“แต่คุณไปหาเขาที่บ้าน แบบนี้จะปฏิเสธว่าไม่มีอะไรกันงั้นเหรอคะ”
นักข่าวหลายคนเริ่มมองหญิงสาวเพื่อร่วมอาชีพเป็นตาเดียว พวกเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคุกคามความเป็นส่วนตัวของไป๋เซียนมากเกินไปจึงได้เอ่ยขัดขึ้น
“งานจะเริ่มแล้วเชิญคุณไป๋เซียนข้างในดีกว่าครับ”
ทุกคนถอยออกเพื่อให้หญิงสาวเดินเข้างานโดยมีผู้จัดการคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ดูเหมือนว่านักขาวสาวจะไม่ยอมเลิกรายังคงเดินฝ่าวงล้อมผู้คนยื่นไมค์จ่อไปที่หน้าของไป๋เซียน
“ฉันตอบชัดเจนแล้ว คุณนักข่าวไม่เข้าใจตรงไหนคะ”
หญิงสาวเอ่ยถาม แต่ไม่ได้สงสัยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการปั่นประสาทเธอไม่ได้อยากรู้เรื่องราวอะไรมากมาย
เหล่าผู้สนับสนุนของไป๋เซียนที่เห็นว่านักข่าวสาวรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากเกินไปจึงตะโกนด่าทอ แต่หนึ่งในนั้นจำได้ว่านักข่าวผุ้นี้คือแอนตี้แฟนที่เคยถูกประจานในโซเชี่ยล จึงได้ตะโกนขึ้นมา
“นั่นมันแอนตี้แฟนของไป๋เซียน”
ทุกคนกรูเข้ามาหวังจะจัดการกับอีกฝ่าย แต่นักข่าวสาวกลัวว่าถูกรุมทำร้ายจึงได้วิ่งหนีไป ไป๋เซียนส่ายศีรษะก่นที่เธอนั้นจะเดินเข้าไปในงานเปิดตัวหนังเรื่องใหม่ที่เธอแสดงนำร่วมกับนักแสดงชายเบอร์ต้นๆของวงการ
“คุณไป๋เซียน เชิญครับ”
ทุกคนต่างหลบให้เธอเดินเข้าไปด้านใน ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอราวกับว่าเป็นคนสำคัญของงานและได้รับการรอคอยมากที่สุด
“ได้เจอคุณอีกครั้ง ผมรู้สึกยินดีมากจริงๆ”
ผู้กำกับชื่อดังปรี่ตรงเข้ามาเอ่ยทักทายหญิงสาว เขาติดต่อเธอผ่านทางผู้จัดการหลายครั้งแต่กลับถูกปฏิเสธเสียทุกครั้ง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร หญิงสาวถึงไม่เคยตอบรับที่จะร่วมงานกับเขาเสียที
“คุณฉี ยินดีที่ได้พบนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยทักทายเขาอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่เธอจะขอตัวและเดินตรงเข้าไปหาเพื่อนนักแสดงที่กำลังกวักมือเรียก ผู้กำกับหนุ่มหัวเสียได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย เขาเล็งหญิงสาวมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกับเธอเสียที
“เขายังตื๊อเธอหรือเปล่า”
หนึ่งในนั้นเอ่ยถามขึ้นก่อนจะมองผ่านไหล่เพื่อสาวตรงไปยังผู้กำกับดัง แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงด้านผลงานการกำกับที่ยอดเยี่ยม แต่ทว่าชื่อเสียทางด้านอื่นก็ไม่น้อยหน้านัก
ได้ยินว่าเขานั้นชอบหลอกล่อสาวสวยๆเพื่อขึ้นเตียงแลกกับบทเล็กๆในซีรี่ย์
ทำให้เหล่านักแสดงหญิงหลายคนหลีกเลี่ยงไม่ยอมร่วมงานกับเขาเพราะกลัวว่าจะถูกชายหนุ่มแตะต้องลวนลาม
“แน่นอน”
ไป๋เซียนไหวไหล่อีกครั้ง เธอไม่มีวันหลงกลคนเจ้าเล่ห์อย่างผู้กำกับฉีเด็ดขาด
“คงมีแค่ฉันสินะที่โง่อยู่คนเดียว”
นักแสดงสมทบสาวเอ่ยขึ้น ณ เวลานั้นเธอกำลังอยู่ในช่วงเดินสายหางาน และบังเอิญได้พบกับผู้กำกับฉี อีกฝ่ายชวนไปแสดงหนังที่เขากำกับทั้งยังหลอกล่อเธอสารพัด โชคดีที่ไหวตัวทันหนีออกมาได้เสียก่อน นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็พยายามดิ้นรนหาทางเข้าวงการด้วยตัวเอง ไม่ขอพึ่งพาใครอีก
และแล้วผลของความพยายามอย่างหนักตลอดหลายปีก็ส่งผลให้เธอเป็นที่จดจำในฐานะนักแสดง
“ไม่หรอก อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เสียรู้เขา”
แค่ถูกกอดก็ขยะแขยงจะแย่ หญิงสาวนึกภาพวันนั้นแล้วก็อยากจะอาเจียนขึ้นมา เธอทำท่าขนลุกขนผองจนเพื่อนๆพากันหัวเราะด้วยความขบขัน
“งานใกล้เริ่มแล้ว เธอรีบเข้าไปเถอะ”
ไป๋เซียนถูกดันไปที่หน้าเวทีโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ เพียงแค่ก้าวขาขึ้นไปด้านบน เธอก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยทักทายทุกคนเป็นอันดับแรก
“ฉันไป๋เซียน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบทุกคนในวันนี้”
เธอแสดงหนังและซีรี่ย์มาหลายเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นในงานเปิดตัวก็ยังไม่อาจระงับความตื่นเต้นได้ เธอแบกรับความคาดหวังไว้บนบ่า ต่อให้หนังจะแย่แค่ไหนเธอจะเป็นคนแรกที่ถูกวิจารณ์เสมอ
หญิงสาวหวั่นใจทุกครั้งที่หนังออกฉายเพราะมีหลายครั้งที่เธอไม่สามารถทำเงินได้ตามเป้าหมายของผู้สร้าง แต่ถึงอย่างนั้นอัตราการประสบความสำเร็จที่สูงกว่า ทำให้เธอยังคงได้รับความไว้วางใจจากเหล่าผู้กำกับ
ไป๋เซียนเป็นนักแสดงที่มีผลงานเป็นกระแสหลายเรื่อง เธอมีกลุ่มแฟนคลับที่แข็งแกร่งและพร้อมสนับสนุนทุกผลงาน ต่อให้หนังจะแย่แค่ไหนแต่ทุกคนก็พร้อมเสียเงินเพื่อเธอ
ในช่วงหลังหญิงสาวจึงพยายามคัดกรองบทหนังมากขึ้น
เธอไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง หากหนังเรื่องไหนมีแนวโน้มว่าจะถูกวิจารณ์ในด้านลบ เธอก็จะปฏิเสธไป
“กลับก่อนนะทุกคน”
ไป๋เซียนโบกมือให้เพื่อร่วมงานก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับ แต่หญิงสาวเห็นว่าแฟนคลับมารอนานมากแล้ว จึงได้เดินกลับไปยังด้านหน้าและเข้าไปทักทายพูดคุยกับทุกคนอย่างสนิทสนม
“คุณไป๋เซียน อย่าลืมอ่านหนังสือที่ฉันให้ไปนะคะ”
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น
“ฉันอ่านอยู่ สนุกมาก”
ไป๋เซียนเอ่ยก่อนที่เธอนั้นจะรับดอกไม้และของขวัญมาถือไว้จนล้นมือ ผู้จัดการสาวเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปช่วยถือทันที กว่าจะถ่ายรูปและมอบลายเซ็นเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน
ไป๋เซียนเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงขอร้องให้ทุกคนกลับบ้านและอวยพรให้พวกเขาเดินทางอย่างปลอดภัย
กว่างานจะเลิกราก็ดึกดื่นเที่ยงคืน หญิงสาวอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ทันทีทีก้าวขึ้นรถเธอก็ถอดรองเท้าและเครื่องประดับออกทันที
“เหนื่อยจริงๆเลย”
เธอโอดครวญก่อนจะบิดตัวไปมาไล่ความปวดเมื่อย ไป๋เซียนเอนกายพิงเบาะพลางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงไฟยามค่ำคืนทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย
หญิงสาวล้วงหยิบหนังสือขึ้นมาจากกระเป๋า เปิดหน้าที่คั่นเอาไว้ก่อนจะกวาดสายตาตาอ่านอย่างช้าๆ
ปกติแล้วหญิงสาวไม่ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือสักเท่าไหร่นัก แต่หนังสือเล่มนี้แฟนคลับให้มาครั้นจะไม่อ่านก็รู้สึกผิด แต่พออ่านไปอ่านมาก็ติดงอมแงมจนวางไม่ลง
“อ่านหนังสือบนรถเดี๋ยวก็เวียนหัวหรอก”
ผู้จัดการสาวเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเอนหลังพิงเบาะเพื่อพักผ่อน ระยะทางจากโรงแรมหรูกลับที่พักนั้นต้องใช้เวลาเดินทางราวๆหนึ่งชั่วโมง เธอจึงอยากไป๋เซียนพักผ่อนเนื่องจากว่าพรุ่งนี้มีงานแต่เช้าตรู่ กลัวว่าหญิงสาวจะตื่นไม่ไหว
“ฉันอ่านไม่นานหรอก เธอนอนก่อนเถอะ”
ว่าแล้วเธอก็เอนกายนอนลงบนเบาะ ขาเหยียดตรงก่อนจะกวาดสายตามองตัวอักษรที่ละบรรทัดอย่างใจเย็น
“เธอต้องพักผ่อนบ้างนะไป๋เซียน พักนี้สุขภาพเธอแย่ลงไม่ใช่เหรอ”
ผู้จัดการสาวเตือน ผลการตรวจร่างกายล่าสุดบ่งบอกว่าร่างกายของอีกฝ่ายกำลังมีปัญหา หากพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายนั้นทรุดแย่ลงได้
แต่ไป๋เซียนมีหรือจะฟัง เธอเป็นคนดื้อรั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรจนบางครั้งผู้จัดการสาวก็รู้สึกเอือมระอา
เนื้อเรื่องที่เธออ่านค้างไว้ถึงตอนที่พระรองกำลังแอบมองพี่ขายและคู่หมั้นอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เพียงเห็นสายตาของไป๋ซินที่จ้องมองพี่ชาย เขาก็รู้แจ้งทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นคิดเช่นไรกับคนตรงหน้า
ไป๋เซียนรู้สึกเห็นใจพระรองหนุ่ม แต่ถึงอย่างนั้นก็แอบหมั่นไส้เขาเล็กน้อยที่มัวแต่ลอยไปลอยมาไม่ยอมสารภาพความในใจ ปล่อยให้อีกฝ่ายนั้นไปปลูกต้นรักกับแม่ทัพป่าเถื่อน
แม้จะรู้สึกขัดใจแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงลุ้นกับเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปอย่างเข้มข้น
แต่อ่านไปได้เพียงสามสี่หน้า ดวงตาคู่สวยเริ่มหนังอึ้งก่อนที่จะปิดลงเรื่อยๆ แม้ว่าจะง่วงจนแทบทนไม่ไหวแต่ไป๋เซียนก็ยังคงฝืนอ่านต่อไป ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอนั้นพยายามต่อสู้กับร่างกายของตัวเองอย่
างหนัก แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อความง่วง
“ไม่ไหวแล้ว อ่านหพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
หญิงสาวพึมพำก่อนที่เธอจะหลับตาลงและผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว