หลังออกจากผับเจบีพาเจ้าเอยมาที่คอนโดของตัวเอง เขาอุ้มเธอไปวางลงบนเตียงอย่างเบามือแล้วนั่งพินิจมองใบหน้าเธอด้วยความหลงใหล เขาไล่สายตาและใช้มือสัมผัสไปตามใบหน้าหน้าผาก คิ้วเรียวสวยที่รับกับจมูก ปากอวบอิ่มอมชมพูระเรื่อ ผิวขาวเนียนละเอียดอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี แต่เสียดายที่ไม่เห็นดวงตากลมโตที่ตรึงตาตรึงใจเขาคู่นั้น
“ขนาดหลับยังน่ารักขนาดนี้ใครจะอดใจไหว หืม......” เจบีอดใจไม่ได้ก้มลงหอมแก้มทั้งสองข้างพร้อมกับแอบสูดกลิ่นหอมประจำตัวที่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม ยิ่งสูดดมก็ยิ่งติดใจจนไม่อยากจะห่างไปไหน อยากจะเก็บเธอไว้ข้างกายตลอดเวลา
“อื้อ....” เสียงคนหลับครางออกมาเพราะความรำคาญเมื่อโดนรบกวนการนอนหลับที่แสนสบาย การกระทำแบบนี้ทำให้เจบียิ้มออกมาด้วยความชอบใจ
“นอนแบบนี้จะสบายตัวได้ไง” เจบีมองดูกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อดรอปเอวลอยของเจ้าเอยก็ให้นึกอึดอัดแทน เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาลุกขึ้นไปหยิบกะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กและเสื้อเชิ้ตของตัวเองในตู้เสื้อผ้าติดมือมาก่อนจะลงมือถอดเสื้อผ้าของเจ้าเอยออกจนเหลือเพียงชุดชั้นในสีเนื้อ
เจบีรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผากเขากลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก เขาเคยเห็นรูปร่างของผู้หญิงมาก็เยอะเพราะเขาเป็นหมอ แต่ตอนนี้เขาคิดว่าไม่ควรถอดเสื้อผ้าเธอออกเลยจริง ๆ เพราะมันทำให้เจบีน้อยของเขาขยายตัวอยู่ในกางเกงจนรู้สึกได้
เขารีบลงมือเช็ดตัวให้เจ้าเอยด้วยความรวดเร็วก่อนจะรีบใส่เสื้อเชิ้ตของเขาให้เธอ พอทุกอย่างเสร็จก็ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโล่งใจอย่างมาก แล้วก็ไม่ลืมที่จะก้มลงหอมแก้มของเธอเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเอง จากนั้นก็ลุกขึ้นเอาของไปเก็บและรีบจ้ำอ้าวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำและจัดการกับเจบีน้อยที่กำลังแข็งชูชันจนเขารู้สึกปวดหนึบไปทั้งลำ
หลังอาบน้ำเสร็จเจบีก็กลับมาทิ้งตัวลงนอนเตียงเดียวกับเจ้าเอยแล้วก็ไม่ลืมจะคว้าร่างบางที่นอนหลับสนิทเข้ามากอด ดีนะที่ไอ้ชั่วนั้นมันใส่ยานอนหลับให้เธอกินถ้าเป็นยาปลุกเซ็กส์เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง
เจ้าเอยตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียพอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับสถานที่ที่ไม่คุ้นตา เธอรีบลุกขึ้นนั่งแล้วหันมองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจ ห้องนี้เป็นห้องสีขาวปนเทาที่ตกแต่งเป็นระเบียบอย่างมากเพียงแค่มองก็รู้ว่าเป็นห้องนอนของผู้ชายแน่นอน
“ที่นี่ที่ไหน เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย” เจ้าเอยก้มลงมองดูตัวเองก็พบว่าเธอไม่ได้ใส่ชุดเมื่อคืนแต่เป็นเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่น่าจะเป็นของผู้ชายเพราะตัวมันใหญ่แต่ก็ยังดีที่เธอยังใส่ชุดชั้นในอยู่
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น คิดสิคิดไอ้เอยเอ๋ย” เจ้าเอยพยายามรวบรวมสติและสมองที่มีคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน เธอค่อย ๆ ไล่ลำดับเหตุการณ์ เมื่อคืนเธอไปเที่ยวผับกับพีพีแล้วเจอกับดิน เธอไปห้องน้ำแล้วกลับมาที่โต๊ะหลังจากนั้นก็ภาพตัดไปจำอะไรไม่ได้เลย เจ้าเอยแทบอยากทึ้งหัวตัวเองเมื่อคิดเรื่องหลังจากนั้นไม่ออก
“แล้วสรุปเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเรา แล้วพีพีอยู่ไหนเนี่ย” เมื่อคิดได้ดังนั้นเจ้าเอยก็รีบลงจากเตียงหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาเสื้อผ้าและกระเป๋าของตัวเองแต่ไม่เจอ เธอเลยตัดสินใจเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อคลุมสักตัวจะได้ใช้ใส่กลับห้องได้
“ขอยืมหน่อยนะ” เจ้าเอยหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่แล้วเปิดประตูห้องออกมามองสำรวจก็ไม่เจอใครสักคนก็รีบออกจากห้องโดยไว เธอต้องรีบออกจากห้องนี้ก่อนที่เจ้าของห้องจะกลับมาเพราะเธอยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาและเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
เจ้าเอยกลับมาถึงห้องด้วยความยากลำบากเพราะเธอไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่าง ไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีแม้กระทั่งคีย์การ์ดเข้าห้อง จนต้องไปขอยืมเงินกับคีย์การ์ดสำรองจากประชาสัมพันธ์ของคอนโดที่รู้จักกัน
“หิว ๆ ๆ” พอเข้ามาในห้องได้ก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหาอะไรกินเพราะตอนนี้ก็บ่ายหิวจนใส้จะขาดอยู่แล้ว ระหว่างที่กำลังนั่งทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยความอร่อยอยู่นั้น พีพีก็เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าอิดโรย
“พีพีแกไปไหนมาทำไมถึงกลับมาตอนนี้”
“เอาไว้ค่อยคุยได้ไหม พีพีหิวมีอะไรกินบ้าง” พีพีไม่ตอบคำถามของเจ้าเอยแต่กลับเปลี่ยนเรื่องแทน เพราะเธอไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงจุดไหน
“นี่ไงกินด้วยกันไหม” เจ้าเอยชี้ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ตัวเองกำลังกินอยู่ให้พีพีดูและชวนมากินด้วยกัน พีพีเองก็ไม่รอช้ารีบมาร่วมแจมบะหมี่ในถ้วยของเจ้าเอยอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งคู่ก็อิ่มแล้วก็นั่งมองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเริ่มคุยจากตรงไหน
“พีพีแกจะคุยก่อนหรือไปอาบน้ำก่อน” เจ้าเอยเห็นสีหน้าท่าทางของพีพีดูเหมือนมีอะไรในใจเลยตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“พูดก่อนก็ได้”
“งั้นก็เล่ามา”
“พีพีขอโทษ” พีพีพูดเสียงเบาน้ำตาคลอเบ้าเธอรู้สึกผิดที่พาเจ้าเอยไปเที่ยวแล้วเกิดเรื่องแบบนี้ เธอคิดว่าเจ้าเอยก็คงเจอเรื่องไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่
“ขอโทษเรื่องอะไร เอยไม่เข้าใจ”
“ก็เรื่องที่ชวนแกไปเที่ยวผับเมื่อคืนไง ถ้าพีพีไม่ชวนเรื่องก็คงไม่เกิด”
“ช่างมันเถอะ แกไม่ได้ผิดอะไรน่ะพีพีและก็ไม่ต้องคิดมากด้วย ว่าแต่เมื่อคืนแกไปนอนที่ไหนมา”
“ไม่รู้ตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอใคร แล้วแกละ”
“เหมือนแกเลย เอยตื่นขึ้นมาในห้องใครก็ไม่รู้แถมไม่เจอเจ้าของ แต่ที่เอยสงสัยคือเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น เอยจำไม่ได้เลยภาพตัดไปตั้งแต่”
“ต้องเป็นเพราะไอ้พี่ดินแน่ ๆ ที่วางยาเรา แต่พีพีสงสัยว่าทำไมไอ้พี่ดินถึงได้ปล่อยเราไปกับใครก็ไม่รู้ ทั้งที่มันชอบแกตามจีบแก”
“เอยก็ไม่รู้ แล้วแกเป็นอะไรหรือเปล่า เอ่อ.... อย่างเรื่อง” เจ้าเอยถามพร้อมเอาปลายนิ้วชี้จิ้มกันก่อนจะไล่สายตามองสำรวจพีพีที่ยังอยู่ในชุดเมื่อคืน
“พีพีคิดว่าไม่นะเพราะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายเลย แล้วแกละ” พีพีสองสำรวจเจ้าเอยที่อยู่ในชุดใหม่ทำให้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนบ้างจึงได้แค่ถาม
เจ้าเอยไม่ได้ตอบแต่ส่ายหัวให้พีพีได้รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เธอคิดว่าแบบนั้นนะเพราะไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเหมือนกันถึงแม้ชุดที่ใส่ตอนตื่นจะไม่ใช่ชุดเดิมของเธอก็ตาม
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นพีพีขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม”
พีพีลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเองรู้สึกสดชื่นและสบายตัวขึ้น คอนโดนี้เป็นห้องที่สองสาวพักอยู่ด้วยกัน มีหนึ่งห้องนอนสองห้องน้ำ ห้องไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่แคบจนเกินไป
“นายครับคุณเจ้าเอยกับเพื่อนของเธอกลับไปแล้วครับ” โรมเดินเข้ามารายงานเจบีในห้องทำงานที่โรงพยาบาลทันทีที่ลูกน้องที่เฝ้าคอนโดของเจบีโทรมารายงานว่าเจ้าเอยและพีพีออกจากคอนโดไปแล้ว
“อืม” เจบีรับคำแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเธอออกจากห้องตอนไหนเพราะเขาดูเธอจากกล้องที่ติดอยู่ทั่วคอนโดตั้งแต่เขาออกจากคอนโดมาแล้ว ก็ทำไงได้เขาไม่อยากละสายตาจากเธอไปสักวินาทีเดียว
“ผมสงสัยทำไมนายไม่แสดงตัวให้พวกเธอรู้ว่านายเป็นคนช่วยเธอกับเพื่อนจากไอ้ชั่วคนนั้น”
“ยังไม่ถึงเวลา”
“เวลาอะไรหรือครับนาย” โรมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม เพราะเขาไม่รู้ว่าจริง ๆ เจบีรออะไร แต่ก็ไม่ได้คำตอบมีเพียงรอยยิ้มมุมปากกับสายตาชอบใจของเจบีกลับมาเท่านั้น
“หึ”