ตอนที่ 3 แผนการคนใจร้าย 50%

4135 คำ
ตอนที่ 3 แผนการคนใจร้าย 50% “ยังไม่เลิกกลัวหรือสาวน้อย…” ปากหยักขยับถามไม่ไกลจากดวงหน้าสวย ลมหายใจร้อนระอุรวยรินไม่ห่างปลายจมูกรั้น มือหนาช้อนดวงหน้างามเอาไว้อย่างทะนุถนอม สายตาคมสบประสานนัยน์ตางามชื้นแฉะ ซึ่งมีน้ำใสคอยหล่อเลี้ยง หัวใจเปราะบางไหวระริก เมื่อเจอแรงเสน่ห์เกินต้านทานของคนตรงหน้า หญิงสาวขากรรไกรค้าง เอ่ยตอบกระตุกกระตัก “ฉะ…ฉัน…” ความมาดมั่นในตัวเองไม่มีเอาเสียเลย จริตาหวาดกลัวตัวสั่นเทาค่อนชั่วโมงก็ยังไม่หาย ธนาวัฒน์เห็นแล้วก็รู้สึกเห็นใจ เสียงเข้มจึงเอ่ยถ้อยวลีให้คนตัวเล็กได้สบายใจ “ไม่มีใครเอาตัวเธอไปได้หรอก ถ้ายังอยู่ในปกครองของฉัน…” เจ้าพ่อหนุ่มสัญญากับตนเองแล้วว่าจะไม่ยอมเสียเธอไปให้ใคร แม้นจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะทุกๆ วัน เขาเหมือนโรคจิตเฝ้าแอบมองหญิงสาวทุกอากัปกิริยา ผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ทุกซอกทุกมุมของตึกหรู “แต่คุณก็เอาฉันไปให้เขา ไม่ใช่ ระ..หรือคะ” คนตัวน้อยถามออกมาด้วยความใสซื่อ ธนาวัฒน์หน้าหงิกไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเอาใจคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน ขณะเดียวกันมือหนายังโอบอุ้มดวงหน้าสวยหวาน นิ้วโป้งเช็ดหยาดน้ำตาที่ล่วงเผาะลงมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะขยับปากหยักสีสดเอื้อนเอ่ย “มันเป็นแค่แผนน่าคนสวย เลิกกลัวซะนะ นอนพักผ่อนได้แล้ว…” บอกปัดให้คนตัวน้อยสบายใจ และได้พักผ่อนนอนหลับเสียที ทั้งๆ ที่ใจจริงเขาอยากกระชากร่างงามมาโอบกอด ให้เธอหายขาดจากอาการหวาดผวา   “ฉัน” เสียงหวานกำลังขยับเอื้อนเอ่ยแต่ไปต่อไม่เป็น เมื่อเผลอสบตาคมของคนตรงหน้า คนอ่อนด้อยอย่างเธอจำต้องหลุบเปลือกตาลงต่ำ กลีบปากอิ่มขมุบขมิบ ทำเอาคนที่ปรายสายตามอง ต้องอดใจกับกิริยาน่ารักของเธอด้วยการสั่งให้พักผ่อนอีกครั้ง พร้อมยังหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนสภาวะที่เป็นอยู่ “พักผ่อนซะนะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงลุกขึ้นมาทำงานแต่เช้า ชั้นส่วนตัวทั้งหมดพรุ่งนี้ต้องเสร็จก่อนเจ็ดโมง” อาศัยความเผด็จการที่ชอบกระทำบ่อยๆ กับคนดื้อเงียบ และเวลาขณะนี้ก็ตีสองกว่า สาวน้อยได้พักไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบตื่นมาทำงานให้เสร็จตามที่เขาสั่ง ใบหน้างามยังคงก้มงุดไม่กล้าสบตา มีเพียงเรียวปากสวยที่ขยับรับคำอย่างไม่กล้าขัด “ค่ะ”  ธนาวัฒน์ค่อนข้างพอใจ เมื่อวันนี้สาวน้อยคนสวยดื้อซนน้อยกว่าทุกวัน หลังจากส่งจริตาเข้านอน เจ้าพ่อหนุ่มหล่อก็ปลีกกายกลับมายังห้องนอนของตน ตรงไปยังเตียงกว้างแล้วล้มกระแทกตัวลงนอนอย่างเมื่อยล้า เปลือกตาหนาหนักอึ้งปิดแนบกันไม่ถึงห้านาทีเป็นอันต้องไปเฝ้านิทรารมย์  จนลืมโทรศัพท์หาภรรยาคนสวย…      คอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา… บนเตียงกว้างขนาดคิงไซส์สีน้ำตาลอ่อน สายตาคมกล้าทอดมองดวงหน้าแสนหวานชวนหลงใหลของเมียศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างเพ่งพินิศ ปลายนิ้วแกร่งไกล่เกลี่ยโครงหน้าเนียนรูปไข่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งมองนานเท่าใดหัวใจยิ่งเจ็บหนึบ เพราะมองไปทางไหน จับต้องส่วนใด บนกายงามผ่อง ก็เป็นของเหลือมือ... มุมปากหยักแสยะยิ้มเหยียดหยัน ก่อนมือหนาจะคว้าไอโฟนรุ่นล่าสุดของตน กดเข้าแอฟพลิเคชั่นที่ต้องการ เปิดกล้องที่มีรายละเอียดสูงบันทึกภาพนวลนางตรงหน้า ยิ่งแม่ร่างน้อยสวมชุดมินิเดรสโชว์เรียวขาเสลาก็เป็นโอกาสอันงาม มือหนาจับกล้องถ่ายภาพเก็บรายละเอียดเอาไว้อย่างพอใจ ก่อนจะเริ่มเตรียมแผนขั้นต่อไป   ฤทธิ์ยาสลบที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้ร่างบางไม่รู้สึกตัว ครั้นคนตัวใหญ่ยุ่มย่ามบนกายก็ไม่รู้สึกอะไร แม้มือหนาจะสัมผัสบริเวณใดแม่คุณก็แน่นิ่งไม่ไหวติง ภาพถ่ายนับสิบถูกบันทึกเอาไว้ในไฟล์ลับ ต้องใส่พาสเวิร์ดเสียก่อนถึงเข้าชมได้ สายตาคมที่จดจ้องร่างงามมองไปทางใดก็เต็มไปด้วยเคียดแค้น หัวใจมืดบอดพร่ำนึกถึงแต่เรื่องราวที่ตนได้รับอย่างเจ็บปวดตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ภาพอดีตคนรักเก่าเคียงข้างกับศัตรูเบอร์หนึ่ง คอยหลอกล่อให้นักธุรกิจหนุ่มหูมืดตามัว ต้องตัดสินใจกระทำในสิ่งที่เรียกว่า ‘สามานย์’ เช้ามืดของวันใหม่… บรรยากาศภายในห้องมืดสลัว เปลือกตาบางของคนสลบไปหลายชั่วโมงปรือปรอยด้วยความหนักอึ้ง ลำคอแห้งผาก จนทำให้หญิงสาวขยับปากเอ่ยขอน้ำโดยไม่รู้ตัว “ขะ ขอน้ำหน่อย” ร่างกายปวดเมื่อยไปทั้งสรรพางค์กาย ภีมวัจน์ที่นอนอยู่ได้ยินเสียงแหบพร่า รีบดีดกายลุกจากโซฟาตัวยาว เอื้อมมือคว้าแก้วน้ำเปล่าที่ตนเตรียมไว้ยื่นส่งให้หญิงสาว    ทิชารีย์เอื้อมมือมาหยิบเอาแก้วน้ำไปดื่ม โดยไม่ทันได้สังเกตคนที่เอาน้ำมาให้ เนื่องจากร่างกายเกิดการกระหายอย่างหนัก หญิงสาวกลืนน้ำเปล่าลงคออึกๆ จนหมดแก้วในเวลารวดเร็ว เมื่อนึกได้คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น เธอคงไม่ฝันไปหรอกมั้ง!! ความหนักอึ้งราวกับหินก้อนใหญ่ทับศีรษะทำเอาหญิงสาวหน้ามุ่น สายตาคู่งามกวาดต้อนไปตามผนังห้องกว้างทำให้เห็นภาพที่ไม่คุ้นตา หญิงสาวปรับสายตาอยู่สักพักก่อนจะพินิศอีกครั้ง ทว่ามันก็ยังไม่คุ้นเหมือนเดิม เธอจำได้ว่าห้องนอนของเธอมันสวยกว่านี้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม? มือน้อยที่ไร้เรี่ยวแรงคว้านหาสิ่งที่ตนชอบกอดเวลานอน แต่กลับกลายเป็นว่า…เจ้าหมีตัวใหญ่นุ่มๆหาย!! มือน้อยวาดลำแขนคว้านหาอีกครั้งแต่ก็ไม่พบ ปกติตื่นเช้ามามันต้องอยู่ข้างๆ แต่วันนี้มันหายไปไหน ทุกการกระทำของเธอ ล้วนอยู่ในสายตาคนตัวใหญ่ที่นั่งบนโซฟา ภีมวัจน์ยิ้มหยันในใจ เมื่อเหตุการณ์ที่ตนวาดหวังมันจะเริ่มในไม่กี่นาทีข้างหน้า ดูสิ!! ถ้าเมียมันมาเป็นเมียเขา มันจะทำหน้าแบบไหน มันจะยอมไหม ถ้าต้องเอาที่ดินผืนงามที่หวงนักหวงหนามาแลกกับเมียสุดที่รักของมัน! เจ้าของห้องคนหล่อทำเงียบ ไม่แม้แต่ขยับปากหยักสีสดเอื้อนเอ่ยวลีใดๆ มีเพียงส่งสายตาแข็งกร้าวจับจ้องคนบนเตียง เพราะชายหนุ่มเชื่อว่าการรวมจิตทั้งหมดแล้วเพ่งไปที่คนใดคนหนึ่ง เขาต้องรู้สึกตัวและหันมามองในที่สุด ด้านทิชารีย์ก็รู้สึกว่าตนไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว ความรู้สึกเธอมันบอกว่าต้องมีใครอีกคน และเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังโดนคนจ้อง หญิงสาวหันหน้าไปมองและก็เป็นจริง เมื่อสายตาคู่งามดันประสานกับร่างหนาที่แสนคุ้นตา เธอเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึงการณ์ ส่วนคนที่จ้องมองอยู่แล้ว ยักคิ้วทักทาย ก่อนจะเด้งกายลุกจากโซฟา แล้วเขยื้อนร่างหนามาอยู่บนเตียงกับคนตัวน้อย ซึ่งกำลังส่งสายตามองมาทางเขาด้วยท่าทีมึนงง หญิงสาวจำได้เรื่องราวครั้งล่าสุดได้ก็ตอนเดินลงจากรถ แล้วทำไมเวลานี้เธอถึงมาอยู่ห้องของเขาได้ล่ะ หรือว่า? “คุณภีม” เสียงหวานอุทานเรียกชื่อชายหนุ่มอย่างตกใจ ทิชารีย์งงงวยไม่น้อย คิ้วเรียวสวยผูกปมเชิงถาม ด้านเจ้าของชื่อคนหล่อ เหยียดยิ้มแล้วขยับกลีบปากหยักถามด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้าง “ใช่! ฉันเอง ทำไมเหรอ? กลัวจำชื่อฉันไม่ได้หรือไง” เขยื้อนกายเข้าใกล้ร่างงาม กระซาบกระซิบใกล้ใบหูผ่อง ทิชารีย์ถอยร่น ทว่าคนตัวใหญ่กลับไม่ยอม ร่างหนาเคลื่อนขยับตาม ราวหมาป่ากำลังไล่ต้อนเหยื่ออันโอชะ “แล้วคุณมาอยู่ที่นี่ เอ่อ…” ทิชารีย์ถามอย่างไม่เข้าใจ เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก ร่างงามเบี่ยงหลบใบหน้าคมที่โน้มต่ำลงมาใกล้ ทว่าภีมวัจน์กลับไม่ยอมล่าถอย ชายหนุ่มโถมร่างหนาเหนือร่างแน่งน้อย พร้อมขยับปากเอ่ยชิดเรือนผมคลื่นลอนยาวสีน้ำตาลเข้ม “ก็ห้องฉัน ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์มาอยู่ ฮึ!”  สมองน้อยคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา และเริ่มปะติดปะต่อภาพเหตุการณ์ จนเริ่มรู้ตัวแล้วว่าคงโดนเขาจับตัวมา คนอย่างภีมวัจน์กล้าทำกับเธอถึงขนาดลักพาตัวเชียวเหรอ!! เขาไม่เคยนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่มีร่วมกันเลยใช่ไหม?? “แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าคุณเป็นคนจับตัวฉันมา” แหงนหน้าถามพร้อมจิกตามองคนตัวใหญ่ที่คร่อมร่างอย่างเอาเรื่อง ทว่าภีมวัจน์กลับไม่ใส่ใจ ชายหนุ่มยิ้มหยันแล้วขยับปากเอ่ยเย้าแหย่คนตัวน้อย “พูดเพราะๆ หน่อยสิคนสวย…พูดเหมือนที่พูดกับผัวเธอน่ะ พูดเป็นไหม หือ…” พ่นลมหายใจร้อนรวยรดเนินเนื้อผ่อง ถ้อยวาจาที่พรั่งพรูออกมานั้น ทำเอาหัวใจดวงน้อยเจ็บปลาบแปลบ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาอีกครั้ง “คุณเป็นคนจับฉันมาใช่ไหม…” จ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ทว่าคนตัวใหญ่ไม่ตอบ มีเพียงโน้มเรือนกายอันทรงพลังเข้าใกล้ ใกล้เสียจนสัมผัสลมหายใจของกันและกัน หนำซ้ำจมูกโด่งคมสันยังคอยเฉียดพวงแก้มใสอย่างตั้งใจ ทำเอาทิชารีย์ถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง    ยิ่งร่างหนาโน้มกายเขามาใกล้ หัวใจดวงน้อยยิ่งเต้นระส่ำจนไม่เป็นจังหวะ ทิชารีย์นึกแปลกใจว่าทำไมร่างกายของเธอถึงรู้สึกแปลกๆ ความร้อนรุ่มวิ่งพล่านจับไปตามกระแสโลหิต ร่างกายวูบวาบราวกับมีถ่านร้อนฝากฝังอยู่ “ขยับไปห่างๆ เลยนะ ฉันอึดอัด” เสียงหวานสั่ง พร้อมถอยกายร่นจนชิดหัวเตียง ภีมวัจน์ไม่สนใจคำสั่ง ร่างหนาทรงพลังเคลื่อนขยับตาม แผงอกกว้างเฉียดกับอกนุ่มคู่สวยที่โผล่พ้นร่มผ้าอย่างวาบหวิว พวงแก้มใสระเรื่อร้อนวูบ ร่างกายปั่นป่วนแต่กลับรู้สึกดีเมื่อเนื้อกายบึกบึนของเขาแตะสัมผัส หญิงสาวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมเธอถึงมีอาการแบบนี้ สายตาแพรวพราวจ้องดวงหน้าสวยหวาน ก่อนจะเอ่ยวาจาชวนกรี๊ดให้หูดับตับไหม้ “ฉันไม่ได้ไปนั่งทับเธอนี่ หรือว่าอยากให้ฉันทำล่ะ…คนสวย” ไล้ปลายนิ้วแกร่งตามปลายคางมนอย่างสิเน่หา ขณะสายตาคมกริบยังจดจ้องนัยน์ตาคู่งามราวเสือร้ายที่กำลังหิวโหย ภีมวัจน์ยิ้มหยันในใจ เมื่อมองเห็นดวงหน้าหวานเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมแดงราวกับลูกตำลึงสุกเพราะเวลาผ่านไปหลายชั่วอึดใจ อะไรๆ ก็คงจะได้ผล และอีกไม่นานเขาคงได้ดำเนินแผนงานอย่างมีความสุข...ซ่านเสียว กายหนาเสียดสัมผัสกับกายบอบบางของคนตัวน้อยใต้ร่าง ทว่าทิชารีย์ก็พยายามเลี่ยงหลบ เรียวปากรูปกระจับคอยพ่นเสียงหวานตวาดไล่เขาออกห่างอย่างไม่ชอบใจ ทั้งๆ ที่ร่างกายของเธอมันตรงกันข้าม ยิ่งโดนฝ่ายชายสัมผัสมันยิ่งรู้สึกมีความสุข “อ๊ายยย!! ขยับออกไปไกลๆ เลยนะ เอาหน้าเหม็นๆ ของคุณออกไปห่างๆ หน้าฉันด้วย” จมูกโด่งเป็นคมสัน ชนจมูกรั้นอย่างตั้งใจ ปากหยักสัมผัสกลีบปากอิ่มสีเรื่อด้วยอารมณ์แสนหลากหลาย พ่อคนความต้องการสูงต้องยับยั้งชั่งใจ พร่ำบอกตนเองว่าให้ทนรอเสียก่อน เพราะอีกไม่กี่อึดใจ เขาก็จะได้ทดลองสินค้ามือสองชิ้นสวยใต้ร่างแน่นอน   ขณะทิชารีย์ขยับปากตวาดไล่คนตัวโตออกห่าง ทว่ากายบางของเธอกลับต้องการเขาขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ยิ่งเรือนกายบึกบึนเสียดสัมผัส อาการร้อนรุ่มที่ปะทุขึ้นก็ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวี แต่หญิงสาวต้องกัดฟันอดกลั้น ครั้นจะขยับกายลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าเพื่อระคายความร้อนสักหน่อย เธอก็โดนคนตัวโตกักร่างเอาไว้   “ทำไม? ไม่ชอบหรือไงที่ฉันทำอย่างนี้ หืม…”   ลมหายใจร้อนดุจเปลวเพลิงพ่นออกมาแผดเผาคนตัวน้อยใต้ร่าง ทำเอาทิชารีย์หน้าแดงสุก ใบหน้างามเบี่ยงหลบจมูกโด่งที่คลอเคลีย มือน้อยผลักอกกว้างกระด้างให้ถอยไปไกลๆ เรียวปากสวยคอยสาดน้ำคำใส่อย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่หัวใจดวงน้อยกลับเต้นแรงและรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ “ไม่!! ฉันไม่ชอบ” วาจาห้วนราวกับมะนาวแล้งน้ำ และเธอก็ไม่เกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย คอยสาดคำใส่คนตัวใหญ่ด้วยอารมณ์สุดโกรธ ซ้ำร่างกายยังต้องต่อสู้กับความร้อนวูบวาบ เหมือนกระแสไฟฟ้าหลายหมื่นโวลต์กำลังเคลื่อนผ่าน เมื่อภีมวัจน์รู้ว่าร่างกายหญิงสาวเริ่มทำงาน ก็เร่งมือปลุกเร้า มือร้อนข้างซ้ายลูบไล้ท่อนขาเรียวเสลาอย่างแผ่วเบา ทำเอาทิชารีย์ถึงกับสะดุ้งโหยง ดวงตาคู่งามถลึงใส่คนตัวโตอย่างไม่ชอบใจ แต่ในขณะเดียวกันกายงามของเธอกลับเรียกร้อง “ถ้าเป็นสัมผัสของไอ้แธน เธอคงจะชอบกว่านี้ใช่ไหม…” ภีมวัจน์เอ่ยถามเสียงพร่า แต่ไม่วายกระแหนะกระแหนตามนิสัย ทิชารีย์ได้ยินก็รีบโต้ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “มะ มันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” เชิดใบหน้าพลางย่นจมูกใส่ ท่าทางผยองของแม่คุณมันน่าจับกดให้แดดิ้นอยู่ใต้ร่างนัก! ภีมวัจน์เห็นแล้วโมโหสุดๆ ไม่เกี่ยวกับเขาอย่างนั้นเหรอ อีกไม่กี่นาทีเธอได้เกี่ยวกับฉันแน่!! สาวน้อย… แววตาคมกล้าวาวโรจน์ด้วยความโกรธกรุ่น ขณะที่รังสีอำมหิตได้แผดกระจายทั่วทั้งห้องกว้างหรู “ไม่เกี่ยวยังไงฮะ!” ตะคอกเสียงห้วนพลางใช้มือหนาดุจคีมล็อกบีบหัวไหล่มนจนสุดแรง ทิชารีย์เบ้หน้าด้วยความเจ็บ แต่เธอก็ไม่ยอมปริปาก ร่างบางพยายามสะบัดกายเพรียวระหงของตนให้พ้นมือมาร แต่ภีมวัจน์ไม่ยอมปล่อย เขาจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระก็ต่อเมื่อ… “ต่อไปฉันจะเป็นคนบงการชีวิตเธอเองทิชารีย์ ฉันให้เวลาเธอไปตั้งหนึ่งอาทิตย์แต่ทุกอย่างกลับเงียบ ไม่มีอะไรคืบหน้า เธอมุดหัวไปอยู่ที่ไหนมา ฉันโทรก็ไม่รับสาย ซ้ำยังปิดเครื่องหนี เธอจงใจหลบหน้าฉัน เพราะเธอไม่ได้ทำตามที่ฉันสั่งใช่ไหม” เค้นเสียงใส่คนตัวน้อยอย่างเดือดดาล แรงบีบที่หัวไหล่มนเพิ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ทิชารีย์เจ็บร้าวราวกระดูกจะแยกออกกันเป็นเสี่ยงๆ ไหนจะร่างกายที่แสนทรมานร้อนวูบวาบ เหมือนต้องการอะไรบางอย่างมาเติมเต็ม แต่เธอยังกลั้นใจสู้ทน กัดฟันตอบโต้คนใจร้าย “เรื่องของฉัน!!” ภีมวัจน์ได้ยินคำบอกปัดจากเรียวปากสวยชวนบดขยี้ ถึงกับควันออกหูผึ่ง!! อารมณ์โทสะที่มีเชื้อเพลิงเป็นทุนเดิม อยู่แล้วลุกบึ้ม! ใบหน้าคมเปลี่ยนเป็นสีเข้ม บดกรามบึนจนเป็นสันนูน เสียงกัดฟันดังกรอดๆ ขณะที่มืออีกข้างยังปลุกเร้าเรือนกายสาว มือหนาสอดเข้าไปตามเรียวขาอ่อนด้านใน บีบเน้นหนักบ้างเบาบ้างตามอารมณ์ ทิชารีย์ถึงกับบิดกายเกลียว พลางเอี้ยวร่างเบี่ยงหลบ แต่มันไม่ได้ผลและก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผู้ชายช่ำชองอย่างภีมวัจน์ ขณะที่หญิงสาวรู้สึกทรมาน เขาก็จ้องดวงหน้างาม พร้อมพ่นคำพูดออกมาอย่างพิโรธ “มันเป็นเรื่องของเธอแน่ทิชารีย์!!” สิ้นเสียงห้วน ภีมวัจน์ใช้เรือนกายทรงพลังคร่อมร่างระหง มือผละคนตัวน้อยนอนแผ่นหลังราบกับพื้นเตียง ท่อนขาเรียวเสลาโดนมือร้อนอีกข้างลูบคลำจนถึงโคนด้านใน ปลายกระโปรงชุดสวยร่นจนเห็นขาอ่อน เสียงหวานร้องวี้ดว้ายด้วยความตระหนกตกใจ ทั้งๆ ที่ร่างกายกลับรู้สึกดีเมื่อโดนมือชายสัมผัส “อ๊ายยย!! ทำบ้าอะไรของคุณ” กายงามสั่นระริก ครั้นใบหน้าหล่อคมคายโน้มสัมผัสตามลำคอระหง ไซ้ซอกคอผ่องด้วยวิธีที่เขาถนัด ความป่าเถื่อนมีมากกว่าความอ่อนโยน “มอนิ่งคิสไงคนสวย ผัวเธอไม่สอนบ้างเหรอ หืม…” เลื่อนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าสวย ปากหยักเหนือกลีบปากอิ่มเฉียดฉิวชวนให้ใจผวา ทิชารีย์เม้มปากจนเป็นเส้นตรง ขณะเดียวกันก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ร่างกายเหมือนมีกระแสไฟฟ้าหลายหมื่นโวลต์เคลื่อนผ่านไม่หยุด ภีมวัจน์เห็นเรียวปากสวยเผยอแล้วอดใจไม่ไหว ปากหยักแนบประกบความหวานยวนตรงหน้า ลิ้นร้อนสอดแทรกเกี่ยวกระหวัดดูดดุนอย่างซาบซ่าน ทิชารีย์ถึงกับเคลิบเคลิ้มและต้องการมากกว่านั้น มือเรียวสวยที่เตรียมประทุษร้าย เปลี่ยนมาลูบไล้แผงอกกว้างกระด้าง ภีมวัจน์ถึงกลับครางฮึมในลำคออย่างพอใจ กวาดไล้ปลายชิวหาร้อนชิมความหวานในโพรงปากอย่างตะกละทั้งที่ก่อนหน้าปากก็ก่นด่าเหยียดหยามหญิงสาว ทว่าเขาก็ทนความเรียกร้องจากก้นบึ้งหัวใจไม่ไหว บวกกับความต้องการที่คนใต้ร่างเรียกหา เขาจึงมอบความพิศวาสแก่คนตัวน้อยอย่างร้อนเร่า ทิชารีย์หายใจไม่ทั่วท้อง จูบตอบเขาสะเปะสะปะ ทว่าคนตัวใหญ่ค่อนข้างพอใจ เงอะๆงะๆอย่างนี้ล่ะเขาชอบ เพราะจะได้สอนนานๆ สอนตลอดทั้งวันทั้งคืนก็ไม่เกี่ยงงอน   ภีมวัจน์ไม่คำนึงว่าหญิงสาวจะรู้สึกเช่นไร ครั้นรู้ว่าเขาทำเลวระยำเกินอภัย แต่ก็ช่าง!! ในเมื่อเขาเลือกจะเลว มันต้องเลวให้ถึงที่สุด ยิ่งตอนนี้หญิงสาวเหมือนว่าจะพรั่งพร้อม สาวน้อยตอบสนองสัมผัสของเขาอย่างไม่อิดออด อสูรร้ายในคราบเทพบุตรละริมฝีปากออกจากกลีบปากสวย จากนั้นเลื่อนปากหยักจุ๊บพวงแก้มแดงสุกเหมือนมะเขือเทศ   ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ฝ่ามือน้อยลูบแก้มข้างที่โดนจมูกโด่งสัมผัส ถูไปมาด้วยความรู้สึกที่ยากเกินอธิบาย ภีมวัจน์เห็นอาการสาวน้อยใต้ร่างแล้วหัวใจไหววูบไปชั่วขณะ ก่อนจะตั้งจิตให้แน่วแน่ ทำทีท่าว่าไม่ได้แยแสกับกิริยาของเธอ มุมปากหยักเหยียดยิ้มหยันกลบเกลื่อน               ส่วนทิชารีย์นั้นแสนทรมาน ร้อนวูบวาบทั่วร่างกายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งนานเข้าความต้องการยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ    “ฉันเกลียดคุณ หลีกไป! ฉันจะกลับบ้าน” ผลักร่างหนาออกห่าง แต่กลับพลาดท่าเพราะภีมวัจน์แกล้งนำร่างหนาทรงพลังของตนทาบทับเรือนร่างผ่องสวย อกกว้างกระด้างเสียดสีเต้าทรวงอวบหยุ่น ทิชารีย์รู้สึกซาบซ่าน ความต้องการในกายลุกโชน ถึงปากทิชารีย์จะบอกว่าเกลียดแสนเกลียด แต่พอภีมวัจน์จรดเรียวปากหยักแนบกลีบปากสวย หญิงสาวก็เผยออ้ารับอยู่ดี ภีมวัจน์ยืดร่างเล็กน้อย ขณะเดียวกันมือหนาคอยไล้ลูบตามกายงาม สอดมือร้อนสัมผัสความงามบนความนุ่มนิ่ม ทิชารีย์บิดกายเกลียว เมื่อสัมผัสของฝ่ายชายทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนยากเกินจะห้ามใจ อยากให้เขาสัมผัสและเติมเต็มสิ่งที่เธอต้องการในเวลาไม่ช้า เมื่อความร้อนวูบในกายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มือเรียวสวยสอดแทรกผสานกลุ่มผมดกดำ ขยุ้มเพื่อลดคลายความทรมาน ทิชารีย์แทบขาดใจ ยิ่งมือซุกซนเริ่มรุกรานอ้อมมาทางด้านหลังรูดซิปจนสุด เผยแผ่นหลังเกลี้ยงเกลา  ปลายนิ้วแกร่งสะกิดตะขอบราเซียร์สีครีมอ่อนให้หลุดล่องจากกัน ดอกบัวสวรรค์คู่แฝดที่ห่อหุ้มอย่างเคร่งครัดได้รับอิสระ “อ๊ะ ยะ อย่า…” ร่างกายเย็นวาบ เมื่ออาภรณ์ที่สวมใส่เหลือเพียงชิ้นเดียว ภีมวัจน์ไม่พร่ำพูด เมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีความต้องการ เขาส่งอุ้งมือร้อนทักทายก้อนเนื้อนุ่มหนัน ปลายยอดแสนเต่งตึงนั้นช่างล่อตาล่อใจชวนชิมเหลือเกิน ปากหยักที่จูบตามดวงหน้าสวยเปลี่ยนมาไซ้ซุกตามลำคอระหง ก่อนจะเลื่อนครอบยอดถันอย่างหวามหวาน ทิชารีย์ถึงกับบิดกายเกลียวด้วยความเสียวซ่านผสานความต้องการที่เพิ่มขึ้นรี่เรื่อย สาวน้อยแรกดรุณียอมจำนนมอบกายให้คนใจร้ายพร่ำสัมผัส ยิ่งนานเข้ายิ่งต้องการมากขึ้น อยากให้คนตรงหน้าช่วยเธอหายจากอาการบ้าๆ นี้สักที   “ชอบละสิคนสวย…” เอ่ยถามขณะที่ใบหน้าหล่อคมไม่ยอมผละห่างช่องแคบระหว่างอกอวบสองข้าง ลิ้นร้อนตวัดเลียเนื้อนุ่มอย่างหวานละมุน หญิงสาวแอ่นอกเข้าหา ฤทธิ์ยารักที่หญิงสาวกล้ำกลืนลงไปทำให้หูตาพร่าเลือน ผิดถูกไม่รู้ขอแค่เธอหายจากอาการทรมานเจียนใจจะขาดบ้าๆ นี้เป็นพอ ทิชารีย์ต้องการสัมผัสที่ลึกซึ้งมากกว่านี้ ร่างงามส่ายสะบัดอย่างทุรนทุราย ยิ่งนานเข้าความทรมานยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ภีมวัจน์เห็นหญิงสาวเสียวสะท้านซาบซ่านกาย เขาก็คอยส่งความรัญจวนมอบให้ไม่มีหยุด ขณะมือร้อนอีกข้างคอยไล้ลากตามปลีน่องเนียนนุ่มด้านในจนมาหยุดที่โคนขา หญิงสาวถึงกับตัวงองุ้ม ขาเรียวหนีบรั้งไม่อยากให้มือร้อนผละห่าง   “ฉันทรมาน…เหลือเกิน…” ครางบอกเขาด้วยน้ำเสียงแหบกระเส่า ปลายนิ้วร้อนไซ้ซอกเข้าไปยังขอบแพนตี้ตัวสวย ทิชารีย์ขนแขนลุกชัน เมื่อนิ้วร้ายกรีดผ่านเนื้อผ้าแสนบางเบา ซึ่งตอนนี้เริ่มมีน้ำหวานซึมซับออกมาจนเปียกชุ่ม ภีมวัจน์เห็นแล้วยกมุมปากยิ้มอย่างสะใจพลางนึกดูแคลน ‘คงอยากมากสิท่า’ ชายหนุ่มไม่รอช้า มือหนาเกี่ยวรั้งขอบแพนตี้ตัวน้อยละต่ำลง จนในที่สุดเศษผ้าชิ้นน้อยผืนบางเบาได้หลุดพ้นปลายเท้า ทิชารีย์สะดุ้งโหยงแต่ความต้องการที่มากล้น ทำให้หญิงสาวไม่มีอารมณ์มาห้ามปราม ยิ่งส่วนอ่อนไหวโดนปลายนิ้วร้อนสัมผัส มันยิ่งรู้สึกดี ขณะที่ด้านบนเรียวปากหยักคอยบดขยี้กลีบปากอิ่มอย่างซาบซ่าน ส่วนอุ้งมือร้อนก็นวดเฟ้นก้อนเนื้อนุ่มสลับฝั่งซ้ายขวาอย่างเมามัน หยาดน้ำหวานไหลออกมาจากแอ่งสวรรค์อย่างมหาศาล ภมรหนุ่มโยกร่างกลับมามองต้องเลียริมฝีปาก อยากตวัดปลายลิ้นชิมดูสักครั้ง และคนปากกล้าไม่รอช้า โน้มหน้าเข้าหาดอกไม้สวรรค์สีสวย ปลายชิวหาร้อนไล้ละเลียดความหวานของหยาดน้ำทิพย์ ดูดกลืนลงลำคอแห้งผากจนหนำใจ ระหว่างลิ้นร้อนตวัดเชื้อชิม ทิชารีย์ครวญครางเสียงกระเส่าด้วยความซ่านเสียว ลำตัวบิดเกลียวด้วยความทรมาน ไม่รู้ว่าเมื่อไรเขาจะเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายเรียกร้องสักที เขาไม่รู้หรือไงว่าร่างกายของเธอมันทรมานจวนจะแยกจากกันเป็นเสี่ยงๆ แล้ว ทางด้านภีมวัจน์เขาก็ทรมานไม่แพ้กัน ยิ่งเห็นใบหน้างามเสียวซ่านมันยิ่งได้ใจ มุมปากหยักยิ้มหยันก่อนจะเลื่อนมือหนามากระชากบ็อกเซอร์ตัวเล็ก ซึ่งเป็นปราการชิ้นเดียวบนกาย  นักธุรกิจหนุ่มสุดหล่อเผยเรือนร่างน่าสัมผัส แต่ทิชารีย์เธอไม่แม้จะสนใจจะลืมตามอง เมื่อร่างกายปั่นป่วนเจียนจะทนไม่ไหว หญิงสาวหลับตาพร้อมกัดฟันข่มกลั้นอารมณ์ที่เผชิญ ภีมวัจน์เห็นแล้วถึงกับลอบยิ้มอย่างพอใจ ในเมื่อเธอ ‘อยาก’ มากเขาก็จะสนอง ลองดูสิว่าของมือสองอย่างเธอ มันจะเรียกคะแนนได้เท่าไรกัน สิ้นความคิดมือหนาจับท่อนขาเรียวกางแยกออกจากกันเป็นรูปตัวเอ็ม พร้อมแทรกกายแกร่งลงไปทาบทับ ภีมวัจน์ถึงกับเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด เมื่อดอกไม้สวยโอบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก ส่วนคนใต้ร่างนั้นดิ้นพล่านๆ เมื่อพื้นที่สงวนโดนบุกรุกเป็นครั้งแรก “อ๊ะ จะ เจ็บ” เสียงหวานครางบอก กระถดร่างถอยห่าง แต่ชายหนุ่มไม่ยินยอม มือหนาที่กดท่อนขาเรียวเปลี่ยนมาจัดตำแหน่งโดยการเอาท่อนขาสวยๆ โอบรอบเอวสอบ ใบหน้าคมโน้มเฉียดปลายจมูกโด่งสัมผัสซอกหูผ่องกระซิบเสียงแหบห้าว 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม