แต่เธอไม่รู้ และเธอก็ไม่ผิด เขาถึงพยายามจะรักษาท่าทีไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่อยากผลักเธอออกไป ทั้งๆที่ตอนนี้เขาเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมานิดๆแล้ว
“ก็ได้ค่ะ วันนี้ค้างที่นี่นะคะ พรุ่งนี้เราค่อยต่อ”
ก็เธอยังไม่เสร็จอะ นึกว่าเขาจะดุเดือดอย่างทุกที แต่วันนี้เขากลับทำรอบเดียวจบ แถมยังเสร็จเร็วเหมือนเซ็กส์ที่ติดจรวด เซ็กส์ของเขาวันนี้เธอไม่ถูกใจเลย
“วันนี้ค้างไม่ได้ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”
โกหกนั่นแหละ! พรุ่งนี้ไม่มีงาน แต่เขาไม่ชอบค้างที่อื่น เขาชอบนอนที่บ้าน และไม่เคยค้างกับใคร เธอเป็นคู่หมั้นที่เขาอยากแต่งงานด้วยก็จริง แต่ตอนนี้ความคิดเขาเปลี่ยนไปนิดๆแล้ว จึงคงสถานะคู่หมั้นไว้ให้เธอดังเดิม ส่วนสถานะเมียตบเมียแต่ง คงไม่ใช่เธออีกแล้วในอนาคต
“อะไรกันคะพี่ศิ”
ร่างของนางแบบสาวผละออกไปด้วยความไม่เข้าใจ วันนี้คนรักของเธอแปลกมากๆ ตั้งแต่เข้ามาในโรงแรมนี้ก็เอาแต่เหม่อลอย หรือเขาเบื่อเธอแล้ว
“อย่างอแงน่า พี่แค่เหนื่อย มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” ศิวะมองท่าทางของคนตรงหน้านิ่งๆ เอ่ยปลอบโยนพร้อมเหตุผลให้เธอฟัง สีหน้าของเธอจึงดีขึ้นกว่าเมื่อกี้นิดหน่อย
“ฝ้ายนึกว่าฝ้ายพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น ความจริงแล้วมันคงไม่ใช่สินะคะ”
เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง เขาขี้เบื่อและสนใจผู้หญิงคนไหนได้ไม่นาน เธอรู้ดีว่าไม่มีวันได้หัวใจว่างเปล่านั่นมาครอง เพราะมันมีเจ้าของแล้ว แต่ที่ทำทุกอย่างเพื่อยื้อเขาไว้ เพราะเขามีทุกอย่างที่เธอต้องการ อำนาจ และเงินทอง เธอกับเขาก็เป็นเหมือนๆกัน ตกลงหมั้นกันเพราะเข้ากันได้และอยากมีครอบครัว ส่วนเรื่องความรู้สึกนะเหรอ เขาไม่มีให้เธอตั้งแต่ทีแรกแล้ว
“ก็พิเศษกว่าคนอื่น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” เมื่อเธอรู้ดี เขาก็ไม่มีอะไรปิดบัง เขาขี้เกียจยื้อความสัมพันธ์ที่มันไม่มีทางไปต่อได้
“พี่ใจร้ายมาก แต่ก็ดีค่ะเพราะฝ้ายเองก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วย 10 ล้าน กับการเลิกกัน พี่คงไม่ว่านะคะ เพราะฝ้ายก็เสียหายสุดๆกับเรื่องนี้”
ใบหน้าสวยที่เขาเคยคิดว่าชอบดูต่างไปจากเดิม แม้จะพยายามคิดว่าเธอเข้าหาเขาเพราะความรู้สึก แต่ตอนนี้มันแน่ชัดแล้ว ว่าเขามีอย่างอื่นที่เธอต้องการ และนั่นคือเงิน ไม่ใช่ความรัก ถึงเธอจะรัก แต่คงรักเขาไม่เท่ากับเงินที่เขามี
“ครับ โชคดีนะ” ศิวะยิ้มให้ เดินไปใส่เสื้อผ้าเงียบๆ จบลงง่ายๆก็ดี เพราะเขาขี้เกียจวุ่นวาย เงินแค่นั้นเขาไม่เสียดายหรอก
“พี่ยังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้นแบบนี้ พี่จะแย่เอานะ พี่จะอยู่โดดเดี่ยวทั้งชีวิตแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
น้ำเสียงห่วงใยของนางแบบที่เคยเป็นรุ่นน้องในมหาลัย ทำให้ใบหน้าคมของคนที่หันหลังให้เธอ หันกลับไปยิ้มให้ เขาไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องหัวใจ แต่ไม่โกรธเธอสักนิด เพราะแววตาที่คลอน้ำตานั่น
“ขอบคุณ” ศิวะเดินมาลูบผมเธอเบาๆ เธอคงพยายามจนถึงที่สุดแล้ว เมื่อรู้ว่าไม่มีทางได้หัวใจเขา เธอจึงถอย สงสารนิดๆ แต่รักไม่ได้ก็คือรักไม่ได้
“ขอกอดได้ไหมคะ”
ร่างบางซุกเข้าหาโดยไม่รอให้เขาอนุญาติ เธอเคยรักเขามาก่อน แต่พยายามจนเหนื่อย ก็ไม่เคยได้รับความสนใจหรือความรักจากเขาเลย เขายังคงเป็นเขา ไม่มีความรู้สึกรักให้ผู้หญิงคนไหนเลย
เมื่อยอมให้เธอกอดจนพอใจ ศิวะก็เดินจากไปเงียบๆ เดินลงไปชั้นล่างโรงแรมหรู ในจุดที่เขาจอดรถไว้สายตายังคงหยุดนิ่งในทิศทางที่ตัวเองเดินไปช่วยผู้หญิงคนนั้น เธอจะยังมีชีวิตอยู่ไหมนะ เขาแอบหวังนิดๆว่าชีวิตที่เขาช่วยไว้วันนี้ จะยังคงมีลมหายใจ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
หนึ่งนภากลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม แม้มันจะไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด แต่เธอจะรักษาชีวิตนี้ไว้อย่างดี ตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับเขา อยู่กับความหวังที่ว่าสักวันจะมีคนที่อยากอยู่กับเธอบ้าง ไม่ทิ้งเธอไว้บนโลกกว้างนี้คนเดียวอีก
“หายไปไหนมาลูก ทำไมไม่มาทำงาน”
หญิงสูงวัยเจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่หนึ่งนภาทำงานอยู่ เอ่ยถามเด็กสาวรุ่นลูกทันทีที่เห็นเธอเดินเข้าไปในร้าน
“ขอโทษค่ะแม่สา คือหนูยังมาทำงานที่นี่ได้อยู่หรือเปล่าคะ” หนึ่งนภายกมือไหว้เจ้าของร้านอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่ อย่าง Shiva Export
“ได้สิลูก แล้วนี่น้องสาวของหนึ่งเป็นยังไงบ้าง” สาวิกา เจ้าของร้านใจดีเดินไปใกล้ จับมือเล็กอย่างให้กำลังใจ เพราะรู้ข่าวว่าน้องสาวของเธอถูกรถชน แม้หนึ่งนภาจะไม่ได้ลางานช่วงสองสัปดาห์ผ่านมา แต่ท่านคิดว่าเธอคงไปอยู่ดูแลน้องสาวที่โรงพยาบาล
“ไม่มีแล้วค่ะ หนึ่งไม่มีน้องสาวแล้วค่ะ” น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ ผ่านมาเป็นอาทิยต์แล้ว แต่เหมือนเวลาไม่เคยผ่านไปเลย เธอยังรู้สึกเหมือนยืนอยู่หน้าห้องนั่นอยู่ตลอด ภาพใบหน้าน้องสาวในวันที่เธอเปิดผ้าสีขาวนั่นออกยังติดตาอยู่เสมอ
“โธ่ลูก” คนสูงวัยดึงเด็กสาวมากอดปลอบประโลม ท่านได้หนึ่งนภาช่วยงานมาตั้งแต่เธอเข้าเรียนมหาลัย เด็กคนนี้ขยันและไม่เคยเรียกร้องเงินเดือนมากมาย เธอขอแค่มีข้าวกิน มีเงินไว้ให้น้องเรียนต่อแค่นั้นก็พอ ท่านจึงเอ็นดูหนึ่งนภามากเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง
กว่าจะปลอบใจคนสูญเสียให้คลายความเศร้าหมองลงก็กินเวลาไปนานพอสมควร โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีคนในร้านเพราะยังเช้าอยู่ คนทั้งสองจึงมีเวลาปลอบโยนกัน
“ถ้าหนูอยากไปทำงานดีๆกว่านี้ก็ได้นะลูก ความสามารถหนูไม่ควรมาทำงานเป็นเด็กเสริฟกับล้างจานที่ร้านแม่หรอก”
หนึ่งนภาเรียนจบบริหารจากมหาลัยเปิด ทำงานเก็บเงินส่งตัวเองจนจบ ท่านรู้ว่าเธอไม่ได้ทำงานที่ร้านนี้ที่เดียว และตอนนี้เธอน่าจะออกไปทำงานอื่น ที่เงินเดือนดีกว่าที่นี่
“หนูได้ข้าวของแม่เลี้ยงดูมาตั้งหลายปี หนูจะช่วยแม่อยู่ที่นี่ค่ะ” บ่อยครั้งที่ท่านหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เธอกับน้องสาว แม้จะไม่มากแต่ท่านก็ช่วย เธอไม่อยากไปไหน ตอนนี้เธอไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินแล้ว ทำงานที่ไหนก็ไม่มีความสุขเท่ากับทำที่นี่
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ตอนนี้หนูอาจจะยังไม่มีจุดมุ่งหมาย เหมือนคนที่หลงทาง ถ้าวันไหนที่หนูหาจุดหมายในชีวิตได้ แม่จะคอยสนับสนุนนะลูก” ท่านวางมือลงบนศรีษะเล็กๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะจับมือกันออกไปยืนหน้าร้าน เพื่อรอลูกค้าที่จะมากินอาหารที่นี่
ร้านอาหารตามสั่งแห่งนี้เปิดขายมาหลายปี ขายตั้งแต่ยังไม่มีตึกใหญ่ฝั่งตรงข้ามด้วยซ้ำ พนักงานก็เปลี่ยนไปมา เพราะงานมันหนัก สาวิกาไม่เคยจ้างคนเกินหนึ่งคน คนที่มาอยู่จึงไม่ค่อยทนงาน มีเพียงหนึ่งนภาที่ทำงานนานกว่าทุกคน ทำตั้งแต่เริ่มเข้ามหาลัยปีแรก จนตอนนี้ผ่านมา เกือบหกปีแล้ว หนึ่งนภาในวัย 23 ขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้จนท่านเอ็นดูและรักเหมือนลูกสาวคนนึง