"ลูกเป็นอย่างไรบ้าง เลี้ยงง่ายหรือไม่"
เขาเบือนหน้ามาพูดกับนาง มือใหญ่ยังคงกุมมือบุตรสาวเอาไว้
"นางสบายดี เลี้ยงง่ายเจ้าค่ะ"
ลี่เซียงตอบสงวนคำ นางไม่อยากจะพูดคุยกับเขา ในใจอยากให้เขารีบพูดธุระแล้วกลับไปเร็วๆ แต่เขากลับยืดกายขึ้นแล้วเดินมายกเก้าอี้ไปตั้งข้างเปล นั่งมองชางเยว่หลับใหลอยู่เช่นนั้น
นี่เป็นห้องนางของนาง! เขากำลังรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของนาง! ลี่เซียงคิดอย่างไม่พอใจ
หากนางจะรู้สึกไม่ดีกับสามีก็ไม่แปลก ไม่เพียงลี่ชางสองตระกูลจะไม่ถูกกัน ลี่เซียงยังจำเหตุการณ์คืนนั้นได้
ปีที่แล้วนางติดตามบิดาและพี่สาวต่างมารดาไปงานล่าสัตว์ประจำปี คืนนั้นนางรู้สึกไม่สบาย ดื่มยาต้มที่สาวใช้ยกมาให้แล้วก็เข้านอนเร็วกว่าปกติ ตื่นขึ้นมาอีกทีพร้อมกับความเจ็บปวดที่ร่างกายท่อนล่าง ลี่เซียงร้องไห้ครวญครางก็ถูกฝ่ามือหนาเอื้อมมาปิดริมฝีปาก หน้าอกอวบถูกเคล้นคลึงตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง พาให้ร่างกายของนางร้อนวูบวาบราวกับจับไข้ นางทั้งมึนงงทั้งตกใจ พยายามผลักร่างหนาหนักที่ทาบทับร่างนางออก แต่เขาไม่ขยับเลยสักนิด
“อย่าส่งเสียง! อยากให้คนข้างนอกรู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่หรือ!”
เขาโน้มกายลงมากระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหู ลมหายใจเจือกลิ่นสุรา
ความกลัวและความอับอายท่วมท้นใจ ไม่! ลี่เซียงไม่อยากให้ใครรับรู้เรื่องราวอัปยศที่เกิดขึ้นกับนาง แม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก หญิงสาวก็ได้แต่ขบริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้น กระนั้นก็ยังมีเสียงครางเล็ดลอดออกมาจากลำคออย่างสุดจะกลั้น น้ำตาหลั่งรินจากสองตาไม่ขาดสาย ดูน่าสงสารยิ่งนัก แสงตะเกียงในห้องเผยให้เห็นโฉมหน้าของชายหนุ่มที่นางไม่รู้จัก เขาเป็นคุณชายรูปโฉมหล่อเหลาราวกับหยก แต่พฤติกรรมกลับไม่ต่างอะไรกับโจรราคะ!
เขายังคงขยับโยกอยู่เหนือร่างนางอย่างเมามัน เสียงหอบหายใจและเสียงครางต่ำอย่างสุขสมดังอยู่ข้างหู ลี่เซียงจิกผ้าปูที่นอนอย่างทรมาน ร่างบางเขย่าไปตามแรงกระแทกราวกับบุปผากลางพายุฝน เนิ่นนานจนนางคิดว่าตนเองจะขาดใจตายเขาจึงค่อยหยุด ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงซุกใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่น เสียงลมหายใจยังคงขาดห้วง
ลี่เซียงนอนเบิกตาโพลงอย่างตื่นตระหนก เรื่องที่เกิดขึ้นกับนางราวกับฝันร้าย นางนอนหลับไปในกระโจมของตัวเอง เหตุใดจึงตื่นขึ้นมาบนเตียงของชายแปลกหน้า ครู่หนึ่งชายหนุ่มคนนั้นก็ขยับกาย บางส่วนที่ยังคงค้างคาอยู่ในร่างกายก็ตื่นตัวขยายใหญ่ขึ้นมาอีก ลี่เซียงขยับตัวหนีอย่างอึดอัดพลางเอ่ยห้ามเสียงสั่นพร่า
“อย่า!”
ชายหนุ่มเท้าศอกชันกายขึ้น เผยให้เห็นแผงอกแกร่งและกล้ามท้องเป็นลอนสวยงาม คิ้วเข้มยาวเกือบจรดขมับ ดวงตาคมดุ จมูกโด่งเป็นสัน หากมิใช่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ลี่เซียงก็คงจะมีแก่ใจชื่นชมความงามของเขาอยู่บ้าง เขาเลิกคิ้ว เหลือบตามองเสื้อนอนสีขาวที่หลุดลุ่ยอยู่ใต้ร่างนาง ยามนี้เปรอะเปื้อนรอยเลือดและคราบรัก ลี่เซียงร้องไห้จนเจ็บตาไปหมด นางกระถดกายหนีไปขดตัวอยู่ที่มุมเตียง
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะไถ่ตัวเจ้า”
ชางฉือหมิงเอ่ยอย่างปลอบโยน เขาตัดสินใจแน่วแน่ ชายหนุ่มถูกใจนางมาก ตั้งใจว่าอย่างไรก็จะรับเข้ามาอุ่นเตียงเป็นอนุภรรยา วันนี้มิตรสหายต่างร่วมดื่มสุราฉลองวันเกิดเขา พอเข้ากระโจมมาก็เจอสาวงามบนเตียง เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งพูดเป็นนัยว่าเตรียมของขวัญพิเศษไว้ให้ ชางฉือหมิงย่อมเข้าใจว่าเป็นหญิงสาวนางนี้ ในหมู่บุตรชายตระกูลขุนนางพฤติกรรมเช่นนี้มิใช่เรื่องแปลก แม้ตัวเองจะไม่เคยกระทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้แต่ก็เคยเห็นจนชินตา
เดิมทีคิดจะส่งนางออกไป แต่พอเห็นใบหน้านั้นก็เปลี่ยนความคิด
เป็นครั้งแรกที่ชางฉือหมิงปล่อยตัวปล่อยใจทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้!
สตรีนางนี้อ่อนเยาว์เหลือเกิน พอตกเป็นของเขาก็ตื่นตกใจจนตัวสั่นไปหมด ในใจของเขานึกเอ็นดูนาง ตั้งใจจะอุปถัมภ์ให้นางได้ใช้ชีวิตดีๆ ไม่ต้องเกลือกกลั้วโลกีย์อีกต่อไป
กระนั้นถ้อยคำที่หมายจะปลุกปลอบสาวงามกลับทำให้นางนึกรังเกียจเขา ลี่เซียงตัวสั่นเทา บุรุษผู้นี้กล่าววาจาราวกับเห็นนางเป็นหญิงคณิกา ทำให้นางคิดไปว่าปกติเขาก็คงทำตัวเสเพลคลุกคลีอยู่กับคนพวกนี้ นางนึกขยะแขยงเขาจนทนไม่ไหว
เคราะห์กรรมอันใดนางจึงต้องเสียความบริสุทธิ์ให้กับคนเช่นนี้! อีกไม่กี่เดือนนางก็จะได้ออกเรือนไปกับคุณชายสามสกุลเว่ย เขาเป็นคู่หมายที่มารดาผู้ล่วงลับของนางจัดแจงเอาไว้ให้ ที่ผ่านมาแม้ชีวิตในจวนภายใต้การดูแลของแม่เลี้ยงจะทุกข์ทนเพียงใด นางก็ยังมีความหวังว่าจะได้แต่งออกไปอย่างมีความสุข แต่ชายคนนี้กลับทำลายชีวิตทั้งชีวิตของนาง!
ลี่เซียงตบหน้าเขา พยายามจะฉวยโอกาสหยิบเสื้อผ้ามาสวมแล้วหนีออกมา แต่เขากลับกอดเอวนางไว้แล้วลากกลับไปบนเตียง
“ดื้อด้านอะไรเช่นนี้! หากไม่ใช่ข้า เป็นผู้อื่นถูกเจ้าตบเช่นนี้มีหรือจะรอดตัวไปได้”
เขาเอ่ยเสียงดุริมหูนางอย่างไม่พอใจแล้วก้มลงจุมพิตริมฝีปากแดงเรื่ออย่างหลงใหล คืนนั้นโดนเขาเคี่ยวกรำจนหลับไป ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงพี่สาวต่างมารดาโวยวายอยู่หน้ากระโจม
“เซียงเอ๋อร์! น้องรัก เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่! พี่เป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน ออกตามหาเจ้าทั้งคืน”
ลี่หงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจที่ฟังดูเสแสร้ง หากนางเป็นห่วงน้องสาวจริง จะมาโวยวายเสียงดังโดยไม่สนใจชื่อเสียงของลี่เซียงหรือ
ชางฉือหมิงลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว สายตามองมาที่นางอย่างตั้งคำถาม เปลือกตาของลี่เซียงแดงช้ำ ริมฝีปากก็ถูกจูบจนบวมเจ่อ เส้นผมนุ่มสลวยของนางยุ่งเหยิงทิ้งตัวลงมาปกคลุมแผ่นหลังบอบบาง นางชันกายขึ้นนั่งใต้ผ้าห่มอย่างอ่อนล้า แม้สภาพที่เพิ่งตื่นนอนจะดูไม่เรียบร้อย แต่กลับให้ความรู้สึกงดงามเย้ายวน
“เจ้าเป็นใครกันแน่!”
ลี่เซียงไม่ตอบ นางมองเขาด้วยแววตาโกรธแค้นอดสู เข้าใจว่าเขาคงเป็นเครื่องมือที่พี่สาวใช้ทำลายนาง ชางฉือหมิงแต่งกายลวกๆ แล้วรีบก้าวออกไปนอกกระโจมก่อนจะพบว่านี่มิใช่กระโจมของเขา!
ลี่หงเองก็ดูตกใจเช่นกันเมื่อเห็นเขา นางเบิกตากว้างมองเขาพลางเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
“ตะ..ใต้เท้าชาง...ทะ..ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
แม้ชางฉือหมิงจะไม่คุ้นเคยกับคนตระกูลลี่ แต่คนตระกูลใหญ่ล้วนคุ้นเคยกับเล่ห์กลต่างๆ เป็นอย่างดี ชั่วขณะนั้นเขาก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้โดยพลัน