พอออกมาข้างนอกได้ชางเยว่ก็หยุดร้องไห้ นางสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะชี้นิ้วให้เหมยฮวาอุ้มไปยังศาลาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ยามที่เหมยฮวาเดินไป สายลมยามสายพัดโชยมา ใบไม้สีแดงร่วงหล่นโปรยปราย สวยงามจนอาเยว่ต้องเงยหน้ามองขึ้นไป พลันเหลือบไปเห็นวัตถุสีน้ำเงินที่โบกไหวอยู่ท่ามกลางกิ่งใบสีน้ำตาลแดง “หือ?” ชางเยว่อุทานอย่างประหลาดใจ พาให้เหมยฮวาต้องหยุดฝีเท้าแล้วมองตามขึ้นไปบ้าง “มีอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู” ชายผ้าที่น้ำเงินที่เมื่อครู่แลบออกมาถูกคนดึงกลับขึ้นไป ยามทีเหมยฮวาเงยหน้าขึ้นดูก็มองไม่เห็นอะไรเสียแล้ว ชายเยว่ชี้นิ้วขึ้นไปบนต้นไม้ พยายามจะสื่อสารว่ามีคนอยู่บนนั้น “คุณหนูอยากจะปีนต้นไม้หรือเจ้าคะ บนนั้นทั้งสูงทั้งอันตราย บ่าวว่าเราไปนั่งที่ศาลาดีกว่านะเจ้าคะ” เหมยฮวาไม่เข้าใจ แต่ชางเยว่ต้องการจะพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้ตาฝาด บนนั้นต้องมีคนอยู่แน่ๆ จึงร้องโวยวายชี้มือชี้ไม้ขึ้นไปบนนั้นมิ