อาบุญธรรม

1566 คำ
ณ ประเทศรัสเซีย บนเตียงนอนขนาดใหญ่ในบ้านพักส่วนตัว มีเรือนร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ โดยมีลูกน้องคนสนิทดูแลอยู่ไม่ห่างกาย แต่ในวันนี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวของร่างกายเกิดขึ้น ลูกน้องคนสนิทจึงรีบเดินเข้ามาดู ชางอี้เหวินที่มาดูแลงานของบริษัทรักษาความปลอดภัย สาขาที่เปิดในประเทศรัสเซีย ถูกคนร้ายลอบยิงตามร่างกายไปหลายนัด แต่ยังโชคดีที่กระสุนปืนไม่ได้โดนจุดสำคัญของร่างกาย ชายหนุ่มจึงยังไม่เสียชีวิตแต่ก็นอนหลับไม่ได้สติ มาเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว “นายเป็นอย่างไรบ้างครับ” จางหยวน มือขวาคนสนิทเอ่ยถามเจ้านายทันที ที่เห็นเรือนกายสูงใหญ่นั้น เริ่มขยับตัวหลังจากนอนนิ่งไม่ได้สติมานาน “อืม ไม่เป็นอะไรแล้ว ขอน้ำดื่มหน่อย” เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นอย่างลำบาก เพราะลำคอแห้งผาก หลังจากจิบน้ำแล้ว ชางอี้เหวินก็เอนตัวพิงร่างกายไว้กับหัวเตียง เพราะร่างกายยังอ่อนแรงอยู่มาก ถึงแม้บาดแผลที่ถูกยิงตามร่างกาย จะเริ่มดีขึ้นมากแล้วก็ตาม “จางหยวน ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง ซูหลิงกับซูอี้ สบายดีไหม ตอนที่ฉันหมดสตินายได้โทรศัพท์ไปสอบถามดูบ้างหรือเปล่า” ชางอี้เหวินพอเริ่มมีแรงพูด ก็สอบถามในเรื่องที่ตนเองกำลังเป็นห่วงที่สุดทันที “สบายดีครับนาย ผมโทรศัพท์สอบถามจากหัวหน้าแม่บ้านครับ เพราะคุณหนูทั้งสองไม่ค่อยอยู่บ้านจะกลับมาบ้านแค่ช่วงเย็น” “อืม” น้ำเสียงแหบแห้งขานรับออกไปสั้นๆ ทั้งที่ในใจยังสงสัยอยู่ว่า เด็กทั้งสองคนไปไหนทำไมไม่ค่อยอยู่บ้าน หรือมีเรื่องอะไรที่เขายังไม่รู้ “แล้วเรื่องคนร้ายล่ะจับตัวได้หรือยัง” “มือปืนที่ยิงนาย ถูกลูกน้องของเรายิงตายไปแล้ว ส่วนผู้บงการก็น่าจะเป็นคนที่เราสงสัยนั่นล่ะครับ” “อืม คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะไอ้หมอนี่มันมีอิทธิพลมากและที่นี่ก็ถิ่นของมัน อีก3วันเราจะเดินทางกลับจีน” “ครับนาย” “เอาโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันหน่อย เวลานี้ที่จีนคงช่วงเย็นพอดี” . . . ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ….. เสียงโทรศัพท์มือถือของซูหลิงดังขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็เวลา1ทุ่มพอดี ซูหลิงที่พึ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ จึงรีบสวมชุดคลุมอาบน้ำ เพื่อที่จะรับสายโทรศัพท์ทางไกล เพราะขึ้นชื่อตรงหน้าจอโทรศัพท์ว่าเป็นอาบุญธรรมของเธอ ใบหน้าสวยหวานเย้ายวนในเวลานี้ปราศจากเครื่องสำอางทุกชนิด เพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ผิวพรรณที่แต่เดิมซีดขาวเพราะไม่ค่อยออกกำลังกายนั้น เวลานี้กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากซูหลิงคนใหม่กินโอสถผลัดเปลี่ยนเส้นปราณเข้าไป จึงแข็งแรงขึ้นเป็นอย่างมาก ผิวพรรณของหญิงสาวในเวลานี้จึงทั้งขาวอมชมพู และเรียบเนียนไปทั่วทั้งตัว ผิวบริเวณแก้มใสจึงอมชมพูและดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล “[สวัสดีค่ะคุณอา]” ใบหน้าสวยหวานยื่นเข้าไปในหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเอ่ยทักทายผู้มีพระคุณทันที ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างสำรวจ เพราะในความทรงจำของเธอชายหนุ่มคนนี้ ไม่ได้มีสภาพทรุดโทรมขนาดนี้ “[อืม]” ชายหนุ่มที่ยังตะลึงกับภาพที่พบเห็นอยู่ หลังจากได้สติจึงรีบเอ่ยทักทายหลานสาวบุญธรรมออกไปสั้นๆ “[คุณอาไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมร่างกายดูผอมลงขนาดนั้น]” ซูหลิงเอ่ยถามขึ้นเพราะนึกเป็นห่วงอยู่บ้าง เพราะอย่างไรเสียผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนที่ดีกับเธอและน้องชายที่สุด ถึงแม้เขาจะมีนิสัยเย็นชาอยู่มากก็ตาม แต่หญิงสาวก็เป็นห่วงตามมารยาทที่พึงมีต่อผู้มีพระคุณเท่านั้น ไม่ได้มีอารมณ์เชิงชู้สาวเหมือนที่เคยเป็นมา เพราะความรู้สึกรักชอบ ได้ตายจากไปพร้อมกับซูหลิงคนเดิมแล้ว ความรู้สึกที่มีอยู่ในขณะนี้ เหลือเพียงบุญคุณที่เธอต้องระลึกถึงเพียงเท่านั้น “[อืม อาไม่สบายนิดหน่อยตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว อีก3วันอาจะเดินทางกลับจีน เรากับน้องสบายดีไหมมีใครรังแกหรือเปล่า]” “[มีนิดหน่อยค่ะ คุณอากลับมาถึงบ้านฉันค่อยเล่าให้ฟังนะคะ คุณอาไปพักผ่อนเถอะค่ะไม่ต้องเป็นห่วงฉันกับน้องชาย ฉันจะดูแลน้องให้ดีที่สุด]” “[อืม]” ชางอี้เหวินที่เห็นแววตามุ่งมั่น และมั่นใจในตัวเองแบบนั้น อีกทั้งหน้าตาที่ปราศจากเครื่องสำอาง แต่กลับสวยเย้ายวนมากกว่าที่เคยเห็นในครั้งไหนๆ หัวใจแกร่งก็กระตุกขึ้นมาอย่างแรง จนต้องรีบสะบัดหัวเพื่อขับไล่ความคิดไม่ดีออกไป ตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มรู้จักกับหลานสาวบุญธรรมคนนี้ เขาไม่เคยมีความรู้สึกฉันท์ชู้สาวกับซูหลิงเลย เพราะโดยปกติแล้วชางอี้เหวินเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจผู้หญิงอยู่แล้ว และไม่ได้ชื่นชอบการมีสัมพันธ์ข้ามคืน กับผู้หญิงที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ชางอี้เหวินเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยอันดับ1ในจีน และมีสาขาอยู่ในประเทศรัสเซีย คงเพราะหน้าที่การงานที่มีความเสี่ยงและอันตรายสูง ทั้งยังมีศัตรูอยู่บ้าง ชายหนุ่มจึงไม่คิดที่จะมีคนรัก หรือแต่งงานมีครอบครัวสักที ทั้งๆที่อายุก็เข้าวัย 34 ปีแล้ว ซูหลิงคนเดิมนั้นแสดงออกชัดเจนมาโดยตลอดว่า รักชางอี้เหวินมากกว่าคำว่า ‘อาบุญธรรม’ ชายหนุ่มจึงพยายามเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ให้หลานสาวบุญธรรมคิดเกินเลยกับเขาไปมากกว่านี้ เวลาอยู่ร่วมบ้านกันจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจ แต่หญิงสาวก็ยังคอยพยายามมาดูแล และถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเขาอยู่เป็นประจำ จนบางครั้งชายหนุ่มต้องไปนอนค้างที่คอนโดส่วนตัว เพราะไม่อยากให้หลานสาวบุญธรรมเข้าใกล้เขามากเกินไป เพราะไม่อยากให้ความหวังกับเธอนั่นเอง “เราเป็นอะไรไป” ชายหนุ่มบ่นพึมพำอยู่คนเดียว หลังจากที่หลานสาวนอกไส้ กดวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว . . . . ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง เรือนกายกำยำ สูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม แลดูโดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ เดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้าประเทศ เพื่อเดินตรงไปยังลานจอดรถยนตร์ ที่ลูกน้องคนสนิทจัดเตรียมไว้แล้ว จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านตระกูลชาง พอขึ้นมาบนรถยนตร์แล้ว ชายหนุ่มก็ต่อสายโทรศัพท์หาหลานสาวทันที “[อาจะถึงบ้านในอีก30 นาที ลงมารับด้วย]” “[เอ่อ…..คุณอาคะ]” ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด……. น้ำเสียงเข้มๆเอ่ยสั่งเสียงห้วนแล้วรีบกดวางสาย เนื่องจากไม่อยากฟังเสียงปฏิเสธจากปลายสาย เพราะตั้งแต่ฟื้นตื่นขึ้นมาเขาก็โทรศัพท์หาซูหลิงทุกวัน แต่หญิงสาวก็ไม่ค่อยอยากคุยกับเขา ถามคำก็ตอบคำตามมารยาทเพียงเท่านั้น แตกต่างจากเมื่อก่อนที่หญิงสาวมักจะหาเรื่องมาชวนคุยได้ตลอด จนในเวลานี้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดในหัวใจเป็นอย่างมากที่ถูกเมินเฉย . . . ใช้เวลาเพียง 30นาที รถยนตร์สีดำคันหรูก็ขับเข้ามาจอดในบ้านตระกูลชาง หัวหน้าแม่บ้านสาวรีบออกมาต้อนรับเจ้านายหนุ่มที่เธอตกหลุมรัก และหมายปองจะเอามาเป็นสามีให้ได้ หรูเหยียนเป็นลูกสาวของอดีตแม่นมของชางอี้เหวิน พอแม่นมเสียชีวิต ชางอี้เหวินจึงให้ลูกสาวคนเดียวของแม่นมเข้ามาทำงานในบ้าน ในตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้าน เพื่อตอบแทนบุญคุณที่แม่นมเคยเลี้ยงดูเขามาอย่างดี และด้วยนิสัยที่ไม่ได้ใส่ใจ หรือสนใจผู้หญิงคนไหน อีกทั้งยังระวังตนเองเป็นอย่างดี ชายหนุ่มจึงไม่รู้ว่าหัวหน้าแม่บ้านคนนี้ คิดอะไรเกินเลยกับเขาอยู่ จึงได้ปล่อยให้หรูเหยียนทำงานอยู่ในบ้านมานานหลายปี สายตาคมกริบสำรวจไปทั่วๆบ้าน แต่ก็ไม่พบคนที่เขาคุยโทรศัพท์ด้วย ส่วนซูอี้นั้นเขาเข้าใจดีว่าเด็กชายไปโรงเรียน จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับเขา วันนี้เป็นวันธรรมดาซูอี้จึงต้องไปโรงเรียน เลยไม่ได้ออกมาต้อนรับเจ้าของบ้าน ที่พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ “ซูหลิงไปไหน” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามออกไปเสียงดัง โดยไม่ได้ระบุชื่อคนตอบ “เอ่อ คุณหนูซูออกไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายข้างนอกค่ะ” หรูเหยียนรีบพูดจาใส่ร้ายซูหลิงทันที เธอเห็นหญิงสาวออกไปข้างนอกจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าไปไหนหรือไปทำอะไร จึงได้พูดจาใส่ร้ายศัตรูหัวใจออกไปแบบนั้น “ถ้ากลับมาแล้วให้เธอรีบตามไปพบที่ห้องทำงานฉันด้วย” ชางอี้เหวินหันไปพูดกับจางหยวนผู้ช่วยคนสนิทของเขา และไม่ได้สนใจฟังคำตอบจากหรูเหยียนเลย “ครับนาย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม