วันต่อมา 11.50 น.
“พราว ตื่น” ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ หลังจากที่ได้ยินเสียงพี่องศาเอ่ยเรียกข้างๆกกหู
“อื้ออ กี่โมงแล้วคะ”
“จะเที่ยงแล้วครับ ตื่นมากินข้าวก่อน” นี่ฉันหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะเมื่อคืนฉันเสียพลังงานมากเกินไปจริงๆ
“อ๊ะ” เมื่อฉันขยับตัวลุก ถึงกับต้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บแสบไปตรงกลางหว่างขาของตัวเอง ก็จะไม่ให้เจ็บได้ไง ของพี่องศาเล็กซะที่ไหนกัน
“เจ็บเหรอ เมื่อคืนพี่นึกว่าพราวเริ่มชินแล้วซะอีก เห็นขย่มพี่เอา ขย่มพี่เอา” นี่พี่เขาไม่คิดว่าฉันจะอายบ้างรึไง ทำไมถึงได้ชอบพูดจาแบบนี้ตลอดเลย
“ก็พี่องศาบอกให้พราวทำ” ทั้งๆที่มันเป็นครั้งแรกของฉัน แต่ฉันก็ยังยอมทำตามคำขอของเขา
“หึ ว่านอนสอนง่ายดี” คนตรงหน้าพูดแล้วระบายรอยยิ้มออกมา ทำไมเขาถึงได้ดูดีขนาดนี้นะ
“จ้องขนาดนี้ พราวอยากกินพี่หรืออยากให้พี่กินพราว” จะมากินพี่กินพราวอะไรของเขา บ้าจริง
“พราวจะกินข้าวค่ะ หิวข้าว” ฉันยู่ปากใส่คนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ นี่ฉันพลาดท่าให้คนร้ายกาจแบบเขาได้ยังไงกัน เฮ้อ…..
หนึ่งชั่วโมงต่อมา….
“จะให้พี่บอกไอ้เพทายเรื่องของเราเลยไหม” จู่ๆพี่องศาที่นั่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมา เรื่องของเราที่ว่าก็คือเรื่องที่เราสองคนตกลงคบกันแล้วค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืน
“พี่องศาไม่กลัวถูกพี่เพทายต่อยหน้าเหรอคะ” ฉันหันไปถามเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง คือพี่ชายฉันอะค่อนข้างที่จะหวงฉันมากนะ หวงชนิดที่ว่าผู้ชายคนไหนไม่กล้าเข้ามาจีบเลย
“ก็แค่นอนหยอดน้ำข้าวต้มเอง อีกอย่างพี่ก็มีพราวดูแลอยู่ข้างๆ ไม่เห็นต้องกลัว”
“พราวยังไม่ได้บอกเลยนะ ว่าพราวจะดูแลพี่” นี่เขาคิดเองเออเองเก่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“งั้นพี่ก็จะบอกความจริงไอ้เพทาย ว่าพราวนั่นแหละที่ข่มขืนพี่” โอ้ย อยากจะบ้าจริงๆ เดี๋ยวก็ปู้ยี่ปู้ยำ เดี๋ยวก็ข่มขืน นี่เขาพูดเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งๆที่เขานั่นแหละปู้ยี่ปู้ยำฉันเมื่อคืน
“พี่องศาเป็นคนร้ายกาจแบบนี้เองเหรอคะ” ปกติพี่เขาเป็นคนอ่อนโยนมากนะ ไม่คิดว่าตัวตนของเขาอีกด้านจะแฝงความร้ายกาจอยู่
“พี่ร้ายกาจยังไง หืม” ยังมีหน้ามาถามว่าร้ายกาจยังไง ก็เขาชอบทำให้ฉันเขินแบบนี้ไง
แล้วพอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนตอนที่เขาถามฉันว่าจะรับผิดชอบเขายังไง จู่ๆหน้าฉันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเลยให้ตาย งื้อ….
‘อย่าเพิ่งนอนสิ ยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะว่าจะรับผิดชอบพี่ยังไง’
‘พราวไม่รู้’
‘แต่พี่รู้’
‘รู้ว่าไงคะ’
‘รู้ว่าตอนนี้พี่เป็นของพราว แล้วพราวก็เป็นของพี่’
‘แล้วยังไงต่อคะ’
‘มาคบกับพี่ แล้วพี่จะยอมให้พราวปู้ยี่ปู้ยำเหมือนเมื่อกี้ ไปตลอดชีวิต’
หนึ่งเดือนต่อมา…..
@บริษัท 19.00 น.
“พราวครับ มาหาพี่หน่อย” ฉันหันไปตามเสียงเรียกของพี่องศา ที่กำลังนั่งมองมาทางฉันอยู่
“ว่าไงคะ มีอะไรเหรอ?”
“มานั่งตรงนี้สิ” พี่องศาว่าพลางส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่าให้ฉันไปนั่งบนตักของเขา อะไรอีกละเนี่ย
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยอมเดินไปหาเขาก่อนจะหย่อนสะโพกลงไปบนหน้าตักแกร่ง
“เราลองเปลี่ยนบรรยากาศดูไหม” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร
“ทำไมคะ พี่อยากเอาพราวตรงนี้เหรอ” ตรงนี้ที่ว่าก็คือในห้องทำงานของเขานี่แหละ
“แล้วได้ไหม หืม” พี่องศาพูดขึ้นก่อนจะซุกไซ้จมูกลงมาบนซอกคอขาวเนียนของฉัน
“อื้อ เดี๋ยวก่อนสิคะ พราวยังไม่ได้ตกลงเลยนะ” แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ นอกจากพี่องศาจะไม่ฟังแล้ว เขายังจับขาเรียวสวยของฉันให้แยกออกจากกัน ก่อนที่เขาจะใช้มือหนาล้วงเข้ามาในกระโปรงนักศึกษาของฉันแล้วก็…..
“อื้ออ พ พี่องศา หยุดก่อนค่ะ เดี๋ยวใครผ่านมาได้ยิน”
“เวลานี้เหลือแต่ยามที่เฝ้าหน้าออฟฟิตนั่นแหละ ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้วพราว” ปากว่าแต่นิ้วเขานี่บดขยี้ติ่งเสียวของฉันอยู่ตลอดเวลา
“อ๊ะ อื้อ ย อย่ากดสิคะ พราวเสียว” และในขณะที่ฉันกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่พี่องศามอบให้นั้น จู่ๆก็มีเสียงคนคุยกันดังมาจากด้านหน้าประตู
ฉันรีบเด้งตัวลุกออกจากตักพี่องศาทันที ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
O.O
“ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นหะ ยัยพราว นี่พี่ชายสุดที่รักของแกนะ ไม่ใช่ผีนะเว้ย” พี่เพทายพูดขึ้น หลังจากที่ผลักประตูเข้ามา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้องทำงาน
“ไอ้เหี้ย ให้กูหิ้วอยู่คนเดียว มึงนี่เดินตัวปลิวขึ้นมาเลยนะ สัส” ก่อนที่จะมีอีกเสียงนึงดังขึ้นมา แล้วนั่นพี่คามินถืออะไรมาเยอะแยะขนาดนั้น
“พวกมึงมาทำเหี้ยไรกัน” คนที่โดนขัดจังหวะเมื่อกี้ พูดขึ้นเสียงดุ ก่อนจะขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้กับโต๊ะทำงานของตัวเอง