EPISODE 07-01
ของขวัญ
ภายใน ‘ห้องเสื้อคุณรัญ’ วันนี้มีสายรุ้งตกแต่งสวยงามเป็นพิเศษ พร้อมกับลูกโป่งบอลลูนขนาดใหญ่ลูกหนึ่งที่มีคำว่า Happy birthday
นอกจากมีการตกแต่งภายในร้านให้สวยงามแล้ว บรรยากาศการทำงานก็คึกคักเป็นพิเศษอีกด้วย เพราะเป็นการทำงานกึ่งสังสรรค์เสียมากกว่า ตั้งแต่เข้างานยังมีอาหารไม่ขาดปากเลย โดยเฉพาะอาหารหลากหลายจากเชฟชื่อดังที่จิรากรส่งตรงมาเลี้ยง วันนี้ทั้งวันเขาอาสาดูแลเรื่องอาหารเอง
ขนาดไม่ใช่อาหารที่เขาทำกับมือ ก็ยังพิถีพิถันเลือกเมนูและรสชาติดีขนาดนี้ได้ รัญกรชิมอาหารแล้วรู้สึกถูกใจทุกอย่างเลย
“พี่รัญไม่ต้องทำงานนะ พักเต็มที่หนึ่งวัน อยากได้อะไรแค่ชี้นิ้วสั่ง เดี๋ยวพวกเราสามคนจะทำให้ทุกอย่าง วันนี้เจ้าของวันเกิดเป็นราชา เราจะเป็นลูกสมุนเอง”
“ให้พี่อยู่เฉย ๆ ได้ยังไง งานเยอะจะตาย มีอีกตั้งหลายชุดยังไม่เริ่มขึ้นแบบ ไหนจะต้องเย็บลูกปัดกับชุดแต่งงานคุณน้ำมนต์อีก ส่งงานสิ้นเดือนนี้แล้วนะ”
“เอาน่า ๆ พักวันเดียวไม่เป็นไรหรอก อยากเห็นพี่รัญพักบ้าง”
รัญกรพยักหน้าอย่างจำใจ ที่จริงงานทุกอย่างที่รับมาเขารู้อยู่แล้วว่าจะทำทันตามกำหนดแน่นอน เสร็จก่อนกำหนดทุกชิ้นด้วยซ้ำ แต่จะให้ดีก็ต้องเผื่อเวลาแก้ไขหากเกิดข้อผิดพลาดด้วยเช่นกัน ซึ่งงานที่รัญกรทำอยู่ช่วงนี้จะเป็นชุดแต่งงานของลูกค้าประจำ
คุณน้ำมนต์เป็นลูกค้ากลุ่มแรก ๆ ที่มาใช้บริการตั้งแต่ห้องเสื้อเพิ่งเปิด คุ้นเคยกันตั้งแต่มาสั่งตัดชุดราตรีเพื่อจะไปออกงานสังสรรค์ในเครือธุรกิจ ที่เหมือนว่าจะเป็นการเดตกับว่าที่เจ้าบ่าวคนนี้ไปพลาง ๆ กระทั่งวันนี้พัฒนาถึงขั้นที่รัญกรต้องตัดชุดแต่งงานให้แล้ว
อดภาคภูมิใจไม่ได้ที่เป็นส่วนหนึ่งของความรักครั้งนี้ ทำให้เขาตั้งใจทำงานชิ้นนี้เป็นอย่างมาก
“ชุดคุณน้ำมนต์สวยเนอะ ชุดไทยตอนเช้า ชุดเข้าพิธีการเข้าพิธีแต่งงาน ชุดปาร์ตี้ตอนกลางคืน บ่าวสาวคู่นี้ชุดเหมาะกันมาก สวยจัง นี่ถ้าหนูมีแฟนนะพี่รัญ หนูจะจองให้พี่รัญตัดชุดแต่งงานให้หนูเลย”
“บีก็มีคนมาจีบไม่ใช่เหรอ แต่บีไม่คบกับใครสักที พี่เห็นเราคุยกับใครได้ไม่นานเลยแล้วเมื่อไรจะได้แต่งงาน”
“ก็พอคุยกันจริง ๆ แล้วมันไม่คลิกนี่นา ไม่รู้สึกว่าจะไปต่อได้ หนูยังไม่เจอจุดที่หนูชอบในตัวเขาเลยอะ ถ้ามีสักอย่างที่ดึงดูดให้หนูลองคบต่อได้เรื่อย ๆ ก็ดีสิพี่รัญ”
“ว่าก็ว่าเถอะ ผมก็ไม่เคยเห็นพี่รัญคบหาใครสักที สมมติว่าพี่จะแต่งงาน พี่จะเลือกคนแบบไหนมาเป็นคู่ชีวิตเหรอ?”
แซนเดินมาหยิบชอล์กสีกล่องใหม่พอดีจึงเข้ามาร่วมวงสนทนานี้ด้วย ทว่าคำถามนี้มันยากเกินไปสำหรับรัญกร เขาไม่เคยคิดเรื่องคู่ชีวิตมาก่อน ไม่เคยคบหาใครเพราะกลัวเรื่องในอดีตจะสร้างความร้าวฉานในความสัมพันธ์
หากคนที่คบอยู่มารู้ทีหลังว่ารัญกรเคยทำงานแบบไหนมาก่อน มันคงไม่มีใครรับความเลวร้ายนี้ได้หรอก ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เขาไม่คิดที่จะมอบใจดวงนี้ให้ใคร เพราะเขาคงรับความผิดหวังตรงนั้นไม่ไหว
“เอ๊ะ หรือว่าคนนี้ดีคะพี่รัญ”
ประตูร้านถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับชายร่างสูงคนหนึ่ง ในอ้อมแขนของเขาหอบช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ติดมือมาด้วย ชายคนนี้นอบน้อมและสุภาพกับรัญกรเสมอ ลูกค้าประจำที่มาตัดสูททำงานตัวใหม่ทุกเดือน
แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็เพื่ออยากจีบเจ้าของร้าน เพียงแต่เจ้าของร้านไม่เล่นด้วย ความสัมพันธ์จึงไม่คืบหน้าไปไหน เริ่มต้นจากการเป็นลูกค้าอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม
“สวัสดีครับคุณตั้ม”
“สุขสันต์วันเกิดครับคุณรัญ มีความสุขมาก ๆ นะครับ ไว้มีโอกาสผมอยากชวนคุณรัญออกไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อ”
“ขอบคุณมากครับ ดอกไม้สวยจังครับ”
รัญกรรับช่อดอกไม้มาชื่นชมโดยแสร้งลืมท้ายประโยคที่ถูกชวนไปทานข้าว ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่เขาไม่กล้าเคลิ้มตามผู้ชายคนนี้ ทั้งที่คุณตั้มเป็นคนดีมาก ฐานะดี การงานมั่นคง สุภาพ ให้เกียรติทุกคน พอเจอคนดีขนาดนี้กลับรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควร คำว่าดีเกินไปเหมาะกับคุณตั้มที่สุดแล้ว
อีกอย่างรัญกรยังไม่เจออะไรที่ดึงดูดให้เขาสนใจคุณตั้มเลย ทุกอย่างมันดูเรียบง่ายจนไม่น่าตื่นเต้น ไม่มีอะไรให้น่าค้นหา
“ผมซื้อของขวัญมาให้ด้วยนะครับ หวังว่าคุณรัญจะชอบ”
ถุงกระดาษขนาดกะทัดรัด บนถุงมีโลโก้แบรนด์ดังวาววับสะดุดตา รัญกรรับถุงมาเปิดดูพบว่าเป็นน้ำหอมแบรนด์ดังนั่นเอง
“โหยยยย ผมเกรงใจจังครับ ขอบคุณคุณตั้มมาก ๆ เลยนะครับ”
“ผมก็ใช้กลิ่นนี้ครับ หอมมาก ถ้าคุณรัญใช้ด้วยเราจะได้ใช้คู่กันไงครับ”
รัญกรส่งยิ้มตาหยีไปให้ รู้สึกขอบคุณจากใจจริงที่อุตส่าห์ซื้อดอกไม้กับน้ำหอมราคาแพงมาให้ในวันเกิด แต่พอบอกว่าเป็นของที่ใช้คู่กัน กลับรู้สึกไม่กล้าใช้เสียแล้วสิ
“พี่รัญ ดูโน่น”
บริเวณหน้าร้านจู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกคันใหญ่เคลื่อนมาจอดขวาง ด้านหลังบรรทุกบางอย่างรูปทรงสี่เหลี่ยมสีดำ มีข้อความ Happy Birthday โดดเด่นดึงความสนใจ
ขณะที่กำลังสงสัย ตู้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่บรรทุกมานี้ก็เคลื่อนลงมาตามราวเหล็กที่ยื่นมารองรับจากท้ายรถสู่พื้นลานจอด
“อะไรกันครับเนี่ยคุณตั้ม คุณสั่งอะไรมาให้ผม?”
“เปล่าครับ ไม่ใช่ของผม”
ขณะเดียวกันนั้นก็มีรถสปอร์ตสีแดงคุ้นตาขับอ้อมมาจอดตรงที่ว่าง รัญกรและลูกน้องรู้ดีว่านี่คือรถของจิรากร เขาจะมีรถที่ขับประจำอยู่สี่คัน คันนี้ก็หนึ่งในนั้นที่เขาขับบ่อย ๆ
เมื่อตู้สี่เหลี่ยมนั้นวางนิ่งสนิทบนพื้น จู่ ๆ ก็เริ่มเปิดออกทั้งสี่ด้านช้า ๆ เป็นจังหวะที่จิรากรเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมาพอดี เขายืนเท้าเอวมองจนฝากล่องสี่ด้านกางออกสุด ก่อนจะเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตรงเข้ามาในร้าน
“พี่รัญ อย่าบอกนะว่าคุณจิเขาซื้อรถสปอร์ตคันนี้ให้พี่เป็นของขวัญ?”
“ผมว่าใช่แน่ นี่มันซูเปอร์คาร์เลยนะพี่ เล่นใหญ่มาก โอ้โฮ พ่อบุญทุ่ม”
คนอย่างจิรากรใครจะเดาใจถูก เขามีเงินเหลือมากพอที่จะซื้อรถคันละหลายสิบล้านเล่นไปวัน ๆ ด้วยซ้ำ แต่พอรถหรูขนาดนี้มาจอดอยู่หน้าร้านพร้อมกับคำว่า Happy Birthday กลับทำให้รัญกรพูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าคิดว่าสิ่งที่ลูกน้องพูดมันจะเป็นจริง
ประตูร้านถูกเปิดเข้ามาอย่างเคยชิน จิรากรเดินผ่านคุณตั้มมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของร้าน หลุบตามองช่อดอกไม้กับถุงกระดาษที่รัญกรถืออยู่ก็พอจะเดาได้ว่าใครให้
ชายสองคนเหมือนมีสัมผัสพิเศษถึงความเป็นศัตรู พวกสบตากันแวบหนึ่งก่อนเบือนหน้าหนี
“รัญมานี่ ผมจะให้ดูอะไรหน่อย”
เป็นรัญกรเองที่วางของทุกอย่างในมือลงบนโซฟา เขาหันมากล่าวขอบคุณคุณตั้มอีกครั้งอย่างสุภาพ ก่อนที่มือสวยจะถูกคว้าไปจูงอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ เพียงอึดใจเดียวจิรากรก็กุมมือเรียวเดินออกมานอกร้านได้อย่างง่ายดาย
คุณตั้มมองตามด้วยความตกใจ เขาไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสผิวกายสวยของรัญกรแม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ำ แล้วจิรากรเข้ามามีบทบาทขนาดนี้ตอนไหน ไม่เคยรู้มาก่อน ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ
ครั้นจะหันมาถามลูกน้องทั้งสามคนก็ไม่อยู่เสียแล้ว ทุกคนรีบแยกย้ายไปทำงานเหมือนสัมผัสบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ได้
เหตุการณ์ด้านนอกร้านก็น่าอึดอัดไม่แพ้กัน รถหรูราคาแพงคันใหม่เอี่ยมถูกนำลงมาจอดที่พื้นแล้ว มันคือคันเดียวกับที่จิรากรเคยให้เขาดูเมื่อหลายวันก่อนไม่ผิดเพี้ยน
จำได้ว่าวันนั้นจิรากรส่งรูปรถหรูมาให้รัญกรดูเจ็ดคัน ถามแค่ว่าคันไหนสวย รัญกรก็บอกว่าคันนี้สวย ใครจะคิดว่าตอนนี้มันจะจอดอยู่ตรงหน้า
“คุณจิ อย่าบอกนะว่าคุณซื้อเนี่ย แพงมาก”
“ผมซื้อให้รัญเป็นของขวัญวันเกิด”
“ซื้อให้ผมทำไม มันแพงไป ไม่เอา”
“ไม่เท่าไร ผมรวยนะ รัญอย่าลืมสิ”
เรื่องรวยก็คงไม่เถียง ติดอยู่อย่างเดียวตรงที่ว่าทำไมต้องซื้อของแพงขนาดนี้ให้ รัญกรมีรถของตัวเองไว้ใช้อยู่แล้ว แม้จะเป็นรถประหยัดพลังงานคันกะทัดรัดและราคาไม่แพง ทว่ามันก็ยังใช้ได้ดี ไม่จำเป็นต้องมีรถคันใหม่
“ผมไม่กล้ารับหรอก มันแพงเกินตัว ผมคงดูแลของที่คุณให้ไม่ดีพอ ลำพังแค่จ่ายค่าประกันผมก็ไม่ไหวแล้วคุณ”
“ผมจัดการให้รัญทุกอย่าง รัญมีหน้าที่ขับมันก็พอ เวลาจะใช้รถก็เลือกคันนี้ รับไว้เถอะนะ ผมซื้อมาให้เพราะรัญบอกว่ามันสวย อยากให้รัญประทับใจ”
“...”
“รัญ ผมคงอยู่ฉลองวันเกิดให้รัญได้ปีนี้ปีเดียว ปีหน้าถ้าผมอยู่ไม่ถึงวันนี้ ผมจะไม่มีโอกาสได้ซื้ออะไรให้รัญเลยนะ”
เหมือนความตายของจิรากรก็กลายเป็นจุดอ่อนไหวของรัญกรไปแล้วเหมือนกัน เขาจะรู้สึกสงสารและเห็นใจเสมอเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าตัวเองกำลังจะตายในปีหน้า
คนที่ผ่านความตายของผู้คนมานับไม่ถ้วนอย่างรัญกร ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกอยากตามใจผู้ชายผมขาวแสนเจ้าเล่ห์คนนี้อยู่เรื่อย
ใจลึก ๆ แค่รู้สึกว่าหากสามารถสร้างความสุขในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้จิรากรได้ก็ยินดีทำ
“โอเค ผมรับไว้ก็ได้ แต่เรื่องใช้งานขอไม่รับปากครับ ผมขับไม่เป็นหรอก ไม่เคยขับรถแพง ไว้ถ้ารถผมมีปัญหาจนเข้าศูนย์ ผมจะใช้รถคุณนะ”
ขณะที่ยืนถกเถียงกัน คุณตั้มได้เดินออกมาพอดี เขากดปลดล็อกรถตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไร ตอนนี้เองที่รัญกรเพิ่งนึกได้ว่ามือเขายังถูกมือใหญ่กว่ากุมอยู่ไม่ห่าง แต่ก็ต้องรีบสะบัดออกแล้วยกมือไหว้ขอบคุณคุณตั้มเรื่องของขวัญอีกครั้งด้วยความเกรงใจ
รู้สึกถึงพลังงานสีดำทะมึนปกคลุมอยู่รอบบริเวณเมื่อคุณตั้มและจิรากรสบตากัน ไม่รู้ทำไมรัญกรถึงรู้สึกว่าตัวเขาตัวเล็กลงเรื่อย ๆ
“ผมกลับก่อนนะครับคุณรัญ ไว้ผมจะแวะมาหาใหม่”
“ได้ครับคุณตั้ม ขับรถดี ๆ นะครับ”
“สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ”
คล้อยหลังจากคุณตั้มขับรถออกไป จิรากรได้เดินไปที่รถยนต์คันกะทัดรัดที่คุ้นตา ก่อนจะใช้เหรียญจ่อที่ประตู ตาคมเหลือบมองรัญกรเพียงอึดใจก็ออกแรงขูดให้สีรถหลุดลอกไปตามทางยาว แล้วตั้งใจจะทำแบบนี้ให้รอบคัน ถ้ารถคันนี้มีอะไรเสียหายก็น่าจะได้เข้าศูนย์ไปซ่อม ฉะนั้นรัญกรจะได้ใช้รถหรูคันใหม่ที่เขาซื้อให้
“คุณจิ!! ทำบ้าอะไรเนี่ย!!!”
ไม่ว่าเปล่า รัญกรทั้งตะโกนทั้งกระโจนใส่ สองแขนกอดรัดเอวหนาก่อนออกแรงดึงให้ถอยห่างจากรถของตนเอง แต่คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอยังคงยื้อแรงไหว เดินหน้าขูดต่อพลางหัวเราะคิกคัก อารมณ์ต่างจากรัญกรแบบสุดขั้ว
“ทำให้รถรัญเสียหายไง จะได้มาใช้รถผม เดี๋ยวค่าทำสีผมออกให้นะไม่ต้องห่วง”
“แค่นี้ผมไม่เดือดร้อนหรอกนะ สีถลอกผมก็ขับได้ คุณอย่ามาทำแบบนี้ นิสัยเสีย!!”
“ก็ผมอยากให้รัญใช้ของที่ผมซื้อ ในเมื่อรัญดื้อ ผมก็ต้องเลือกทางออกรุนแรงแบบนี้”
“คุณมันบ้าไปแล้วคุณจิ ผมหมดคำจะพูดเลย”
“โกรธเหรอ”
คำตอบก็คงจะเป็นสีหน้าบึ้งตึงของรัญกร เขาโกรธมาก ไม่เคยมีใครกล้าทำลายข้าวของเขาแบบนี้ กำปั้นขวาบีบแน่นก่อนจะปล่อยหมัดไปข้างหน้าด้วยความขุ่นเคือง
แต่พอชกหมัดขวาจิรากรก็หลบได้ ชกหมัดซ้ายก็หลบได้อีก ครั้นหาจังหวะเอี้ยวตัวยกขาฟาดเข้าที่ต้นคอ จิรากรก็หลบได้อีกเช่นเคย
“คุณจิ คุณทำเกินไปแล้วจริง ๆ มาขูดรถผมทำไม คุณอยู่เฉย ๆ ให้ผมตีเลยนะ นิสัยเสียแบบนี้ต้องโดนสักที!!”
“ผมไม่ใช่ไก่อ่อนนะรัญ ลืมเหรอว่าผมก็สู้เก่ง อ่า คุณเป็นยูโดด้วยใช่ไหม ไว้วันหลังไปซ้อมที่โรงยิมของน้องผมกัน”
“ยังจะพูดเล่นอีก!”
ไม่ว่าจะใช้มือหรือเท้าจู่โจม จิรากรก็หลบหลีกได้หมดเลย เป็นรัญกรเองที่รู้สึกเหนื่อยหอบ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าตัวเขาห่างหายจากการต่อสู้ไปนานจนไม่คล่องแคล่วเท่าเมื่อก่อนแล้ว เหมือนมือไม้มันหนักไปหมด
รถยนต์คันกะทัดรัดถูกเจ้าของเดินสำรวจรอบคันอีกครั้ง มองดูรอยสีหลุดลอกจากการถูกเหรียญขูดเกือบรอบคัน มันแย่มาก ยิ่งมองยิ่งโมโห
เกือบจะซึ้งใจอยู่แล้วเชียวที่จิรากรซื้อรถให้เพราะอยากให้จริง ๆ เผื่อปีหน้าเขาจากโลกนี้ไป อย่างน้อยก็มีรถคันนี้ไว้ดูต่างหน้า แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำลายข้าวของคนอื่นได้สักหน่อย!
เป็นแบบนี้ตลอด ไม่เคยเดาอารมณ์จิรากรได้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางวันก็เอาอกเอาใจเก่ง แสนดีมาก ทำตัวน่ารักกับรัญกรมากด้วย บางวันก็งอแง ขี้งอน ขี้น้อยใจ แต่เรื่องที่ทำลายข้าวของแบบนี้รัญกรคงตามใจไม่ได้จริง ๆ