EPISODE 06-01 พบหลักฐาน

2411 คำ
EPISODE 06-01 พบหลักฐาน หลังจากตกลงกันได้ว่าจะพลิกสถานการณ์ให้ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ใครสักคนอยากให้เป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนจะสร้างเรื่องให้จิรากรและรัญกรบาดหมางกัน และการทำตรงกันข้ามนั่นคือพวกเขาจะกระชับมิตรกันมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา จะว่าเป็นการเล่นละครก็ไม่เชิง เพราะพวกเขาไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเมื่ออยู่ด้วยกันเลยสักนิด ตลอดช่วงเดือนหลังจากไปมาหาสู่กันบ่อย เหมือนผู้อยู่เบื้องหลังที่ก่อความวุ่นวายจะผิดคาดและหาจังหวะก่อเรื่องไม่ได้เลย จิรากรเข้มงวดเรื่องกล้องวงจรปิดรอบตัวบ้านมากขึ้น สั่งติดเพิ่มทุกจุด ห้องควบคุมการดูวงจรปิดก็ถูกตั้งรหัสความปลอดภัยอย่างแน่นหนา มีเพียงเจ้าของบ้านเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ ฉะนั้นหากเกิดเรื่องแปลกขึ้นอีก ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เข้าไปตัดแต่งวิดีโอบางส่วนออกไปไม่ได้ ซึ่งเป็นไปตามคาด เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย หากคนที่ทำเรื่องพวกนี้เป็นบอดี้การ์ดของจิรากร จะรู้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านหลังนี้เข้มงวดมากที่สุดเท่าที่จิรากรเคยอาศัยอยู่มาทั้งชีวิต ถ้าคิดจะก่อเรื่องอะไรอีก ไม่มีทางที่จะจับไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็อยากรู้อยู่ดีว่าคนที่ทำเรื่องแบบนี้น่ะใคร มันไม่ควรเก็บเอาไว้ใกล้ตัว อยากจับให้ได้แล้วกำจัดทิ้งเสียตอนนี้เลย แต่เขาจัดการคนเดียวไม่ได้หรอก เขาจำเป็นต้องมีรัญกรเป็นเพื่อนคู่คิดด้วย เพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป้าหมายคือใครกันแน่ ตึก ตึก ตึก “นายใหญ่ครับ วันนี้กรมอุตุฯ บอกว่าฝนจะตกหนักในช่วงเย็น รถเกลี่ยดินเลยไม่มานะครับ” “เข้าใจแล้ว ออกไปได้” หัวหน้าบอดี้การ์ดเดินเข้ามาแจ้งขณะที่จิรากรง่วนทำอาหารอยู่ในครัว พอพูดจบประโยคก็มักจะไล่ลูกน้องออกไปทันทีด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ กลายเป็นว่าไม่กล้าไว้ใจลูกน้องคนไหนเลยตั้งแต่หลายอย่างมันชวนให้คิดว่าบอดี้การ์ดภายในบ้านกำลังคิดไม่ซื่อ ส่วนเรื่องการเกลี่ยดินที่มาแจ้งก็คือเนื้อที่เปล่าแปดไร่ด้านหลังบ้านที่เขาเพิ่งกว้านซื้อมา ตั้งใจว่าจะสร้างเป็นสนามกอล์ฟขนาดย่อม ๆ เนื่องจากจิรากรชอบตีกอล์ฟ และมันเป็นกิจกรรมที่สามพี่น้องมักจะทำร่วมกันบ่อย จึงสร้างมันไว้หลังบ้านเสียเลย จะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอก ตอนนี้อาหารสี่อย่างตรงหน้าที่เขาตั้งใจทำเสร็จลงเรียบร้อย จิรากรมองดูนาฬิกาพบว่าใกล้ถึงเวลานัดทานมื้อเที่ยงเต็มทีแล้ว อีกไม่เกินสิบนาทีนี้ รัญกรน่าจะมาถึง “คุณจิครับ” อ่า ว่าแล้วก็มาถึงเลย... “อยู่นี่ครับ” “หอมมากกกก วันนี้ทำอะไรให้ผมกินครับเนี่ย” เมื่อเริ่มคุ้นเคยกัน จิรากรก็ได้ตำแหน่งพ่อครัวประจำตัวรัญกรไปโดยปริยาย คนหนึ่งชอบทำอาหาร อีกคนชอบทานของอร่อย ทานเยอะด้วย ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะเหลืออาหารเลิศรสไว้บนจาน รัญกรเก็บทุกคำไม่เคยให้เหลือ “วันนี้มีขาหมูเยอรมัน แบบหนังกรอบแต่เนื้อนุ่มที่รัญชอบ แล้วก็สะโพกไก่ตุ๋นยาจีน ปูผัดผงกะหรี่ ต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอยใส่เห็ดหอม” “เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ เลยใช่ไหมครับเนี่ย น่ากินมากกกก” จิรากรมองแขกคนพิเศษแล้วก็เผยยิ้มกว้าง ดีใจที่ชายตรงหน้าเขาไม่วางมาดมากมายเหมือนแต่ก่อน รัญกรเด็กกว่าเขาสองปี อายุก็สามสิบสองเข้าให้แล้ว แต่เมื่อไรที่เห็นอาหารน่ากิน เขาจะหูตาลุกวาวเหมือนเด็กสามขวบเห็นของเล่นที่ถูกใจ “รัญยกออกไปเลย เดี๋ยวผมตักข้าวให้” และแล้วอาหารมื้อนี้ก็ผ่านไปอย่างเรียบง่ายเช่นทุกครั้ง พวกเขาจะมีนัดทานมื้อเย็นด้วยกันทุกวัน ไม่รัญกรมาหาจิรากรที่บ้าน ก็จิรากรทำอาหารไปทานกับรัญกรที่ร้าน ที่ต้องสลับไปหากันเพราะอยากล่อผู้อยู่เบื้องหลังให้กระทำเรื่องวุ่นวายอีกสักเรื่อง เผื่อจะจับตัวได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จากที่วางแผนอยากจับคน กลายเป็นความเคยชินที่พวกเขาจะต้องได้เจอหน้ากันทุกวัน ได้ร่วมโต๊ะอาหาร พูดคุยกันจนค่ำมืด ช่วงหลังมานี้ก่อนนอนจิรากรยังส่งข้อความมาบอกฝันดีรัญกรทุกวันเลย ส่วนอีกฝ่ายมักจะตอบกลับมาเพียง สติกเกอร์รูปหมียิ้มเท่านั้น “เฮ้อ อิ่มมาก น้ำหนักผมขึ้นมาสามโลกว่าแน่ะ ผมต้องเลื่อนรูเข็มขัดแล้วนะครับ” “ก็รัญกินเก่ง ผมทำอาหารเก่ง ผมก็แค่ตามใจรัญ” “ผมต้องเข้าฟิตเนสบ้างแล้ว ถ้าอ้วนกว่านี้ผมคงเคลื่อนไหวช้า ถ้าถูกจู่โจมคงสู้ไม่ได้” “บนบ้านผมมีห้องออกกำลังกาย รัญมาใช้ได้เลย อุปกรณ์ครบ” “ถึงว่า คุณดูรูปร่างดีตลอดเวลาเลย ที่แท้ก็ออกกำลังกายเป็นประจำนี่เอง” “หุ่นผมดีกว่าที่รัญคิด ไว้มีโอกาสจะถอดเสื้อผ้าให้ดู” รัญกรเม้มปากแน่น เพิ่งนึกได้ว่าครั้งหนึ่งเคยเห็นเรือนร่างภายใต้ร่มผ้าของจิรากรมาแล้ว แม้จะไม่ได้เห็นทุกส่วนเพราะเขาสวมชุดคลุมอาบน้ำอยู่ แต่ก็เห็นลอนกล้ามท้องกับความใหญ่โตกลางกายอยู่บ้าง รู้แจ้งแล้วว่าหุ่นดีจริง ๆ “มาคุยเรื่องงานกันเถอะครับ” “เดี๋ยวผมจะเรียกบอดี้การ์ดให้เข้ามาวัดตัว รัญก็ทำงานไป ผมจะสังเกตว่ามีใครน่าสงสัยไหม” แผนการวันนี้คือต้องการจับผิดบอดี้การ์ด สืบเนื่องมาจากความสงสัยที่รัญกรคิดว่าต้องเป็นกลุ่มคนเหล่านี้ แล้วมันทำให้จิรากรว้าวุ่นใจพอสมควร ยากที่จะทำใจยอมรับได้ว่าลูกน้องในสังกัดกำลังหักหลัง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องสืบจนกว่าจะรู้ความจริงอยู่ดีว่าเป้าหมายคือใคร ต้องการอะไร อย่างน้อยถ้าเป้าหมายที่ต้องการปั่นหัวคือรัญกร การให้บอดี้การ์ดมาเผชิญหน้ากับรัญกรอาจส่อพิรุธบางอย่างออกมาก็ได้ จิรากรจึงลงทุนคิดแผนตัดชุดให้บอดี้การ์ดทุกคนใหม่ ชุดสูทรูปทรงใหม่คนละห้าชุด ทุกคนจะต้องเวียนกันเข้ามาให้รัญกรวัดตัว โดยมีนายใหญ่อย่างจิรากรคอยสังเกตการณ์ลูกน้องอยู่ห่าง ๆ เมื่อแผนการเริ่มขึ้นมาพักใหญ่ ชายร่างสูงใหญ่ผ่านการวัดตัวไปเกือบยี่สิบคน แต่ละคนมีท่าทีนอบน้อมกับรัญกรอย่างเช่นปกติ อาจเป็นเพราะรู้ว่าคนนี้คือคนพิเศษของเจ้านาย การสงวนท่าทีไว้ถือเป็นเรื่องสำคัญ มาจนถึงตอนนี้ตัวจิรากรเองก็ยังจับพิรุธใครไม่ได้เลยสักคนเดียว จนกระทั่งผ่านไปจนครบสามสิบคน รัญกรทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า เริ่มเวียนหัวแล้วที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ วัดสัดส่วนแล้วหันมาจดใส่สมุดทีละอย่าง สุดท้ายเป็นเจ้าของบ้านเองที่ต้องเดินมาทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ แล้วนวดบ่าให้ ฝ่ายถูกนวดตกใจกับการถึงเนื้อถึงตัว แต่แรงบีบเน้นตรงบ่าช่างสบายตัวเหลือเกิน รัญกรจึงปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน “คุณจิเจอใครน่าสงสัยไหมครับ ผมรีบวัด ไม่มีเวลาสังเกตใครเลย” “ไม่มีเลย ทุกอย่างปกติมาก” “หรือจะเป็นบอดี้การ์ดชุดเก่าครับ เพราะตอนแรกที่มีคนเอาศพมายัดท้ายรถผมก็ไม่ใช่บอดี้การ์ดชุดนี้นี่” “แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องเขียนขู่ฆ่าบนกำแพงทั้งที่เปลี่ยนบอดี้การ์ดชุดใหม่นะ หรือจะร่วมมือกันเป็นกลุ่มอย่างที่รัญเคยบอก แค่ผมรู้ว่าลูกน้องกำลังหักหลังผมมากกว่าหนึ่งคน ผมก็รับไม่ได้แล้ว” “ถ้าเป้าหมายพวกเขาคือผม ก็ไม่ถือว่าหักหลังคุณสักหน่อย” “คิดจะทำร้ายรัญก็เท่ากับคิดจะทำร้ายผมด้วยเหมือนกัน รัญเจ็บผมก็เจ็บ” “เฮ้อ ไม่ต้องปากหวานใส่ผมหรอก ผมไม่เคลิ้มตาม” จริงอยู่ที่ไม่ค่อยเคลิ้มตามกับคารมคนเจ้าชู้ ต่อให้มีถ้อยคำหวานเป็นร้อยก็ซื้อใจรัญกรได้ยาก ใจแข็งกับเรื่องพวกนี้แต่กลับใจอ่อนกับเรื่องอาหาร เมื่อไรที่จิรากรเอาอาหารเข้าล่อก็มักจะเกลี้ยกล่อมรัญกรได้เสมอ เวลาชวนมาที่บ้านถ้าไม่มีเรื่องอะไรจะไม่ยอมมา ยกเว้นแต่จะบอกว่าจะทำอาหารให้ทาน ไม่ถึงนาทีรัญกรก็ตกลงแล้ว จิรากรก็เพิ่งได้เรียนรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง ว่าอดีตนักฆ่าอย่างรัญกรที่เก่งการต่อสู้ เก่งการใช้มีดสั้น ใจเด็ดเดี่ยวถึงขั้นยอมปลิดชีพคนอื่นเพื่อแลกกับเงิน ที่จริงแล้วจะมีมุมน่ารักขนาดนี้ อุตส่าห์เสียเวลาขบคิดถึงสองปีตอนตามหารัญกร ว่าถ้าเจอกันแล้วจะเข้าหาอย่างไร จะทำอย่างไรถึงจะสร้างมิตรภาพดี ๆ ต่อกันได้ ความจริงกลับเลี้ยงง่ายถึงเพียงนี้ เคยคิดว่านักฆ่าอย่างนี้น่าจะมีนิสัยโหดเหี้ยม ขัดแย้งกับหน้าตาที่น่ารักนั่น แต่พอได้รู้จักมาเดือนกว่า นิสัยก็น่ารักเหมือนหน้าตาเลย รัญกรก็แค่แมวน้อยตัวหนึ่งที่จำใจทำงานแบบนั้น ไม่ได้ฆ่าคนเป็นนิสัย มาตอนนี้เลิกทำงานสกปรกอย่างเด็ดขาด นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูใหญ่ ทั้งคู่หันไปพบชายมีอายุคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนสวนเก่าแก่ที่คอยดูแลสวนให้บ้านทุกหลังของสามพี่น้อง ถ้านับเวลาจนถึงวันนี้ก็สิบกว่าปีแล้ว เขาเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางนอบน้อม ใจดี และสุภาพมาก รัญกรเอี้ยวไหล่หลบมือใหญ่ที่ยังออกแรงบีบนวดอยู่ รู้สึกไม่คุ้นชินที่จะให้คนอื่นเห็นพฤติกรรมแบบนี้ ทั้งที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงแค่คนรู้จักกัน ไม่ควรให้คนอื่นเห็นว่าเจ้าของคฤหาสน์หรูกำลังนั่งนวดเอาใจแขก “คุณจิเรียกผมมีอะไรเหรอครับ” “ลุงแมทอายุมากแล้ว เกรงว่าจะทำสวนให้ผมไม่ไหว อีกหน่อยหลังบ้านผมจะทำสนามกอล์ฟแต่ผมอยากให้ลุงแมทได้พัก ลุงวางแผนชีวิตไว้ยังไงช่วยบอกผมหน่อย ผมจะสนับสนุนเอง” เจ้านายกับคนสวนพูดคุยกันอย่างอบอุ่น เป็นกันเอง อาจเพราะทำงานด้วยกันมาหลายปี ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน “ถ้าไม่ได้ทำตรงนี้ ผมก็คงกลับไปอยู่บ้านเล็ก ๆ ที่ต่างจังหวัด หรือเปิดร้านขายของชำให้พอมีรายได้เล็กน้อยไปวัน ๆ” “งั้นพักเลยไหม ลุงแมทอายุหกสิบแล้วนะ ไม่อยากให้ทำงานหนัก เดี๋ยวผมให้เงินขวัญถุงสนับสนุนเลยแล้วกัน” “ใจหายเลยครับ ผมทำสวนให้คุณจิ คุณจุล คุณเจต น่าจะสิบปีกว่าแล้ว ตอนนี้ผมแก่แล้วจริง ๆ ขนดินขนทรายไม่ไหว ก้มตัดต้นไม้ใบหญ้าได้ไม่นานก็ปวดหลัง ถ้าได้พักก็คงดีครับ” จิรากรเอื้อมหยิบสมุดเช็คที่วางไว้บนโต๊ะเบื้องหน้า คว้าปากกามาเขียนจำนวนเงินที่ต้องการให้อย่างรวดเร็ว “ผมให้ ลุงแมทเอาไปซื้อของที่อยากได้ กินของอร่อย ๆ ดูแลสุขภาพตัวเองดี ๆ นะ มันเพียงพอที่จะทำร้านขายของชำเล็ก ๆ ได้ด้วย” “ห้าแสนเลยเหรอครับคุณจิ มันมากไป ผมรับไม่ไหว” “ผมอยากให้ รับไปเถอะ เงินแค่นี้ผมเสียไปก็ไม่เดือดร้อนหรอก” “ขอบคุณครับคุณจิ” “ผมขอบคุณลุงแมทมากนะที่ดูแลสวนให้บ้านผมกับน้องชายมาตลอด ถ้าลุงว่างวันไหนก็เข้าไปลาสองคนนั้นหน่อย ขืนไปไม่ลาคงใจหายกันหมดแน่ วันนี้กลับไปพักเถอะครับ อ้อ จะกลับต่างจังหวัดวันไหนบอกผมนะ เดี๋ยวผมให้คนไปส่ง” “ครับคุณจิ ขอบคุณมาก ๆ ครับ แต่ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ ผมก็ไม่รู้จะกลับวันไหน เกรงใจน่ะครับ” เจ้าของบ้านพยักหน้า หากเจ้าตัวไม่ยินยอมก็คงไม่ฝืนบังคับใจ เอาที่สะดวกใจกันทุกฝ่ายดีกว่า และเมื่อคุยกันเสร็จ คนสวนจึงเดินออกไปด้วยท่าทางนอบน้อมเหมือนเดิม รัญกรนั่งเงียบมองเหตุการณ์อยู่นาน คนนอกที่อยู่ในสถานการณ์อบอุ่นแบบนี้ยังอดรู้สึกดีไปด้วยไม่ได้เลย จิรากรเป็นคนที่ให้เกียรติทุกคนมาก ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับลูกน้องเสมอ ตอนที่บอดี้การ์ดเวียนเข้ามาวัดตัว เขาหยิบจับอะไรได้เขาก็ช่วย ยอมให้ลูกน้องเข้ามานั่งรอบนโซฟาเดียวกัน พูดคุยอย่างไม่แบ่งแยกฐานะ มีแต่ลูกน้องที่ไม่กล้ารบกวนเจ้านาย เพิ่งรู้วันนี้เองว่าจิรากรรู้ชื่อบอดี้การ์ดทุกคน ใส่ใจถึงขนาดถามไถ่ว่าบิดามารดาหายป่วยหรือยัง ลูกชายหรือลูกสาวเป็นอย่างไรบ้าง เข้าโรงเรียนที่ไหน มีอะไรให้ช่วยหรือไม่ ถ้าจิรากรจะนึกเสียใจที่จะถูกบอดี้การ์ดหักหลังก็ไม่แปลก ในเมื่อตัวเขาก็ให้ใจลูกน้องขนาดนี้ กับคนสวนก็เหมือนกัน จิรากรพูดคุยสนิทสนมอย่างคนที่คุ้นเคยกันมานาน คิดแทนเรื่องสุขภาพ คิดเผื่อแผนการใช้ชีวิตในอนาคต แถมยังให้เงินขวัญถุงไปอีกหลายแสนบาท เพื่อสร้างความมั่นใจว่าต่อให้ออกจากการทำงานตรงนี้ไปแล้ว ก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างดีได้ ช่างเป็นเจ้านายที่น่าประทับใจจริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม