ตอนที่ 4
หลังจากที่มินตราเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ จึงเดินไปที่โต๊ะแขกตามที่ผู้จัดการบอกไว้
“หนูมินตรา มานั่งดื่มเป็นเพื่อนเฮียหน่อยสิ” ยังไม่ทันจะเดินถึงโต๊ะ ชายที่เรียกตัวเองว่าเฮียก็ทักทายเชิญชวนให้มินตราดื่มเสียแล้ว
“คือหนูไม่ดื่มค่ะ พอดีพรุ่งนี้มีเรียน” มินตราจำต้องโกหกชายสูงวัยตรงหน้าไป จะดื่มไปทำไมล่ะ มันบาดคอ เสียงก็หายหมดนะสิ
“ไม่เป็นไรเฮียไม่ได้ให้หนูดื่มเหล้าสักหน่อย เอาเป็นสปายมั้ย” ชายสูงวัยตื้อไม่เลิก จนหญิงสาวต้องยอม เพราะไม่อยากมีปัญหา
“อืม! ก็ได้คะ” มินตราตอบชายสูงวัยตรงหน้า เขาให้ลูกน้องที่ยืนดูแลไปสั่งสปายมาให้มินตรา บริกรวางแก้ว คนที่เรียกตัวเองว่าเฮียก็ขอชนแก้วทันที
หลังจากที่ชนแก้วเสร็จก็ถึงคิวที่มินตราต้องร้องเป็นรอบสุดท้ายก่อนเลิกงาน จึงขอตัวจากแขกโต๊ะนั้นแล้วขึ้นเวทีไป
“ค่ะ จบบทเพลงสุดท้ายสําหรับวันนี้พวกเราทุกคนต้องขอขอบคุณมากเลย ๆ นะคะ...เดี๋ยวฟังเพลงเพราะ ๆ จากดีเจสุดหล่อกันต่อไป แล้วพบมินตราใหม่ ในโอกาสหน้านะคะ สวัสดีค่ะ..."
“น้องมินตราครับ ก่อนกลับบ้านเฮียโต๊ะเมื่อกี้ขอพบหน่อยนะครับ ผู้จัดการร้านพูดขึ้น เมื่อหญิงสาวลงมาจากเวที และไม่นานคนสนิทของเฮียคนหนึ่งก็รีบเดินมาบอกกับนักร้องสาวอีกที เพราะเห็นว่าเธอยังไม่ไปหาที่โต๊ะ
“นาย ? มาเที่ยวด้วยเหรอ หญิงสาวชะงักมือที่เก็บข้าวของอยู่แล้วนิ่วหน้ามองอย่างสงสัยว่านายวิชญ์มาที่นี่ได้ยังไง
“ผมก็มีขานะครับ ทำไมจะมาไม่ได้ ชายหนุ่มตอบกลับมาอย่างกวน ๆ
“มินตราไปที่ห้องของคุณวิษณุด่วนเลย” ผู้จัดการหนุ่มพูดจบเขาก็เดินนําไป โดยที่มินตรายังงงอยู่ว่าสรวิชญ์มาทำอะไรที่ร้านอาหารแห่งนี้ และก็ยังงงไปอีกต่อว่า แค่ไม่ไปพบลูกค้าที่โต๊ะหลังเลิกงานถึงขั้นต้องถูกเรียกตัวไปพบเลยเหรอ
“สวัสดีค่ะ... เมื่อมาถึงห้องนัดหมาย นักร้องสาวสวยก็เอ่ยทักผู้เป็นเจ้านายออกไป หากแต่ก็ต้องชะงักนิ่งเมื่อเห็นบุคคลที่เรียกตัวเองว่าเฮียอยู่ในห้องนี้ด้วย เขาจ้องใบหน้าสวยของเธอและทักขึ้นต่อจากเจ้านายของเธอ
“เชิญนั่งก่อนสิหนู ชายสูงวัยที่เรียกเธอไปพบที่โต๊ะเมื่อสักครู่รีบบอกมินตรา เธอมองตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้ตามมารยาท ก่อนที่แขกคนนั้นจะชวนผู้มาใหม่นั่งลงเมื่อเห็นว่าเธออึ้งไป
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธเพราะเกรงว่าต้องนั่งข้าง ๆ ชายสูงวัยที่กางแขนทั้งสองข้างบนขอบโซฟา และอีกอย่างกระโปรงนักร้องที่ร้านอาหารนี้ให้ใส่ก็สั้นมากด้วยขืนนั่งไปก็เปิดหว๋อกันพอดี
“นี่คุณทศพลนะ พอดีเฮียเค้าอยากรู้จักหนู..ที่โต๊ะเมื่อกี้ไม่ทันได้แนะนำตัว” เจ้าของร้านสูงวัยนามว่าคุณวิษณุแนะนำชายอีกคนที่วัยใกล้เคียงกันและคาดว่าจะเป็นลูกค้าประจำ มาให้เธอรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม
“สวัสดีค่ะ” เมื่อรู้จักแล้วมินตราก็ไหว้ชายสูงวัยที่ชื่อเฮียทศพลอีกรอบ เขารีบลุกขึ้นรับไหว้มินตราโดยยืนขึ้นเอามือมาจับสองมือหญิงสาวไว้แทนอย่างถือวิสาสะ
“ร้องเพลงจบแล้ว เฮียอยากจะชวนมินตราไปฟังเพลงต่อได้มั้ย”
“เออ..คือว่าพรุ่งนี้หนูมีเรียนค่ะ ต้องขอตัวนะคะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธพร้อมดึงมือออกจากการเกาะกุมของเฮียทศพลทันที
“ถ้างั้นไม่เป็นไร วันนี้ให้เฮียไปส่งได้มั้ย”
“หนูกลับเองได้ค่ะ พอดีหนูขับมอไชด์มา”
“ไม่เป็นไรให้เฮียไปส่ง มอเตอร์ไชด์หนู เดี๋ยวให้เด็กของเฮียขับไปให้ นะนะ”
“อืมห์ หนูต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะเฮีย หนูไม่สะดวกเอาไว้โอกาสหน้านะคะ พอดีพรุ่งนี้หนูมีเรียนค่ะ ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ”
มินตราปฏิเสธเสียงแข็งและรีบเดินออกมาอย่างรวดเร็วจน นายวิชญ์ที่รออยู่บริเวณใกล้ ๆ ต้องรีบเดินตาม
“นี่คุณ จะรีบเดินไปไหน เลิกงานแล้วใครเรียกคุณขึ้นไปคุยอีกล่ะ”
“พอดีมีลูกค้าคนสำคัญของทางร้าน คุณวิษณุเลยแนะนำให้ฉันรู้จัก เขาก็เลยจะขอไปส่งฉัน”
“ห๊า!.. มาทำงานวันแรกคุณก็มีแขกจะออฟแล้วเหรอเนี่ย”
“นี่!.. อย่าพูดพล่อย ๆ นะ ฉันไม่ได้ตกลงย่ะ แล้วก็ไม่ได้ออฟอะไรทั้งนั้นแหละ เขาแค่จะขอไปส่ง แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว” หญิงสาวแก้ตัวอย่างกับเป็นคนรักของเขา ซึ่งเธอก็เพิ่งนึกได้ว่าทำไมต้องอธิบายให้อีตานี่ฟังด้วย ไร้สาระ จึงชวนคุยเรื่องอื่นระหว่างที่เธอจะเข้าไปเปลี่ยนชุด
“อืม..แล้วนายมาเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่ด้วยเหรอ” มินตราถามขึ้นเพราะเห็นเขาใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟของทางร้าน แต่ช่วงที่เธอร้องเพลงก็ไม่เห็นนายวิชญ์จะมาเดินเสิร์ฟแต่อย่างใด
“ครับ ผมก็เพิ่งมาทำงานวันแรกเหมือนคุณแหละ ทำไปด้วย เรียนไปด้วย จะได้ไม่ต้องพึ่งพาทางบ้านสักเท่าไหร่”
“อืมก็ดีแล้ว ฉันไปก่อนนะ