สายตาที่แม่ใหญ่ส่งมาดูอบอุ่นเพราะเธอถูกชะตาเด็กสาวตรงหน้า อย่างไรก็ตามน้ำค้างที่บริสุทธิ์ แม้จะแปดเปื้อนไปด้วยคราบคาวโลกีย์ แต่ก็ยังส่องสว่างให้เห็นเนื้อแท้...
แม้แม่ใหญ่จะแสดงออกให้เห็นถึงความกร้านโลกโดยสันดาน แต่เธอกลับยังมีหัวใจที่บริสุทธิ์ของการเป็นผู้ให้
‘บางทีเธออาจจะช่วยเหลือให้เขาหลุดพ้นจากหลุมดำมืดที่ไม่เคยมีใครทำได้’
แม่ใหญ่คิด จนเสียงของหญิงสาวปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์
“ขอบคุณแม่ใหญ่ที่ช่วยเหลือหนู... วันนี้หนูขอกลับก่อนนะคะ พอดีหนูรับงานพาร์ตไทม์ไว้”
“ดูแลตัวเองดีๆ เพราะร่างกายที่สวยงามของเธอยังต้องใช้หาเงิน”
“ค่ะ” เธอยกมือไหว้แม่ใหญ่ ก่อนจะเปิดประตูบานเล็กออกไป
จากหญิงสาวในชุดเดรสหรูราคาแพง กลับกลายสาวน้อยวัยรุ่น เป็นน้ำค้างคนเดิมที่แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ และใบหน้าขาวใสไร้การแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
แตกต่างจาก ‘วารี’ คนเมื่อคืน...
ตอนนี้เธอออกมายืนรอรถเมล์เพื่อที่จะกลับห้องพักที่เธอเช่าไว้ตั้งแต่เรียนหนังสือ
งานพาร์ตไทม์ที่เธอบอกแม่ใหญ่ ก็คือรับทำรายงานให้นักศึกษา รับแปลเอกสาร ซึ่งเป็นงานที่เธอถนัด ค่าตอบแทนก็ทำให้เธอมีเงินจ่ายค่าห้อง เพราะเธอทำมาหลายปี เพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยจึงบอกปากต่อปาก กลายเป็นงานล้นมือจนบางคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เธอแวะซื้ออาหารหน้าปากซอยติดมือมาด้วย กะเผื่อไปถึงตอนเย็นเลย จะได้ไม่ต้องออกมาอีกรอบ รชนิชลเดินมาจนถึงอพาร์ตเมนต์ของเธอ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสามที่ตัวเองพัก ซึ่งเธอพักที่นี่มาสี่ปีได้แล้ว
เสียงประตูเปิดปิดของห้องอื่น บอกให้รู้ว่าได้เวลาของคนทำงาน ที่จะออกจากห้องเพื่อไปทำงานตามหน้าที่ของตน
รชนิชลใช้กุญแจไขประตูเดินเข้าห้อง และไม่ลืมที่จะกดล็อกห้องเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ห้องนี้มีขนาดเล็ก แต่ก็มีห้องน้ำในตัว ตัวห้องเปิดโล่ง มีเพียงเตียงนอน กับโต๊ะญี่ปุ่น และครัวเล็กๆ ไว้ทำอาหารง่ายๆเท่านั้น
แต่เธอไม่ค่อยได้มีเวลาทำอาหารนักหรอก ด้วยหน้าที่การงานทั้งพาร์ตไทม์ และการเป็นผู้หญิงอย่างว่า เวลาส่วนตัวก็แทบจะไม่มี เพราะอย่างนั้นการหาซื้อของจึงกินสะดวกกว่าสำหรับเธอ รชนิชลเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร หลังจากจัดการกับอาหารมื้อเช้าเสร็จแล้ว เธอก็เปลี่ยนชุดและนั่งลงทำงาน
……
ณ โรงแรมภูวดลพิลลาร์ แกรนด์สวีต
“คุณเพชรมีประชุมตอนบ่ายสามนะครับ” ประจักษ์เดินเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่ม
“อืม”
“แล้วจะรับอาหารเที่ยงที่ไหนดีครับ”
“สั่งขึ้นมาบนนี้เลย ฉันขี้เกียจออกไปข้างนอก”
ชรัน หรือ เพชร ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยตอบเลขาอย่างไร้อารมณ์ แม้ภายนอกเขาจะดูคร่ำเคร่งไปกับการตรวจและเซ็นเอกสาร แต่ ใจก็พาลคิดไปถึงเด็กสาวที่เขาพึ่งเสพสมเมื่อคืน คิดถึงเนื้อนวลนุ่มนิ่มที่แดงก่ำไปทั่วทุกทีที่ริมฝีปากและมือของเขาพาดผ่าน ความทรงจำดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแข็งขึงตรงกลางกาย จนถึงกับต้องวางปากกาลง
ทว่าเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ทำให้เขาได้สติ ก่อนหญิงสาวร่างสูงโปร่งหน้าตาดีคนหนึ่งจะเดินเข้ามา เธอส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้เขา แบบที่ทำเป็นประจำตั้งแต่แต่งงานกันมา
“คุณเพชรคะ ได้เวลาทานอาหารแล้วนะคะ วันนี้ดาเลิกซ้อมเร็วค่ะ เลยว่าจะมาทานข้าวเป็นเพื่อนคุณ”
ดารินทร์ เอ่ยออกไปด้วยเสียงเบาหวิวคล้ายเสียงกระซิบ
หญิงสาวตรงหน้าคือภรรยาผู้สวมแหวนแต่งงานวงนั้นให้แก่เขา หญิงสาวผู้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
“ครับ”
ชรันเสมองเอกสารตรงหน้า ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมานั่งทำงานต่อ
“เดี๋ยวดาไปจัดสำรับรอนะคะ” เธอยิ้มพลางบอกเขาพร้อมหันหลังเดินไปยังโซนห้องอาหาร
“ขอบคุณครับดา”
เขาตอบรับด้วยเสียงนุ่มทุ้ม พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเธอไปเพราะไม่อยากให้เธอใช้เสียงมากจนเกินความจำเป็น
ทั้งสองนั่งทานอาหารกันเงียบๆ จนกระทั่งอิ่ม ชรันจึงบอกให้ภรรยาคนสวยของเขากลับคอนโดไปก่อนเพื่อพักผ่อน เพราะเขามีประชุมงานตอนบ่ายสามตามตารางงานที่ลูกน้องคนสนิทแจ้งไว้
“คุณกลับคอนโดก่อนเลยนะครับ ผมมีประชุมต่อ”
“ค่ะ”
และเมื่อลับหลังดารินทร์ ชรันก็เอาแต่คิดถึงเด็กสาวคนนั้นจนเขาไม่เป็นอันทำงาน กลิ่นกายหอมกรุ่นยังซาบซ่าน ทุกสัมผัสยังคงตราตรึงในความรู้สึกจนยากจะลืมเลือน