โดยไม่ทันระวังเธอได้ชนเข้ากับใครบางคนพอดิบพอดี เธอเซเล็กน้อยเนื่องจากเธอสวมส้นสูงเอาไว้ แต่แขนของคนตรงหน้าก็สอดรั้งเอวบางของเธอให้กลับมาตั้งตรงโดยไม่ล้มไปเสียก่อน
“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มห้าวเอ่ย และถ้าเฌอริมาจะใส่ใจสักนิดเงยหน้าขึ้นมามองเธอจะเห็นแววตามันวาวพร้อมรอยยิ้มยกสูงอย่างชายมีเล่ห์เหลี่ยมจับจ้องดวงตากลมโตของเฌอริมาอย่างมีนัยบางอย่าง
“ไม่เป็นไรค่ะ” เฌอริมาที่กำลังสนใจเรื่องเป้าหมายไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใด และเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงหัวโบราณที่ใครจะมาแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ตั้งใจไม่ได้เสียด้วย เธอจึงเบี่ยงตัวหลบแล้วเข้าไปในห้องน้ำทันที
“บ้าจริง” เฌอริมาบ่นเล็กน้อยเพร้อมกับสำรวจดูว่าชุดของเธอเสียหายหรือยับมากแค่ไหน ก่อนจะหันมามองกระจกแล้วค่อย ๆ เติมสีแดงลงบนริมฝีปากอย่างประณีต
ระหว่างที่กำลังสำรวจหน้าตาผ่านกระจกเงาพลันสงสัยเกิดความสงสัยในใจ
“เมื่อกี้ไม่มีคนนี่นา แล้วผู้ชายคนนั้นโผล่มาจากไหนนะ”
แต่ความสงสัยไม่ได้ทำให้เธอต้องเสียเวลามาก เพราะอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการพิชิตใจชายหนุ่มที่รอเธออยู่ด้านนอก เฌอริมายิ้มให้ตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะเก็บลิปสติกลงในกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องน้ำด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ สายตาของหญิงสาวมุ่งตรงไปที่ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ แววตามุ่งมั่นอยากเอาชนะยังปรากฏในแววตาไม่จางหาย เมื่อเธอก้าวไปถึงล็อบบี้ที่บริณัยนั่งอยู่เธอก็ส่งเสียงเรียกให้เขามองมาทางเธอ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เรากลับเลยกันดีมั้ยคะ” เธอยิ้ม
“อ้อครับ ดีเลย เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”
บริณัยยิ้มแล้วลุกขึ้นจากโซฟา เฌอริมารีบสอดแขนไปในวงแขนของชายหนุ่มพลางยิ้มให้เขา บริณัยแม้จะรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทั้งสองเดินออกจากล็อบบี้ไปที่หน้าโรงแรมซึ่งรถของบริณัยได้ถูกนำมาจอดรอไว้เรีบบร้อยแล้ว การมาพบกันของทั้งสองคนไม่ได้มีเพียงแค่ครอบครัวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แต่กลับมีสายตาของใครบางคนที่จ้องมองทั้งสองด้วยความสนใจใคร่รู้อยู่ในมุมที่ไม่มีใครเห็น