บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหาร
ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้นมีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาว เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้ว
เมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมือง
เสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผงต้องอ้อนต้องชมมากๆ รู้หรือไม่”
“เข้าใจแล้วขอรับ” เปาเปาน้อยที่โดนสั่งให้ท่องประโยคต่างๆ สำหรับชมลูกค้าก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย แต่ก็ยอมทำตามโดยดี เพราะอะไรที่พี่สาวผู้นี้ว่าดีเขาเองก็คิดว่าดีเช่นกัน
“ดีมากๆ หอมฟุ้งจริงๆ ไปกันเถิด” เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว เสิ่นลี่อิงก็เทนมออกมา 2 แก้ว ให้ตัวนางและเปาเปาดื่มรองท้องก่อน ส่วนอาหารเช้าที่แท้จริงของวันนี้ต้องรอก่อน เสิ่นลี่อิงรีบพาเปาหลงไปขึ้นเกวียนลุงไฉ่โดยผูกรถเข็นขายของตามไปด้วย หากให้นางเข็นเดินเข้าเมืองไปก็ทำได้ แต่นางขี้เกียจเหลือเกิน อะไรที่ทุ่นแรงได้เสิ่นลี่อิงก็ขอเลือกทางนั้นเสียดีกว่า
“นี่เจ้าค่ะ ค่าลาก 5 อีแปะ ค่านั่ง 2 อีแปะ ส่วนนี่ค่าขนน้ำแกง”
“ครบๆ เจ้าขึ้นไปรอเลย อีก 2 คน เกวียนก็เต็มพอดี”
.
.
.
เพียงชั่วครู่เดียวนางกับเปาหลงก็กำลังมาเดินหาว่าจะจอดรถเข็นขายของกันที่ใดดี “ทำเลดีๆ มีคนเลือกไปหมดแล้ว เช่นนั้นเราหาที่ร่มๆ ก็แล้วกัน”
“ใต้ไม้ใหญ่ข้างร้านกระดาษรอรับ”
“อืมเก่งมากๆ ใต้ต้นไม้เป็นที่ร่ม”
“ข้างร้านกระดาษและตำรานี้มีแผงขายของกินไม่มากนัก มักเป็นอาหารที่เหล่าบัณทิตชอบทาน ซึ่งนั้นก็ดีสำหรับนางเพราะแป้งทอดเคลือบหวานนี้ หากกินคู่กับน้ำชาที่ออกรสขมย่อมเข้ากันอย่างลึกล้ำ
นางตั้งกระทะก้นลึกขึ้นมาบนเตาแรก วางตะแกรงสะเด็ดน้ำมันไว้เรียบร้อย นางเลือกที่จะทอดแป้งกอดเพราะกลิ่นนมเนยน้ำตาลที่อบอวลจะกระตุ้นความอยากอาหารของคนได้ดีที่สุด ซึ่งนั่นก็ได้ผลเกินคาด เริ่มมีผู้มาเมียงมองอาหารที่แผงของนางแล้ว ยิ่งตอนที่นางคีบแป้งทอดจุ่มน้ำราดหวาน ที่ทำจากน้ำตาลไอซิ่งและนมแล้วผู้คนก็ยิ่งตั้งใจมอง
“นั่นสิ่งใดหรือแม่นาง หอมประหลาดจนทำให้ท้องหิวเสียแล้ว” แป้งทอดเนื้อฟูเคลือบกับน้ำสีขาวนวลตรึงสายตาให้คุณหนูที่แวะมาซื้อกระดาษวาดภาพต้องเอ่ยถาม
“นี่คือแป้งทอดเคลือบหวานเจ้าค่ะ สีขาวที่เห็นนี้คือน้ำตาลราดสูตรเฉพาะของข้า แป้งนุ่มฟูเคี้ยวง่าย ทานคู่กับน้ำชาเข้ากันนัก ข้าจะตัดแบ่งให้ทุกท่านชิม ชิ้นละ 3 อีแปะ 3 ชิ้น 7 อีแปะเท่านั้นเจ้าค่ะ” เสิ่นลี่อิงหั่นออกเป็นชิ้นพอดีคำแบ่งให้ผู้ที่มาออหน้าร้าน
“อร่อยหอมมันเหลือเกิน รสชาติดีนัก ไม่หวานเลี่ยนทั้งที่เคลือบน้ำตาล”
“รับไปสักชุดสองชุดไหมเจ้าคะ รับรองใครๆ ก็ติดใจ”
“พี่สาวคนสวย ยังสามารถนำไป อะ..อวดอ้างว่าได้กินก่อนใครด้วย” เปาเปาเริ่มพูดหนึ่งในประโยคที่ท่อนจำมาทันที ตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่เมื่อมีเด็กมาชมซึ่งหน้าเช่นนี้ใครก็ต้องใจอ่อนซื้อมา ร้านนางเป็นร้านเปิดใหม่ก็ต้องหาวิธีเรียกลูกค้าให้หลากหลายไว้
“ข้าเอา 3 ชุดเลยแม่นาง”
“ข้าเอาสัก 2 ก็พอ”
เสียงสั่งแป้งทอดเคลือบหวานดังอย่างต่อเนื่องจนมีคนเริ่มมาต่อแถวบ้างแล้ว ระหว่างที่กำลังรอแป้งชุดใหม่พร้อม นางก็เริ่มทำอาหารอีกชนิดทันที เสิ่นลี่อิงนำกระทะใบเล็กขึ้นมาตั้ง
“เปาเปาเจ้าเอาไข่กี่ฟอง”
“2 ขอรับ”
นี่ก็เป็นอีกแผนการณ์หนึ่งของนางเช่นกัน เมื่อมีลูกค้ามารอมากหน่อยก็ทำไข่กระทะให้เห็นเสียเลย และเปาเปาก็เป็นเด็กที่กินอะไรก็ดูน่าอร่อย การใช้เขาเป็นตัวแสดงหลักอาจสามารถเปิดใจลูกค้าให้ลองทานอาหารจากแผงนี้ได้มากกว่า
ลี่อิงหยิบไข่ขึ้นมา 2 ฟอง ตามด้วยเครื่องเคียงอยากหมูสับที่รวนกับเครื่องปรุงรสจนสุกดี ไก่ฉีกที่ปรุงให้ออกหวานแทนกุนเชียง แครอท ต้นหอมซอย และข้าวสวย เดิมทีไข่กระทะไม่จำเป็นต้องใส่ข้าวแต่นางอย่างให้ดูมีปริมาณมากหน่อยจะได้รู้สึกคุ้มค่า
เมื่อลงน้ำมันในกระทะใบเล็กแล้วก็ตักข้าวใส่และกดให้แบนทั่วกระทะใบเล็กๆ นั้น ตามด้วยไข่ไก่ 2 ฟอง และตามด้วยเครื่องเคียงอย่างละนิดหน่อย “เจ้าจะให้ข้าใช้น้ำราดใดดี มะเขือเทศ พริก หรือซีอิ้ว”
“มะเขือเทศขอรับ”
นางพยักหน้ารับนำฝามาปิดเตาให้ไข่สุกและเตรียมเครื่องราดทั้ง 3 ขึ้นมา
“แม่นางนั่นกำลังทำสิ่งใดเล่า สีสันน่าทานไม่น้อย ขายหรือไม่”
“ขายแน่นอนเจ้าค่ะ เรียกว่าไข่กระทะ ใช้ไข่เต็มฟองมีข้าวด้านล่าง โรยหมูเค็มและไก่หวานเจ้าค่ะ”
สิ้นคำพูดขายของ นางก็เปิดฝาขึ้นเผยให้เห็นไข่สีสันน่าทาน ยิ่งราดซอสมะเขือเทศเข้มข้นลงไป สีสันสดใสและกลิ่นอบอวลก็ยิ่งทำให้อาหารนี้น่าดึงดูด เสิ่นลี่อิงเอาขึ้นใส่จานให้เปาเปาที่รับไปทานอย่างรวดเร็ว แก้มแดงๆ ของเปาหลงขยับตามการเคี้ยว เรียกให้หลายคนน้ำลายสอจากที่คิดว่าจะซื้อกลับแค่แป้งทอดเคลือบหวานก็คงต้องซื้อไข่กระทะนี้ด้วยแล้ว
“ไข่ 1 ฟอง 7 อีแปะ 2 ฟอง 12 อีแปะเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่าราคาไม่ได้สูงจนเกินไป ผู้คนที่ต่อแถวกันอยู่ก็รับไปทั้ง 2 อย่าง
“ข้าเอาไข่ 1 ฟอง”
“โถ่พี่ชาย ชายชาตรีเช่นท่าน 1 ฟองไม่เพียงพอเลี้ยงดูมัดกล้ามหรอก” เปาหลงไม่พูดเปล่ายืนบนเก้าอี้แล้วจับเข้าที่ท่อนแขนลูกค้า พึมพำว่า ‘แข็งแรงๆ’ จนชายผู้นั้นต้องเปลี่ยนใจมาซื้อแบบ 2 ฟอง และคงเพราะอาหารที่แปลกใหม่กับเด็กน้อยที่ยืนบนเก้าอี้ร้องเรียกลูกค้านี้ ก็ทำให้แป้งทอดเคลือบหวาน 200 ชุด และไข่กระทะอีก 116 ฟองก็หมดลงไปตั้งแต่ช่วงต้นยามซื่อ
“แม่นางแป้งทอด และไข่กระทะหมดแล้วหรือ” ขนาดว่านางกำลังเก็บของอยู่ก็มีผู้มาของซื้อ แต่น่าเสียดายนัก นางเตรียมมาเพียงเท่านี้จริงๆ
“ใช่แล้ว ข้าเตรียมของมามากมายแต่ก็มิพอขาย ท่านมาใหม่พรุ่งนี้เถิด ข้ามาขายเหมือนเดิมเจ้าค่ะ”
“ได้ๆ ข้าจะมารอตั้งแต่ยามเหม่าเลย คุณหนูจวนท่านนายอำเภอได้ยินข่าวลือว่าอร่อยนัก อย่างไรก็ต้องซื้อไปให้ได้”
“หากมายามเหม่าอย่างไรก็ทัน ไม่ต้องห่วง” เป็นเพราะนางมาขายที่ข้างร้านกระดาษข่าวลือเรื่องอาหารอันแปลกตานี้จึงแพร่ไปสู่เหล่าชนชั้นสูงในเมืองเจียวลู่อย่างรวดเร็ว เห็นทีพรุ่งนี้ต้องมีบ่าวไพร่ถูกส่วนมาต่อแถวแทนเจ้านายกันแน่นอน
เมื่อเก็บของกันเสร็จนางก็พาเปาหลงไปหาซื้อกระดาษเพื่อฝึกคัดลายมือต่อทันที ไหนๆ นางก็ผ่านมาแล้ว จึงพาเขามาเลือกกระดาษและตำรา “หลงจู๊แนะนำแบบตำราอักษรให้น้องชายท่านนี้ที”
“อ้าวแม่นางที่มาขายของจนแถวยาวไปจนร้านอาภรณ์นั้นเอง”
“เจ้าค่ะ ได้ผ่านมาพอดี จึงอยากซื้อกระดาษและตำราให้เปาเปาไปฝึกฝนเสียหน่อย”
“ได้เลยแม่นาง เปาเปาเจ้าเขียนได้กี่ตัวแล้วหรือ” หลงจู๊ร้านกระดาษย่อลงไปพูดคุยกับเปาหลงเพื่อที่จะได้จัดแบบฝึกเขียนและตำราหัดอ่านให้เหมาะสม
“จำได้ 30 ตัวแล้วขอรับ”
“อืม เก่งจริงๆ ข้าจัดหาให้เอง”
ในเวลาไล่เลี่ยกับที่หลงจู๊หันกลับไปจัดสินค้าให้แก่นางและเปาหลง ก็มีเสียงกรีดร้องเรียกให้ช่วยดังขึ้นที่หน้าร้าน “กริ๊ดดดด ช่วยด้วย ช่วยคุณหนูด้วย กริ๊ดดดดด”
_______
ยามอิ๋น หมายถึงช่วงเวลา 03:00 - 04:59 น.
ยามเหม่า หมายถึงช่วงเวลา 05:00 - 06:59 น.
ยามซื่อ หมายถึงช่วงเวลา 10:00 - 11:59 น.