7-2 *******ตรีเนตร

1742 คำ
อาเป้ยผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของนางโดยไม่มองภาพสะท้อนจากกระจกบานสูงใหญ่ ในห้องพักกว้างขวางสะดวกสบายของเรือนใต้เท้าจีกง นางปิดตาลง สะบัดมือนึกคิดฉับไวเพื่อเปลี่ยนมัน นางเพิ่งได้รับชุดใหม่เป็นอาภรณ์สีดำ กระโปรงสีโลหิตไล่สีขึ้นจากสีเข้มเป็นสีอ่อนลงคล้ายระลอกคลื่น เนื้อผ้าบนอกของนางปักด้วยดิ้นทองอร่ามลวดลายอสรพิษสีดำ ทว่ามีเท้าอันสง่างามทั้งสี่ข้างเช่นเผ่ามังกรบนเทวโลกชั้นฟ้า เมื่อตรึกตรองดูให้ดี นางไม่สามารถโกรธเคืองเทพอู่เฉินอีกต่อไปในเรื่องของตรีเนตร ในเมื่อเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนเรื่องที่ท่านชอบตีตราเป็นเจ้าของนางด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์งดงามเช่นนี้เสมอ จนนางเกิดคำถามว่าท่านหวงแหนนางด้วยเหตุอันใด หากว่านางเป็นเพียงสมบัติในเรือนจริง ๆ นางก็ได้แต่ครุ่นคิดไม่ตกต่อไป นางรวบรวมความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับกระจกอีกครั้งหนึ่ง เหลือบตาขึ้นมองตรีเนตร ปรากฏเป็นตราสีแดงธรรมดา ไม่ใช่ดวงตาสีแดงก่ำเช่นเมื่อวานก็ค่อยโล่งใจ บ่าวสตรีในเรือนของใต้เท้าจีกงเข้ามาช่วยจัดแจงเชือกคาดเอวให้นาง ปักปิ่นที่มีไข่มุกสีดำสนิทจากทะเลลึกปักษา ทั้งสองดูกระตือรือร้น เพียงเทพฟางเหนียงวานขอให้พวกนางมาช่วยเหลือเรื่องการแต่งตัวในวันนี้ “ข้าได้ยินว่าคุณหนูเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของเทพอู่เฉิน ปีนี้ท่านอายุห้าพันกว่าปีแล้ว มีข่าวดีเมื่อใดอย่าลืมพวกข้านะคุณหนู” “ในเทวโลกต่างลือกันว่ามีคุณหนูเป็นฟูเหรินคนแรก” “เจ้าทั้งสองกำลังเข้าใจผิด ข้าไม่ใช่คุณหนู ไม่ใช่ฟูเหรินของเทพอู่เฉิน ข้าเป็นเพียงสิ่งของในเรือนท่าน เจ้าเรียกชื่อของข้าเถิด” อาเป้ยพูดจากับบ่าวสตรีอย่างเป็นกันเอง ทั้งสองช่วยกันรวบผมของนางให้เรียบไว้ด้านหลัง เป็นพุ่มดอกไม้คอยปักทับด้วยปิ่น แบ่งปอยผมสีดำขลับทั้งสองฝั่งวางพักบนบ่า ผมดำขลับของนางนุ่มหอม ทิ้งตัวลงอย่างเป็นธรรมชาติ เปิดเผยแก้มนวลเนียนและลำคอเพรียวระหง “เทพอู่เฉินมิใช่เทพพูดจาไพเราะนัก ท่านไม่ใคร่ใส่ใจผู้ใด แต่ท่านแสนเอาใจใส่เจ้า อาเป้ย” บ่าวสตรีทั้งสองยอมตามใจนางอย่างว่าง่าย จะให้เรียกเพียงชื่อนางก็ยอมเรียก สตรีทางขวามือนางนำแผ่นกระดาษสีแดงสดให้นางใช้แต้มริมฝีปาก เรียวปากอิ่มงามของนางกลายเป็นสีแดงสดราวสีของโลหิต นางดูสวยงามหมดจดราวกับนางสนมใหญ่ในวังหลวง “ข้าเห็นด้วยกับซูลี่ เทพอู่เฉินนำของสวย ๆ งาม ๆ มาให้เจ้าตั้งหลายอย่าง เจ้าจะเดินไปทางใด ข้าเห็นว่าท่านเอาแต่จ้องมองเจ้า อาเป้ย” “แค่ของสวยงามไม่สามารถซื้อใจข้าได้ ข้ามิใช่คนเห็นแก่ทรัพย์สมบัติ” นางเห็นด้วยกับบ่าวสตรีแค่บางข้อเท่านั้น แต่ไม่อยากให้เสียน้ำใจในคำเยินยอ นางยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูสตรีทั้งสอง “ขอบใจมาก ข้าไปก่อนล่ะ ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้า ซูฮวา ***ซูลี่ **” ในน้ำเสียงอ่อนโยนของนาง อาเป้ยหวังว่าจะได้มีมิตรสตรีในเทวโลกหากว่านางมีโอกาส และนางว่านางได้พบแล้ว นางเดินออกไปอย่างระวังทุกย่างก้าว จนมาถึงห้องโถงกว้างขวางของเรือนใต้เท้าจีกง เทพอู่เฉินเห็นเหล่าเทพเฝ้ามองสตรีนางหนึ่งในทุกอากัปกิริยา แต่หัวจรดเท้าของสตรีร่างอ้อนแอ้นอรชรในอาภรณ์งามสง่าสมคุณค่าราคาได้รับการเนรมิตจากมารดาแห่งสายน้ำ ใบหน้าสวยหวานหมดจดไร้ที่ติของนางราวสตรีในภาพวาด ริมฝีปากเคลือบสีแดงของนางอวบอิ่มชุ่มชื้น งดงามเสียยิ่งกว่าธิดาบนสวรรค์ชั้นฟ้าซึ่งเทพอู่เฉินเคยพบพานมาก็มาก อาจถึงขั้นว่าสามารถหยุดห้วงลมหายใจของบุรุษเพศในแต่ละย่างก้าวของนาง นางสะบัดชายกระโปรงลายอสรพิษสีดำสลับแดง เยื้องย่างเข้ามาในพื้นที่รับรองแขกโล่งกว้าง ท่ามกลางบ่อบัวอันงดงามและพรรณพฤกษา นางส่ายหน้ามองไปรอบ ๆ โต๊ะจิบชาลักษณะเหมือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของขุนนางในพระราชวังหลวง ซึ่งเหล่าผู้สูงศักดิ์มากหน้าหลายตาจะมารวมตัวกัน ใคร ๆ ต่างก็เอาแต่จ้องมองนาง ไม่เว้นแม้กระทั่งมารดาแห่งสายน้ำ ที่นั่งอยู่ข้างกันกับเจ้าของเรือนเทพ จะอย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้เป็นแดนเทพ เหล่าเทพคิดเพียงเรื่องดีงามเท่านั้น เทพอู่เฉินคงภาคภูมิใจเสียมากกว่าไม่พึงพอใจสายตาชื่นชมหลายคู่ เมื่อได้เป็นผู้ครอบครองสมบัติรังรองประณีตถึงเพียงนี้ ตรีเนตรบนหน้าผากนางยังบ่งบอกว่าทั้งหมดนั้นเป็นของเทพปีศาจเพียงผู้เดียว เมื่อนางหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะไม้สีแดงสลักมุก นางฟางเหนียงชื่นชมความงามของอาเป้ยเป็นอย่างมาก ในขณะที่เทพเฟยหลิงคงต้องบอกลานาง “หวังว่าข้าจะได้ประลองฝีมือหมากเซี่ยงฉีกับเจ้าอีก ขอให้เจ้าโชคดี อาเป้ย” “ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งหากเทพอู่เฉินให้คำอนุญาตข้าในวันหน้า วันนี้ข้าลา ใต้เท้าจีกง เทพเฟยหลิง เทพฟางหรง เทพฟางเหนียง ข้าเป็นหนี้บุญคุณพวกท่านอย่างมิอาจทดแทนได้เลย” อาเป้ยยกมือคารวะเหล่าเทพ ก้มศีรษะลงขอบคุณพวกเขาอีกครั้ง เมื่อนางรอดชีวิตมาได้เพราะดอกบัวสีทองด้วยส่วนหนึ่งประกอบกับกับยาสมุนไพร เทพอู่เฉินลุกขึ้นคารวะเป็นการล่ำลา เดินนำนางไปด้านหน้าเรือนอันงดงาม จำแลงกายเป็นอสรพิษกายาใหญ่โอฬาร หยิบคว้าสมบัติของเขาเอาไว้ในอุ้งมือมังกร ทะยานขึ้นท้องนภากว้าง อาเป้ยคิดว่าเทพอู่เฉินคงไม่พึงพอใจนาง ไม่ว่านางจะทำอะไร ท่านมักคอยขัดไปเสียทุกอย่างเหมือนเกลียดขี้หน้านางนัก ทว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ นางได้รับอนุญาตให้นำพยัคฆ์อัคคีกลับมาด้วย เมื่อการไม่พูดจาของเขาถือว่าเป็นคำตกลงว่าได้ของนาง อสรพิษสีดำกลับร่างเป็นบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีดำเช่นเดิม นางได้รับอิสรภาพจากอุ้งมือของเทพปีศาจ จึงวางเจ้าตัวเล็กลงบนพื้นหญ้า ปล่อยให้มันวิ่งไปตามทางของมัน “ข้าว่าห้องใต้ดินของเจ้าช่างปลอดภัย เงียบสงบที่สุดในเรือนของข้า อากาศอบอุ่นในฤดูเหมันต์ แต่หากว่าเจ้าอยากย้ายห้องไปอยู่ห้องที่ใหญ่กว่านี้ ข้าจะจัดการให้เจ้า” น้ำใจกว้างขวางดั่งมหาสมุทรของเทพอู่เฉินทำให้นางแปลกใจ นางมิได้ล่วงรู้เลยว่าเทพอู่เฉินกำลังนึกถึงคราวจำศีลในห้องนอนคับแคบของนาง “ตอนข้าจำศีล หาได้มีผู้ใดพบข้าหรือเอะใจแม้สักเล็กน้อย ไม่แม้แต่จะมองกำแพงที่เจ้าร่ายเวทกำบังเอาไว้ ข้าว่ามันมีประโยชน์กว่าที่ข้าคิด ข้าไม่ได้ใส่ใจห้องใต้ดินนี้มาก่อน” “เป็นจริงดังท่านว่า ต่อให้มีศัตรู ก็ยากจะหาห้องใต้ดินนั้นพบ ห้องพักของข้าตอนนี้ยังสะดวกสบายกว่ากระท่อมที่ข้าเคยอยู่ ข้าไม่ต้องทนซุกตัวนอนเหน็บหนาวหน้าเตาผิง ข้าได้รับทุกสิ่งจากท่านมากมายเสียจนข้ารู้สึกเกรงใจ” “เจ้าเป็นสมบัติอันงดงามในเรือนข้า ย่อมต้องดูแลเจ้า...” เทพอู่เฉินกำลังพึงพอใจนาง เขาไม่สามารถละวางตาไปจากใบหน้าจิ้มลิ้มของนาง และที่รีบเหาะกลับเรือนมาก็หวังจะชื่นชมความงามอันไร้ที่ติ แม้เพียงมองก็ชุ่มชื้นหัวใจประหลาด “เจ้าช่างงดงามนักเอาเป้ย เจ้ามีจิตใจกล้าหาญ รู้จักเมตตาต่อผู้อื่นอย่างที่เทพเฟยหลิงเยินยอ เจ้าทำให้ข้าผู้มีจิตและกายครึ่งหนึ่งเป็นปีศาจเกิดหวงของของข้าขึ้นมา” “ข้าทราบดี เมื่อใดที่ข้าหมดประโยชน์ รึท่านเบื่อสมบัติชิ้นนี้ ขอให้สังหารข้าเสีย” “ข้าว่าเจ้าคงดิ้นรนขัดขืน คว้ากระบี่ของเจ้าขึ้นต่อสู้ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ใช่เซียนผู้จะยอมตายอย่างง่ายดายนักอาเป้ย” “หาได้เป็นเช่นนั้นไม่เทพอู่เฉิน ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ข้าถือว่าท่านไม่ได้ตั้งใจ แต่หากมีคราที่สาม ท่านสังหารข้าได้ ข้าจะไม่ดิ้นรนขัดขืน ชะตาชีวิตข้าคงมาได้เท่านี้ ข้าถือว่าข้าชดใช้กรรมของข้าจนหมดสิ้น ร่างกายของข้าเพียงสิ้นสลายไป” อาเป้ยหมายความเช่นนั้น ถึงเทวโลกจะน่าอัศจรรย์ใจสักเท่าไร นางมองไปรอบ ๆ เรือนไม้ของเทพอู่เฉิน ล้อมรอบด้วยท้องนทีสีมรกต บุปผาโปรยปรายทั้งสีขาวชมพูสลับไปกับสีแดง เวหาเยียบเย็นในอุณหภูมิพอเหมาะ ท้องนภาสีครามกว้างขวางปลอดโปร่ง ให้ความรู้สึกโล่งใจยามเงยหน้าขึ้นมองมัน คำพูดของนางไม่เข้าหูเทพอู่เฉินนัก แม้ว่านางเพียงพูดความจริงจากใจของนาง “ข้าเคยมีชีวิตอยู่เพื่อท่านแม่ ยามที่ข้าได้พบท่านแม่บ้างนาน ๆ ครั้งข้าแสนมีความสุข เห็นว่าตอนนี้ข้าไม่มีจุดประสงค์ของการมีลมหายใจ หากอาจารย์ไม่ให้ความช่วยเหลือข้า ขอให้ข้าอยู่ต่อไป ข้าปรารถนาจะหลับใหลไปตลอดกาล” “น่าเสียดาย เจ้าจะไม่สมปรารถนาอาเป้ย ตราบใดที่ข้ายังไม่เบื่อหน่ายในตัวเจ้า” เทพผู้ไม่สนใจไยดีนางแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นคนละคน! อาเป้ยไม่คิดว่าเทพอู่เฉินดันเกิดความเสน่หาในตัวนางขึ้นมา หลังผ่านเหตุการณ์หลายอย่างมาด้วยกัน และนางนี่แหละที่จะมีปัญหา นางจึงมองใบหน้าของบุรุษเทพปีศาจรูปงามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “เอาล่ะ ข้าจะไปจัดการงานของข้าเสียหน่อย ค่อยมาเชยชมสมบัติของข้า...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม