พอเธอทำเสร็จจึงเดินออกมาข้างนอกก็เห็นว่าเพื่อนๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานก่อนกลับบ้าน หลายคนกำลังซื้อขนมมานั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พลับพลึงกลืนน้ำลายด้วยความหิว เธอไม่กล้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ต้องเก็บเงินเอาไว้เผื่อมีเหตุจำเป็นเลยคิดว่าจะไปนั่งทำการบ้านที่ ม้านั่งใกล้สระเลี้ยงปลา
“ยายพลับพลึงมีพ่อขี้เมา กระจอกแบบนี้ยังจะมาเรียนอีก อยากกินขนมก็ไม่มีเงินซื้อ คลานมากราบฉันสิจะให้กิน” ปภาพูดขึ้นอย่างเหยียดๆ พลับพลึงเดินหนีไม่อยากมีเรื่องด้วย
“นางพลับพลึง ฉันพูดกับแกอยู่นะ” ปภาปาขนมใส่หัวของพลับพลึงเพื่อหาเรื่องอีกฝ่ายเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่กล้าตอบโต้
“ทำอะไรน่ะปภา ปาขนมใส่หัวเพื่อนทำไม” ครูใหญ่ถามเสียงดุ
“หนูเปล่านะคะ”
“ยังจะมาโกหกอีก ครูเห็นว่าเธอปาขนมใส่หัวพลับพลึง แถมยังล้อเลียนเพื่อนอีก” ปภาหน้าจ๋อยในทันที
“เห็นทีครูต้องทำโทษเธอแล้วล่ะปภา แกล้งเพื่อนแบบนี้มันไม่ดีรู้ไหม ให้คิดถึงใจเขาใจเราสิ ถ้าเราโดนแกล้งแบบนี้บ้างจะรู้สึกยังไง ขอโทษพลับพลึงเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษค่ะ” ปภากล่าวขอโทษ ก่อนกัดปากเบาๆ
“ปภากับทุกคนตรงนี้ที่ล้อพลับพลึงไปช่วยครูศรีสุภางค์ทำความสะอาดห้องสมุดและจัดหนังสือให้เสร็จเลย ไม่งั้นไม่ต้องกลับบ้าน” ปภาตาโตเมื่อได้ยินครูใหญ่พูดเช่นนั้น รู้สึกแค้นใจนักที่ตัวเองโดนทำโทษเพราะพลับพลึง
“เพราะนางพลับพลึงแท้ๆ เลยโดนครูใหญ่สั่งทำโทษ”
“พรุ่งนี้วันหยุดไปดักแกล้งนางพลับพลึงกันดีกว่าพวกเรา นางขอทานพ่อขี้เมานั่นชอบไปหาผักตรงชายป่าเอาไปขายที่ตลาดวันหยุดเพราะไม่มีจะกิน” ปภาพูดขึ้น เพื่อนในก๊วนเดียวกันยิ้มรับทันที
รุ่งขึ้นพลับพลึงออกไปเก็บผักกูดและหน่อไม้ตรงชายป่าแถวๆ คลองเพราะตรงนี้ผักขึ้นเยอะมาก เธอจะเอาไปขายตอนหัวรุ่งของอีกวัน พลับพลึงวางรองเท้าเอาไว้บนเนินทรายก่อนจะเดินลงไปในคลอง นอกจากมาหาผักแล้วเธอยังจะลงไปหากุ้งตัวเล็กๆ โดยใช้กระชอนช้อนขึ้นมาใส่ถัง เพราะว่าวันนี้เธอจะทำกุ้งฝอยทอด พอขึ้นมาจากน้ำ รองเท้าแตะที่วางทิ้งเอาไว้หายไป เด็กน้อยเดินหาจนทั่วก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างเสียดาย
“หายไปไหนนะ ใครขโมย” เด็กน้อยบ่นไปตลอดทาง แต่ก็หาไม่เจอ เธอกอดเข่าอย่างสิ้นหวัง ปาดน้ำตาทิ้ง เสียดายรองเท้าคู่นั้นจับใจเพราะใส่นุ่มสบายเท้าและคงแพงน่าดู ถ้าได้เจอกับเหมราชอีกครั้งจะบอกเขาว่าอย่างไรดีนะ เขาจะหาว่าเธอไม่รู้จักรักษาของหรือเปล่า
พลับพลึงหาจนถอดใจก่อนจะเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน หนามไมยราบตำเท้าจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ พอถึงบ้านล้างเท้าก็พบว่าเท้าเล็กๆ เป็นแผลเต็มไปหมด แต่เด็กน้อยต้องเร่งมือทำงานบ้านและมัดผัก พรุ่งนี้ต้องเอาไปขายที่ตลาดตอนหัวรุ่ง
“นางพลับพลึงเอ๊ย” เสียงของป้าลำไยดังขึ้นหน้าบ้าน เด็กน้อยที่กำลังทำงานบ้านอย่างแข่งขันขานรับและเดินมาดูหน้าบ้าน
“ป้าลำไยมีอะไรจ๊ะ”
“พ่อเอ็งนะ นอนเมาเหมือนหมาอยู่ข้างถนน เอ็งไปพากลับหน่อยเถอะ เห็นแล้วสมเพชเวทนาลูกตา” คนพูดถอนใจพรืดใหญ่ มองร่างเล็กๆ มอมแมมที่กำลังทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำด้วยความสงสาร
“จ้ะป้า” แม้จะรู้สึกอับอายที่บิดาชอบไปเมานอนอยู่ข้างถนนให้หมาเลียปากหรือคนที่ขับรถผ่านไปผ่านมามองอย่างสมเพช แต่เธอก็ไม่อยากทิ้งบิดาเอาไว้แบบนั้น เด็กน้อยรีบลงจากบ้านไปหาบิดาในทันที ในบ้านของเธอไม่มีของมีค่าดังนั้นจะไปไหนมาไหนแค่งับประตูปิดเอาไว้เฉยๆ ก็พอ
“พ่อจ๊ะ พ่อกลับบ้านกันเถอะ” เด็กน้อยเข้าไปเขย่าบิดาที่นอนคลุกฝุ่นอยู่ตรงถนนในหมู่บ้าน กลิ่นเหล้าหึ่งนั้นทำให้เธอต้องเบือนหน้าหนี เสียงคนยังไม่ส่างเมาเอะอะโวยวายไม่ยอมลุก แต่พลิกตัวนอนตะแคงไปอีกด้าน เด็กน้อยเลยไปหาใบไม้มาบังแดดให้บิดา เพราะมันสาดส่องลงมากระทบกับหน้า ก่อนจะนั่งรออยู่ตรงนั้น เพราะร่างเล็กๆ ของเธอคงประคองบิดากลับบ้านไม่ไหว ลำไยเห็นแล้วสงสารปนเวทนา จึงเอ่ยปากชวนมานั่งที่ร้านขนมตรงเพิงขายของ แต่พลับพลึงเป็นห่วงบิดาเลยไม่ยอมลุกไปไหน นายพันตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็โวยวายว่าบุตรสาวไม่ยอมปลุก ให้มานอนอยู่ข้างถนนแบบนี้ ป้าลำไยที่เดินมาดูเด็กน้อยอย่างเป็นห่วงเลือดขึ้นหน้าในทันที
“ไอ้ชาติหมาเอ๊ย! ลูกมึงมานั่งเฝ้ามึง คอยเอาใบไม้มากางแดด ปัดแมลงหวี่แมลงวันให้ ยังไปว่ามันอีก จิตใจมึงทำด้วยอะไรห้ะ ลูกจะได้กินข้าวกินปลาไหมไม่เคยสนใจ ปล่อยให้ทำงานงกๆ เป็นพ่อประสาอะไร” ป้าลำไยเท้าสะเอวด่าฉอดๆๆ ด้วยความโมโห
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วยอีแก่หนังเหี่ยว พูดมากปากหมา ยุ่งเรื่องครอบครัวกูเดี๋ยวก็เตะให้คอหักเลย”
“มึงกล้าก็เข้ามาสิ กูฟันกับอีโต้ไม่ยั้งแน่” คนที่กร่างจะเข้าไปตบตีลำไยถึงกับถอยกรูดเมื่อเห็นท่าทีเอาจริงของอีกฝ่าย ลำไยยกมีดอีโต้ขึ้นทำท่าจะฟันกลับเสียให้ขาดสองท่อน
“พ่อกลับบ้านกันเถอะจ้ะ ป้าจ๋าหนูขอโทษแทนพ่อด้วยนะจ๊ะ” พลับพลึงรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ไปขอโทษมันทำไม” พันกระชากเสียงใส่บุตรสาวก่อนจะลากมือให้เดินกลับบ้าน ลำไยด่าตามหลังไปแต่วูบหนึ่งอดสงสารเด็กน้อยไม่ได้
พอรุ่งขึ้นพลับพลึงไปขายผักที่ตลาด เธอเห็นปภาใส่รองเท้าคู่สวยซึ่งมันคือรองเท้าของเธอที่หายไปก็ตาโต
“ปภานี่รองเท้าของเรา”
“นางบ้า! รองเท้าอะไรของแก ฉันใส่ก็ต้องเป็นรองเท้าของฉันสิ ขี้ตู่อยากได้รองเท้าของคนอื่น” ปภาผลักร่างของพลับพลึงจนกระเด็น
“นี่มันรองเท้าของเราชัดๆ เราจำได้”
“รองเท้าแบบนี้ใครๆ ก็ซื้อใส่ได้ แต่แกนี่แหละ มีปัญญาซื้อรองเท้าแพงขนาดนี้ใส่เหรอ ไอ้พ่อขี้เมา ไอ้พวกขอทาน”
“เราไม่ใช่ขอทานนะ” พลับพลึงตรงเข้าไปแย่งรองเท้าที่ปภาสวมอยู่ แต่โดนอีกฝ่ายเตะจนกระเด็น
“เอารองเท้าเรามานะ” พลับพลึงเกาะขาปภาแน่น
“นางเด็กสกปรก อย่างแกมีปัญญาซื้อรองเท้าดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ เจ้าข้าเอ๊ย นางพลับพลึงขี้ตู่อยากได้รองเท้าคนอื่น” ประไพเข้าข้างบุตรสาวตัวเอง จิ้มหน้าผากพลับพลึงจนหน้าหงาย
“อะไรกัน มึงทำอะไรหลานกู” ลำไยตรงเข้าปกป้องพลับพลึง แม้จะไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขกันแต่ก็รักเหมือนลูกหลานตัวเอง
“หลานมึงอยากได้รองเท้าสวยๆ ของลูกกูแต่ไม่มีปัญญาซื้อ มากอดแข้งกอดขาหน้าด้านตู่ว่าเป็นของตัวเอง” ประไพพูดฉอดๆ เท้าสะเอวทำท่าหัวหมอ
“รองเท้านั่นของพลับพลึงนะจ๊ะป้าลำไย พี่เหมซื้อให้แต่เมื่อวานพลับพลึงไปเก็บผักที่ริมคลองเลยถอดทิ้งเอาไว้แล้วมันหายไป” พลับพลึงรีบบอกลำไยปากคอสั่น
“หน้าด้าน รองเท้าของลูกกู มึงอยากได้ก็ไปบอกให้พ่อขี้เมาของมึงซื้อให้สิ”
“งั้นมึงกับลูกมึงกล้าสาบานไหม ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามึงกล้าสาบานให้ตายโหงตายห่ากูกับหลานจะยกให้ มันเป็นพวกเปรตขอส่วนบุญ อยากได้ของคนอื่น” ลำไยเท้าสะเอวท้าทายเสียงกร้าว คราแรกคนหันไปซุบซิบนินทาจนพลับพลึงรู้สึกอายที่โดนดูถูกว่าอยากได้ของคนอื่น แต่พอท้าให้สาบานสองแม่ลูกทำท่าเลิ่กลั่กหน้าซีดเผือด
“เอาสิ สาบานเลย ให้ตายห่าไปเลย ใครไม่ใช่เจ้าของแต่อยากได้ขอให้มันฉิบหายตายโหงไปเลยยิ่งดี”
“ถอดให้มันไปเถอะลูก ถือว่าทำทานให้หมาข้างถนน” ประไพบอกบุตรสาว
“แต่แม่!” ปภาไม่ยอมแต่โดนมารดาบังคับเลยต้องยอมถอด ก่อนจะโดนลากกลับบ้าน พลับพลึงดึงรองเท้าคู่นั้นมากอด ดีใจที่ได้คืน เพราะเป็นของที่เหมราชตั้งใจซื้อให้ พี่ชายใจดีที่เธอรอวันจะได้เจอเขาอีกครั้ง
“ขอบคุณป้ามากนะคะ” พลับพลึงยกมือไหว้ป้าลำไย อีกฝ่ายพยักหน้าให้บอกว่าไม่เป็นไร
“ถ้าป้าอยู่ด้วย จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเอ็งเด็ดขาด” ลำใยลูบศีรษะเด็กน้อยไปมาอย่างเอ็นดู
พลับพลึงรอการกลับมาของเหมราชวันแล้ววันเล่าแต่พี่ชายใจดีคนนั้นก็ไม่มา เธอไม่รู้จะติดต่อเขาได้อย่างไรเลยได้แต่รอ ดูเหมือนบิดาของเด็กน้อยจะสร้างเรื่องอีกเช่นเคย เพราะท่านเอาเงินทุนของบุตรสาวไปใช้จนต้องทะเลาะกับครูใหญ่