“อ่าว...คุณเลขาของคุณลลิน ทำไมพึ่งกลับล่ะ”
แต่ขณะที่จัสตินกำลังจะเดินออกจากบริษัท พลันสายตาก็ดันไปเห็นหญิงสาวที่เขาจำได้ว่าเป็นเลขาของลลินเลยเอ่ยทักขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะนี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ทำไมพึ่งจะกลับบ้าน
ส่วนเมธาวีถึงกับสะดุ้งตกใจหันมามองทันที และยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นจัสติน
“อะ...เอ่อ คะ...คือว่า ดิฉันพึ่งเคลียร์งานให้พี่ลินเสร็จเลยต้องกลับดึกนิดหน่อยค่ะ”
พอได้ฟังคำตอบจากปากเลขาของลลิน จัสตินเลยอดที่จะมองไปบนตึกไม่ได้ เมธาวีที่พอรู้ว่ารองประธานหนุ่มนึกอะไรอยู่เลยชิ่งตอบก่อน
“พี่ลินไปดูหน้างานที่ปราณบุรีค่ะ ดิฉันเลยต้องเคลียร์งานดึกหน่อย งั้นดิฉันขอตัวนะคะ”
เมธาวีเอ่ยขอตัวก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้จัสตินได้แต่ยืนอยู่กับความคิดของตัวเอง แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มก็รีบวิ่งไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อพึ่งนึกได้ว่าที่ปราณบุรีกำลังมีการประท้วง ถ้าหญิงสาวเกิดเข้าไปไม่ดูตาม้าตาเรือ อาจเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันได้ ยิ่งคิดขายาวยิ่งเหยียบคันเร่งจนแทบมิดไมล์ด้วยจิตใจที่ร้อนรน มือใหญ่พยายามกดโทรออกไปยังเบอร์ที่เขาแทบไม่เคยโทรไปพลางภาวนาให้เธอรับสาย แต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อลลินไม่เคยคิดที่จะรับสายของเขาอยู่แล้ว
“จะโทรมาทำไมตอนนี้ รู้แล้วน่า ฉันก็กำลังไปแก้ปัญหาให้อยู่นี่ไง”
ทางด้านลลินที่อีกไม่นานจะถึงปราณบุรีแล้วนั้นเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าจัสตินโทรเข้ามา เรื่องอะไรเธอจะรับปล่อยให้เขาดิ้นตายที่เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ไปเลยยิ่งดี โดยไม่รู้เลยว่าทำให้จัสตินแทบจะระเบิดด้วยกลัวว่าเธอจะมีอันตราย เขาตัดสินใจโทรไปหาพนักงานที่โครงการแทน ให้กันเธอเอาไว้ถ้าเห็นเธอไปโผล่ที่โน่น ก่อนจะตั้งใจขับรถเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุก่อนไปถึงที่โน่น
ไม่นานลลินก็มาถึงโครงการบ้านที่ปราณบุรี หญิงสาวจอดรถไว้ด้านนอกเพราะทางเข้าดันถูกขวางกั้น เธอเดินเข้าไปด้านในอย่างรู้สึกแปลกใจเพราะมันดูเงียบจนอดหันมองซ้ายขวาไม่ได้
“ไปไหนกันหมดเนี่ย หรือเลิกงานกันไปหมดแล้ว”
ลลินเอ่ยขึ้นพลางมองซ้ายขวาแต่แทบไม่มีใครเดินผ่านไปมา ก่อนที่จะเริ่มได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังตะโกนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ด้วยความสงสัยเธอเลยเดินตรงไปที่แห่งนั้นทันที ก่อนจะเจอเข้ากับกลุ่มคนที่กำลังร้องตะโกนดังกึกก้อง
“เราต้องการค่าแรง เอาค่าแรงของเราคืนมา!!”
เสียงดังเป็นไปในแนวเดียวกันทำเอาขาเรียวที่กำลังจะก้าวเข้าไปในกลุ่มถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะรีบหันหลังเพื่อเดินออกจากบริเวณนั้นเมื่อเริ่มรู้แล้วว่าไม่ควรเดินเข้าไปแต่กลับมีหนึ่งในคนที่นั่งประท้วงดันหันมาเจอเธอ พร้อมกับตะโกนบอกเพื่อนๆ
“เห้ย!! นั่นไงๆ คนของโครงการ มันออกมาแล้วๆ”
พอสิ้นเสียงตะโกนบอกทุกคนต่างก็หันมาทางหญิงสาวเป็นตาเดียวพร้อมกับกรูกันเข้ามา ลลินที่หันมามองถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะรีบหันหลังวิ่งหนี แต่ด้วยเธอใส่รองเท้าส้นสูงหญิงสาววิ่งมาได้เพียงไม่นานก็ต้องยอมแพ้ยกมือขึ้นเพื่อบอกว่าเธอยอมแพ้
“หยุดก่อน หยุด ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แล้วพวกคุณทำไมมาประท้วงกันอยู่ตรงนี้ ใจเย็นๆก่อน”
เสียงหอบกระเส่าบอกขึ้นพร้อมกับพยายามหายใจเอาลมเข้าปอด แต่พวกคนที่ยืนอยู่ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย รู้อย่างนี้เธอเปลี่ยนชุดก่อนมาก็ดี ดันใส่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัทมาเสียได้
“จะไม่รู้เรื่องได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้ค่าแรงมาจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว จ่ายพวกเรามา”
หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น ทำเอาลลินที่ยังไม่รับรู้ถึงปัญหาถึงกับไปไม่เป็น เธอพยายามกวาดตามองหาคนที่จะสามารถช่วยเธอได้บ้าง แต่ดูจะริบหรี่เมื่อมีแต่พวกคนงานยืนหน้าบึ้งตึงอย่างพร้อมจะทำร้ายเธอทันทีถ้าเธอวิ่งอีกครั้ง และเมื่อหาคนมาช่วยไม่ได้ หญิงสาวค่อยๆสะบัดรองเท้าที่ใส่อยู่ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ทางเดียวที่เธอต้องทำตอนนี้คือวิ่ง วิ่งให้สุดกำลัง เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็หันหลังวิ่งอีกครั้งโดยครั้งนี้แทบไม่อยากคิดชีวิต แต่ด้วยแรงหญิงหรือจะสู้แรงพวกคนงานชาย เพียงแค่ไม่กี่สิบเมตรแขนเล็กก็โดนคว้าเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเห็นไม้ท่อนใหญ่กำลังยกขึ้นสูงเพื่อจะตีลงมาที่เธอด้วยความโกรธเคืองจากพวกคนงานที่วิ่งตามมา
ผลั๊ว!!!!!
พอสิ้นเสียง ลลินก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ก่อนจะแปลกใจว่าทำไมเธอถึงไม่รู้สึกเจ็บหรือแค่โดนขู่แต่ไม่ได้จะทำร้าย แต่พอเธอยืดตัวขึ้นมองตากลมโตถึงกับเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างใหญ่ของจัสตินนอนเลือดอาบอยู่ที่พื้นโดยพวกคนงานกำลังเดินถอยร่นออกไปอย่างกลัวความผิด
“คุณ!!! นี่คุณ เลือด...ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที...ฮึก คุณ ตื่นสิคุณ เรียกรถพยาบาลมาสิ!!”
ลลินตะโกนบอกเสียงดัง แต่พวกคนงานไม่ได้คิดจะช่วยเลยสักนิด เพราะยังโกรธกันอยู่ จนหญิงสาวรีบล้วงมือหยิบเอาโทรศัพท์เธอโทรออกด้วยตัวเอง ก่อนจะนั่งรอรถพยาบาลด้วยความกลัว กลัวว่าจัสตินจะเป็นอะไรไป เขาอุตส่าเอาตัวมากันเธอเอาไว้จนต้องมารับเคราะห์แทนแบบนี้ และไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงพร้อมกับการสลายตัวกันของพวกคนงาน ลลินรีบขึ้นรถไปกับชายหนุ่มทันทีอย่างรู้สึกเป็นห่วง
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะคะ มีรอยแตกตรงหน้าผากที่โดนของแข็งตีเข้าอย่างแรง เย็บแผลไปสิบเข็ม ตอนนี้หมอให้ยาแก้ปวดไปแล้วพรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้ ยังไงคืนนี้ต้องให้คนไข้นอนพักที่นี่ก่อนนะคะ”
คุณหมอเดินออกมาบอก ก่อนจะขอตัวเดินจากไป ไม่นานร่างไร้สติของจัสตินก็ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน ก่อนจะพาไปพักที่ห้องพิเศษที่ลลินจองเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวรับหน้าที่เฝ้าเขาในคืนนี้ด้วยเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเธอก็ไม่มีที่พักเลยตัดสินในนอนที่นี่กับเขาเสียเลย
“ตอนนอนก็ดูไม่มีพิษมีภัยดีนี่ อีตารองประธานโรคจิต”
ลลินที่นั่งมองหน้าของชายหนุ่มอดเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้ เธอยังจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเขานั้นเธอแทบหัวใจหยุดเต้นก่อนจะกลับมาเต้นรัวเร็วเมื่อเขาช่างหล่อเหลาปานเทพบุตร เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลยในตอนนั้น ผิดกับเขาที่แทบไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา ขนาดรอยยิ้มเขาเธอยังไม่เคยเห็น หลังจากนั้นเธอก็คอยแอบมองเขาเวลาที่เจอกันแต่เขากลับไม่เคยพูดหรือเอ่ยทักทายเธอจนกระทั่งได้มาร่วมงานกัน ลลินก็เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เธอคิดกับสิ่งที่เธอฝันมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน จากที่เคยรู้สึกชอบกลับแปลเปลี่ยน จัสตินคอยแต่จะหาเรื่องปวดหัวมาให้เธอตามแก้ไม่เว้นแต่ละวัน ขนาดครั้งหนึ่งเธอขอลาหยุดเพราะอยากพักผ่อน เขากลับบอกให้เลขาโทรเรียกเธอมาทำงานเพราะงานต้องแก้ไขด่วน แต่พอมากลับไม่มีอะไรมากแค่แบบผิดนิดหน่อยลูกน้องของเธอก็แก้ไขมันได้สบายๆ
“เฮ้อ”
เมื่อคิดจนเริ่มเหนื่อย หญิงสาวจึงค่อยๆหลับลงอย่างทนไม่ไหว วันนี้เธอเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ขนาดรองเท้าเธอยังไม่มีจะใส่เลยตอนนี้