“หนูนิตมองพี่สิครับ พี่ขยับอยู่ในร่างหนูนิต หนูนิตเป็นของพี่ทั้งกายและใจใช่ไหม” เขาถามเสียงแหบพร่า ตรึงทั้งตัวและหัวใจของเธอให้หวั่นไหว
นิตยากัดปากร้องครางเมื่อสะโพกสอบกระแทกกระทั้นเข้ามาในกลีบฉ่ำเป็นจังหวะหนักหน่วง ร่างกายของเธอสั่นระริกถูกกระชั้นเข้าหาจนมิดเม้น
“หนูนิตเป็นของใครตอบพี่สิครับ” พฤทธิ์วอนถาม ขยับกายล้ำลึก มองสบตาปรือเยิ้มของคนใต้ร่าง
“หนูนิตเป็นของพี่พริกค่ะ” เธอตอบเขาเสียงแหบโหย ร่างกายสะท้านขึ้นลง หยาดเหงื่อไหลโซมไปตามลำตัว ซอกกายสาวหยาดเยิ้มปริ่มน้ำ เธอหัวหมุนจนต้องส่ายหน้าไปมากับหมอนด้วยความเสียวซ่านจับจิตจับใจ
สิ้นคำตอบที่แสนน่ารัก เขาให้รางวัลโดยการขยับสะโพกเร็วขึ้น ถี่กระชั้นจนร่างน้อยดีดเด้งขึ้นลง สั่นคลอนไปกับพื้นเตียง เสียงเตียงไหวโยกรับกับจังหวะร้อนแรง มันหนักหน่วงแม่นยำ น้ำรักฉ่ำแฉะไหลเยิ้มรับกับเสียงกระแทกกายกึก ๆ
นิตยาหวีดร้องสุดเสียง หอบหายใจสะท้านรุนแรง หยัดรับสะโพกสอบที่กดเข้าหาล้ำลึก เชื้อพันธุ์แห่งชีวิตสาดซัดเข้ามาเต็มปริ่มในเรือนกายสาว
เสียงแหบห้าวของพฤทธิ์คำรามลั่น เขาผวากอดรัดร่างน้อยแนบอก กดสะโพกถี่ ๆ ปล่อยความอุ่นร้อนในซอกทางรักจนหมดสิ้น
ทั้งสองหอบหายใจสะท้าน เขาซุกหน้าเข้าหาซอกคอชื้นเหงื่อ คำรามเสียงหนักเมื่อได้ปลดปล่อย
นิตยาหน้าแดงจัดเมื่อเขาอุ้มเธอไปอาบน้ำ จับสวมใส่เสื้อผ้าก่อนจะพาไปส่งบ้าน
ผู้เป็นย่าที่รอคอยการกลับมาของหลานสาวคนโตรีบเรียกเข้าไปพบในทันทีที่เห็นร่างน้อยลงจากรถของคู่หมั้นหนุ่ม สีหน้าของท่านดูไม่ดีนัก นิตยาถึงกับตัวลีบเล็กเมื่อคลานเข่าเข้าไปหา
“กลับมาแล้วรึแม่นิต”
“ค่ะคุณย่า”
“หล่อนคงไม่ท้องก่อนแต่งหรอกนะ” ประโยคของผู้เป็นย่าทำให้นิตยาสะดุ้งหน้าซีดเผือด
“สาวใช้เอาหล่อนไปนินทากันสนุกปาก ทำอะไรงามหน้านัก ประเจิดประเจ้อ ตาพริกก็เหมือนกัน ไม่รู้จักหักห้ามใจ แล้วนี่ไปขลุกอยู่ด้วยกันทั้งวัน อย่าบอกนะว่าไปนั่งมองหน้ากันเฉย ๆ” น้ำเสียงโมโหของผู้เป็นย่าทำนิตยาหน้าซีดขาวยิ่งกว่ากระดาษ
“เลี้ยงมาให้รักนวลสงวนตัว แต่อย่างว่าละ ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ เลือดแม่หล่อนมันแรงนักนี่ ถึงฉันจะอบรมสั่งสอนยังไง ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา” นิตยาก้มหน้าร้องไห้เบา ๆ คุณรุ้งลดาจิ้มหน้าผากหลานสาวอย่างโมโห
“ไปนอนกับตาพริกมากี่ครั้งแล้วล่ะ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ” คุณรุ้งลดาดึงแขนหลานสาวเข้าไปหา ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกดู
“คุณย่า อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” กระดุมเสื้อกระเด็นร่วงกราวไปกับพื้นห้อง ร่องรอยตามเนื้อตัวทำให้คุณรุ้งลดายิ่งโมโห
“งามหน้าจริง ๆ หมั้นกันไม่ทันไรก็...” ท่านพูดไม่จบประโยค ทำเสียงเอือมระอาอย่างที่สุด นิตยาดึงเสื้อมาห่อตัวเอาไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ท้องโย้ขึ้นมาฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หล่อนนี่มันง่ายจริง ๆ ทำตัวไร้ค่า ถ้าวันหนึ่งเขาเบื่อขึ้นมาทิ้งหล่อนไปจะทำยังไง ยังไม่ได้แต่งงานแค่หมั้นกันเฉย ๆ นะแม่นิต” คุณรุ้งลดาอบรมสั่งสอน ดุด่าเสียงดังลั่นห้อง
“แกดูลูกแกเลยพ่อยศ ทำตัวง่ายเหมือนผู้หญิงข้างถนน” เลอยศมองบุตรสาวอย่างผิดหวังไม่น้อย สายตาของบิดาทำนิตยาก้มงุด ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“หยุดร้องไห้สักทีได้ไหม ฉันรำคาญแกเต็มทน ถ้าแกเร่ไปนอนกับผู้ชาย ให้เขาปู้ยี่ปู้ยำขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องแต่งงานให้เร็วที่สุด ท้องขึ้นมางามหน้าทั้งวงศ์ตระกูล”
“คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ”
“ใจเย็นรึแม่กิ่ง เราก็เข้าข้างแม่นิตเสียเหลือเกิน ตามใจจนเหลิง” กิ่งกาญจน์อยากเถียงว่านิตยาไม่เคยถูกตามใจตั้งแต่เล็กจนโต เด็กสาวต่างหากที่ต้องคอยตามใจคนอื่น กลัวคนอื่นจะไม่พอใจ กลัวคนอื่นจะไม่รัก นิตยาค่อนข้างขาดความรัก แถมยังเป็นเด็กมีปม มารดาสำส่อนแล้วก็ตายด้วยโรคร้าย
“หล่อนจะไปไหนก็ไป ตั้งแต่หมั้นหมายกับตาพริกนี่ บ้านช่องไม่เคยอยู่ นัดให้มารับ แล้วก็เร่กันออกไปทุกวัน แต่งงานไปซะ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว ป่านนี้คนคงเอาไปนินทาสนุกปาก”
“ช่างเขาเถอะค่ะคุณแม่” กิ่งกาญจน์อดรนทนไม่ไหว
“เอ๊ะ! แม่กิ่งนี่ยังไง ฉันสั่งสอนหลานอยู่หล่อนก็สอดนะ”
“ขอโทษค่ะ” กิ่งกาญจน์หน้าม้านทันทีเมื่อโดนด่า
“เอาล่ะ ฉันคงต้องไปพูดเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ของตาพริกให้รู้เรื่อง ไม่งั้นหล่อนได้ทำฉันงามหน้าแน่ ๆ จะไปไหนก็ไปไป๊ เห็นแล้วรำคาญตา ว่านิดว่าหน่อยน้ำตาร่วงเผาะ แบบนี้ทำมาเป็นสำออย เวลาไปนอนให้ผู้ชายเอานี่หล่อนทำเสียงยังไงฮะ!”
นิตยานั่งร้องไห้เบา ๆ บนเตียงนอนนุ่มของตัวเอง สำรวจเนื้อตัวหน้ากระจกในห้องน้ำแล้วยิ่งร้องไห้หนัก เธอทำตัวง่ายเหมือนอย่างที่ย่าพูดเอาไว้จริง ๆ พฤทธิ์เองก็คงคิดดูถูกเธออยู่ในใจ
คุณรุ้งลดาทำอย่างที่พูดจริง ๆ ท่านคุยกับผู้ใหญ่ฝั่งพฤทธิ์ เพราะกลัวหลานสาวจะท้องไส้ขึ้นมา ให้ต้องอับอายขายหน้า บิดามารดาของพฤทธิ์ไม่ขัด หากลูกชายจะเป็นฝั่งเป็นฝา ยินดีจะจัดการทุกอย่างให้ตามประเพณี
นิตยารู้สึกอับอายกับสิ่งที่ผู้เป็นย่ากระทำ เธอกลัวพฤทธิ์โกรธเรื่องที่โดนเร่งรัดให้แต่งงาน แต่น้ำท่วมปาก เพราะปฏิเสธไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโต ชีวิตนี้มีแต่คนบงการอยู่ตลอด เธอไม่มีสิทธิ์คิดหรือตัดสินใจอะไรเองเลย
ใบหน้าเฉยชาไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ของพฤทธิ์ทำให้นิตยาขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างที่สุด
ในยามที่โดนดุด่า เธออยากจะมีใครสักคนคอยปลอบโยน อยากซบหน้าที่ไหล่กว้างอบอุ่นของเขา แต่เธอต้องกล้ำกลืนฝืนเอาไว้ ไม่ให้ตัวเองอ่อนแอต่อหน้าเขา
“นิตขอโทษพี่พริกด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องลำบากใจ” เธอเอ่ยขอโทษเขา คิดไปว่าเขาคงอึดอัดรำคาญ วันนั้นเพราะเธอใจง่ายเอง ยอมเขาเอง ถ้าเธอขัดขืนอีกนิดก็คงไม่เป็นแบบนี้ เขาแค่จะกันเธอออกจากอิฐ เพื่อช่วยน้องสาวเท่านั้น
เขาไม่ได้รักเธอ...
นิตยาพยายามบอกตัวเองให้สำนึก...
แค่คิดว่าเขาไม่รัก หัวใจก็เจ็บแปลบรวดร้าวจนแทบทนไม่ไหว
“แล้วจะให้ทำยังไง ผู้ใหญ่อยากให้เราแต่งงานกันเร็ว ๆ” เขาเอ่ยถามเธอ ท่าทีเหมือนไม่ยินดียินร้าย นั่นยิ่งทำให้นิตยาคิดไปว่าเขาคงหงุดหงิดไม่น้อย
“แต่งงานกันแล้ว หนูนิตจะหย่าให้พี่พริกสบายใจไม่ต้องห่วงนะคะ”
“คงอยากหย่ามากสินะ” เขาแดกดัน สีหน้าบึ้งตึง นิตยาลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดหวั่นเมื่อสบตาดุดันของเขา
“มันเป็นความต้องการของพี่พริกไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามเขาเสียงสั่นระริก ตั้งแต่แรกที่จะหมั้นกัน เขาขอให้เธอหมั้นกับเขาเพื่อให้อิฐตัดใจจากเธอ แล้วตอนนี้ต้องแต่งงานกัน เขาเองก็คงไม่ได้อยากแต่งกับเธอนักหรอก เธอรู้ข้อนี้ดี เขาเกลียดเธอจะตายไป
“มันเป็นความต้องการของเธอมากกว่า แต่ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี นายอิฐจะได้หมดหวัง ถ้ายังหมั้นกันอยู่แบบนี้ หมอนั่นก็คงไม่อยากแต่ง”
“เหรอคะ” เธอเบือนหน้าหนี ก่อนจะหันหลังให้เขา กล้ำกลืนน้ำตาให้ไหลย้อนกลับเข้าไปข้างใน เขาคิดแค่นี้จริง ๆ คิดแค่จะกันเธอออกจากอิฐ
เธอจะหวังอะไรจากเขา หัวใจเขาหรืออย่างไร มันไม่มีทางเป็นไปได้
“นิตเข้าใจแล้วค่ะ เพื่อให้ทุกคนสบายใจ และทุกอย่างเรียบร้อย นิตจะทำอย่างที่พี่พริกต้องการ” เธอเม้มปากสั่นระริก เขาหมั้นกับเธอ แต่งงานกับเธอด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากเธอลิบลับ เธอทำทุกอย่างเพราะรักเขา
แต่เขาทำทุกอย่างเพื่อน้องสาวที่เขารัก...
นิตยาเดินหนีในขณะที่พฤทธิ์เรียกเอาไว้ไม่ทัน เขายกมือค้างอยู่กลางอากาศ
ก่อนแต่งงานนิตยาหลบหน้าหลบตา เธอไม่ได้ไปทำงานที่ไร่ของพฤทธิ์ตามที่เขาขอ การใช้เวลาอยู่กับตัวเองทำให้เธอสบายใจ