สิริน
“แหมพี่สิริน มีหนุ่มมารับอีกแล้วนะ” ขณะที่ร่างระหงกำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวเลิกงาน เสียงของรุ่นน้องในแผนกเอ่ยปากแซวก็ดังขึ้น ใบหน้าสวยหันไปยิ้มรับโดยไม่ได้พูดตอบ ตาคมมองทอดออกไปนอกกระจกก่อนจะยกยิ้มริมฝีปากเรียวอย่างพอใจ สิรินเป็นพนักงานออฟฟิศในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เธอเป็นคนสวย ทำงานดี และมากด้วยความสามารถ สิรินไม่ชอบพูดคุยกับใครไปทั่ว แต่หากเป็นการคุยเรื่องงาน ในบริษัทนี้เธอคืออันดับต้น ๆ ที่นายจ้างพอใจที่สุด
“รอนานหรือเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ยืนพิงรถรอเธออยู่ที่จุดนัดพบ เขาหันไปยิ้มให้กับสาวสวยตรงหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยถือข้าวของในมือของเธอ
“รอคุณเนี่ย รอทั้งวันผมก็รอได้” โรมไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่เข้ามาจีบแม่สิรินคนสวยคนนี้ ชายมากมายจากทั่วทุกทิศล้วนก็เคยเข้ามาขายขนมจีบให้กับเธอทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือแม่แต่เพื่อนร่วมงาน รวมไปจนถึงลูกค้าที่ได้พูดคุยกับเธอ ด้วยรูปร่างหน้าตาฟ้าประทานให้สวยงามไร้ที่ติมาแต่กำเนิด และหน้าที่การงานที่จัดอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง อีกทั้งสิรินนั้นยังเป็นผู้หญิงเก่ง มีความสามารถ ไม่ว่าใครต่างก็หลงเสน่ห์เธอกันทั้งนั้น แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดกัน สิรินจึงได้เลือกคบหาดูใจกับชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้มานานร่วมปี
“วันนี้คุณอยากกินอะไรคะ” ขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่กับเข็มขัดนิรภัย สิรินจึงได้เอ่ยปากถามคนขับไปพลาง
“สุขสันต์วันครบรอบนะครับ” เธอไม่ได้รับคำตอบจากคำถามก่อนหน้านี้ แต่เมื่อหันมากลับพอดอกกุหลาบสีแดงช่อโต ถูกส่งมอบจากมือของโรมพร้อมกับรอยยิ้มสะกดใจของเขา
“ไม่เห็นจะต้องเสียเงินเลยค่ะ ฉันบอกคุณแล้วไง แค่ดินเนอร์ด้วยกันก็พอแล้ว” ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มด้วยความเขินอาย โรมเป็นผู้ชายที่ใส่ใจเธอเสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอตัดสินใจเลือกเขา ออกมาจากแถวของคนที่เข้ามาจีบ
“คุณกำลังจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ผมกิน แล้วผมจะไม่ให้อะไรคุณเลยได้ยังไงกัน คุณน่ะคนพิเศษของผมนะ” สิรินได้แต่ยิ้มกับคำหวานของชายคนรัก เธอไม่ได้ลุ่มหลงเขาเพียงเพราะคำหวานพวกนี้หรอก แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รักของทั้งคู่เดินทางมาได้ยาวนานเท่านี้
ตลอด 1 ปีที่คบกันมาโรมไม่เคยพูดจาให้สิรินต้องเจ็บช้ำน้ำใจเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือผิดใจกันเรื่องอะไรเขาใจเย็นเสมอ เป็นสิรินเสียอีกที่มักจะหลุดพูดถ้อยคำด่าทอยามที่โมโหจนไม่มีสติ แต่ทุกครั้งโรมก็ไม่เคยถือโทษ เขาเพียงนิ่ง ใจเย็นและรอให้สิรินอารมณ์เย็นลง
จากนั้นจึงได้เริ่มปรับความเข้าใจกัน โรมเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ และมีความเป็นผู้นำพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้นั่นคือสิ่งที่สิรินมองเห็นในตัวเขา เธอมั่นใจเหลือเกินว่าเธอได้เลือกคนไม่ผิดแล้วจริง ๆ
สิรินเช่าบ้านหลังย่อมอยู่คนเดียว ด้วยความที่พ่อแม่มักจะเดินทางมาหาอยู่บ่อยครั้ง การเช่าบ้านเป็นหลังจึงสะดวกสบายในการต้อนรับมากกว่า ส่วนโรมนั้นไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะเหตุผลที่ว่าพ่อแม่ของสิรินเดินทางมาหาอยู่บ่อย ๆ และท่านเป็นคนหัวโบราณ คงไม่สะดวกนักหากจะมารับรู้ว่าลูกสาวอยู่กับผู้ชายก่อนแต่ง และทั้งคู่เองต่างก็คิดว่ายังไม่พร้อมจะแต่งงานด้วย
“ตอนแวะตลาดที่คุณไปซื้อปลา คุณได้ให้เขาทำให้ด้วยหรือเปล่า” แม่ครัวเดินออกมาจากห้องหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและรัดผมมวยขึ้นไปเก็บเรียบร้อยแล้ว เธอเอ่ยถามลูกมือที่กำลังเตรียมข้าวของ
“เรียบร้อย ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเหนื่อยทำเอง อีกอย่างเดี๋ยวมือสวย ๆ จะคาวซะเปล่า ๆ” โรมหันไปตอบคนถามด้วยคำหวานที่สร้างรอยยิ้มให้กับสิรินได้เสมอ
“ทำอะไรกินดีคะ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลย” แม่ครัวเดินเข้าไปดูวัตถุดิบที่เพิ่งซื้อกลับมา พลางเอ่ยถาม
“อืม...ผมอยากกินปลาราดพริก”
“ดีเหมือนกันค่ะ ง่ายดี แล้วผักพวกนี้ฉันว่าจะผัดนะคะ” หลังจากตกลงเมนูกันได้แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันลงมือทำอาหาร โดยมีสิรินเป็นแม่ครัวหลัก โรมนั้นทำอะไรไม่เป็นก็พยายามช่วยในสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้ หลังจากอาหารเสร็จสรรพครบทุกจานแล้วโรมก็ทยอยเอาไปตั้งโต๊ะ และจัดแจงให้ดูสวยงามสมกับการฉลองวันครบรอบ แม่ครัวหลังทำกับข้าวเสร็จเหงื่อก็ชุ่มไปทั่วร่าง ด้วยอากาศที่ร้อนอยู่แล้ว บวกกับไอร้อนจากเตาไฟ
“เดี๋ยวขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ ร้อนมากเลย” หญิงสาวหันไปบอกก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัว เอวคอดถูกโอบรัดด้วยแขนแกร่ง เขาก้มหน้าลงพรมจูบที่คอยาวระหงอย่างเสน่หา
“โรม...ฉันตัวเหม็นอยู่นะ เหงื่อเต็มตัวเลยไม่เห็นหรือไง” หญิงสาวร้องห้ามพลางแกะมือเขาออก แต่โรมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และไม่ยอมปล่อยแขนจากร่างบางทั้งยังออกแรงรัดเธอแน่นขึ้น จนเจ้าตัวต้องยอมต่อท่าทีออดอ้อนของเขา
“ไม่เห็นจะเหม็นเลย”
“ร้อนค่ะ ขอไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน” สิรินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ในที่สุดคนเอาแต่ใจก็ยอมปล่อยมือจากเธอแต่โดยดีเขาขยับเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าวออกมานั่งรออย่างว่าง่าย
“แต่งตัวสาย ๆ นะ” เสียงโรมร้องบอกกับเจ้าของบ้าน เธอส่ายหัวไปมาพลางยิ้มชอบใจ ‘แค่กินข้าวที่บ้านจะต้องถึงกับแต่งตัวสวยด้วยหรือไงกัน’ สิรินคิดในใจ ราวกับว่าไม่ได้เก็บคำพูดของโรมมาใส่ใจอะไรนัก แต่หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอกลับใช้เวลาแต่งตัวเสียนมนาน กว่าจะออกจากห้องมาได้
“เสร็จพอดีเลย” โรมอาศัยเวลาที่สิรินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว จัดการตกแต่งห้องทานอาหารเล็ก ๆ เนรมิตให้กลายเป็นห้องสุดโรแมนติก ด้วยดอกไม้ที่ซื้อติดรถมาและเทียนที่จัดเตรียมสำหรับค่ำคืนพิเศษนี้
“นี่มันอะไรคะโรม” สิรินเอ่ยถาม เธอกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“สำหรับวันพิเศษของเราคุณชอบหรือเปล่า” เจ้าของผลงานเอ่ยถาม จากท่าทางของสิรินนั้น เขาน่าจะได้คำตอบตั้งแต่ที่เธอก้าวเท้าเข้ามาเจอแล้ว ตาคมของเธอนั้นเปล่งประกายไปด้วยความตื่นตา
“ชอบค่ะ อย่างกับตอนที่ฉันไปกินงานเลี้ยงกับบริษัทในโรงแรมเลย” เอหันไปตอบ ปากเรียวสวยยิ้มไม่หุบเธอไม่คาดคิดเลยว่าโรมจะใส่ใจกับเรื่องวันครบรอบมากมายขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้เขาดูเหมือนจะลืมเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังไม่ยอมไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ไม่พูดถึงเลยสักนิด ที่แท้ เขาก็แอบวางแผนไว้หมดแล้ว
“สิรินครับ”
“คะ”
“คือ...จริง ๆ เราก็คบกันมานานแล้ว ผมเลยอยากจะมอบของมีค่าสักอย่างให้กับคุณ” โรมกล่าวก่อนจะหยิบเอากล่องสีแดงใบเล็กขึ้นมา แน่นอนว่าภายในบรรจุแหวนเพชรวงงามไว้ด้านใน
“โรม...มันจะไม่มีค่าเกินไปหน่อยเหรอ” แม้เพชรจะไม่ได้ใหญ่โต แต่ด้วยมูลค่าของมันก็ยังถือว่าสูงในสายตาของสิรินอยู่ดี
“ผมยังไม่มีเงินมากพอที่จะไปขอคุณ แล้วก็ยังไม่พร้อมที่จะสร้างครอบครัวก็จริงแต่ผมก็อยากจะจองคุณเอาไว้ก่อน ผมรักคุณจริง ๆ นะผมอยากจะสร้างครอบครัวไปกับคุณ”
“โรม...” มือข้างซ้ายของสิรินถูกประคองขึ้นมา โรมบรรจงสวมแหวนเพชรวงงามนั้นใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนรักได้อย่างพอดิบพอดี สองร่างโอบกอดกันด้วยความรักอย่างแนบแน่น สิรินได้แต่คิดว่าเธอนั้นคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกเขา