“โอ๊ยยย! พี่ภีมจะรีบไปไหนเนี่ย กลัวว่าริษาจะเบี้ยวไม่ยอมเรียนงั้นเหรอ?” ริษารีบพูดขึ้นทันทีเมื่อพี่ชายพามาขึ้นรถยนต์คันหรู
“เปล่า แต่พี่แค่อยากมาส่งแกที่นี่ตั้งแต่พรุ่งนี้เลย”
ภาวัตพูดทั้งที่สายตามองไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดข้างๆ เขามั่นใจว่ารถคันนี้ต้องเป็นของปกรณ์แน่นอน
“ทำไมคะ จะมาจีบครูพริมเหรอ? ริษาเห็นตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่า พี่ภีมดูสนใจเรื่องของครูพริมเป็นพิเศษ แล้วไหนจะเรื่องสามีครูพริมอีก จะอยากรู้ไปทำไมว่ามีใครเคยเห็นสามีเขาไหม? ทำไมคะ? หรือพี่ภีมคิดว่าแพรวาเป็นลูกตัวเอง?” สาวมั่นพูดพร้อมกับส่ายหัวขำขันในตัวพี่ชาย
“ใช่” ภาวัตตอบเสียงนิ่ง และนั่นก็ทำให้ริษาถึงกับอึ้งไปทันที
“ว่าไงนะคะ พี่ภีมพูดจริงหรือพูดเล่น” ถามเพื่อความชัวร์อีกครั้ง
“พี่พูดจริง แต่พี่ยังไม่แน่ใจ”
ภาวัตพยายามคิดทบทวนเรื่อง ‘คืนนั้น’ ระหว่างตนเองกับพริมพิกา และไหนจะใบหน้าของแพรวาอีก แต่คำพูดของสาวเจ้าที่บอกว่าแพรวาเป็นลูกของเธอกับสามีที่ตายไปแล้วมันทำให้เขาสับสน
“เดี๋ยวนะ เรื่องมันเป็นมายังไงพี่ภีม ช่วยอธิบายที”
ริษาทำหน้าจริงจัง เพราะตั้งแต่ที่ย้ายไปอเมริกา ภาวัตก็ไม่ได้กลับมาที่เมืองไทยอีก แปลว่าเขากับพริมพิกาต้องมีความสัมพันธ์กันก่อนหน้านี้
“ไว้พี่จะเล่าให้ฟังทีหลัง แต่พี่มีเรื่องอยากให้แกช่วย” แล้วหันไปมองหน้าน้องสาวด้วยสายตาจริงจังเช่นกัน
“เรื่องอะไรบอกมาก่อน” ฝ่ายน้องสาวก็ตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะกลัวว่าพี่ชายจะให้ตนเองช่วยทำในเรื่องแผลงๆ
“พี่อยากให้แกมาเรียนที่นี่ แต่ไม่ใช่เรียนอย่างเดียว ช่วยสืบเรื่องพริมให้พี่ที แล้วก็ช่วยกันท่าผู้ชายคนอื่นให้ด้วย โดยเฉพาะคนที่ชื่อปกรณ์อะไรนั่น”
ภาวัตนึกถึงหน้าของปกรณ์ขึ้นมา หากฝ่ายนั้นกำลังเดินหน้าจีบพริมพิกา เขาก็มองว่าหมอนั่นคือคู่แข่งที่น่ากลัวพอสมควร พาลรู้สึกเกลียดขี้หน้าแบบไม่มีสาเหตุ
“แล้วถ้าแพรวาไม่ใช่ลูกของพี่ พี่ภีมจะสนใจเรื่องคุณปกรณ์ทำไม หรือว่าพี่ภีมยังรู้สึกดีกับครูพริมอยู่” ริษาจ้องหน้าพี่ชายเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ
“ถ้าแพรวาไม่ใช่ลูกพี่ก็ไม่เป็นไร แต่พี่แค่อยากกันท่าผู้ชายคนอื่นไว้ก่อน เพราะถ้าแพรวาเป็นลูกพี่ พี่จะได้ไม่ต้องมีคู่แข่ง” ไม่อยากคิดว่า หากแพรวาไม่ใช่ลูกของตนจริงๆ เขาจะทำอย่างไร เพราะภาวัตรู้สึกได้ถึงความผูกพันบางอย่างกับเด็กคนนี้
“พูดแบบนี้แปลว่าชอบครูพริมจริงๆ” คนเป็นน้องสรุปเองพร้อมกับยิ้มมุมปากใส่พี่ชาย
“แล้วตกลงจะช่วยไหม” ภาวัตหันไปถามน้องสาวตัวแสบด้วยท่าทีรำคาญใจ แต่ลึกๆ แค่กังวลว่าริษาจะไม่ช่วยเสียมากกว่า
“ช่วยสิจ๊ะ แหม นานๆ ทีพี่ชายจะสนใจผู้หญิงจริงจัง มีเหรอที่น้องสาวอย่างริษาจะไม่ช่วย ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ไป ริษาจะคอยกันผู้ชายทุกคนให้ห่างจากครูพริม โดยเฉพาะนายปกรณ์อะไรนั่น” เธอพูดอย่างมาดมั่นพร้อมกับหมายหัวปกรณ์ไว้เรียบร้อย
“ขอบใจมาก ต้องให้ได้แบบนี้สิ น้องรักของพี่”
ภาวัตเผลอยิ้มออกมาตรงมุมปากด้วยความพอใจ ดวงตาคมเข้มทอดมองไปยังท้องถนนเบิ้องหน้าพลางคิดไปว่า ต่อให้พริมพิกาจะพยายามปิดบังเรื่องแพรวาแค่ไหน เขาก็ต้องสืบจนรู้ความจริงให้ได้!
ภาวัตเข้าทำงานที่บริษัทหลังจากที่กลับจากอเมริกา ซึ่งบิดาตัดสินใจมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้กับเขาทันทีที่เรียนจบด้านบริหารมา เพราะธุรกิจของครอบครัวเกี่ยวกับงานด้านโรงแรม มีหลายสาขาทั่วประเทศ และในเร็วๆ นี้ก็มีแพลนจะขยายไปเปิดที่ต่างประเทศ นั่นเป็นเหตุผลที่ริษากับภาวัตต้องไปเรียนที่อเมริกาและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นถึงห้าปีเพื่อเรียนและศึกษาความเป็นอยู่ของผู้คนที่นั่นไปในตัว
“สวัสดีค่ะคุณภาวัต” ‘วิภา’ เลขาฯ วัยกลางคน เดินเข้ามาทักเจ้านายหนุ่มทันที
“สวัสดีครับคุณวิภา วันนี้มีงานด่วนอะไรไหมครับ” ชายหนุ่มรีบเอ่ยถามทันที เพราะอยากรีบเคลียร์งานในวันนี้ให้เรียบร้อย
“วันนี้ไม่มีค่ะ รายงานของบริษัททั้งหมดอยู่ในห้องทำงานของคุณภาวัตเรียบร้อยแล้วนะคะ ส่วนพรุ่งนี้ เรามีประชุมเรื่องคอนเซปต์ของงานเปิดตัวคุณภาวัตอย่างเป็นทางการค่ะ” วิภาทำหน้าที่เลขาฯ ได้อย่างดีเยี่ยม และรายงานสิ่งที่เจ้านายหนุ่มหล่อจำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง
“งานเปิดตัวผมนี่จำเป็นด้วยเหรอ?”
ภาวัตเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะสำหรับเขาไม่จำเป็นต้องจัดงานใหญ่โตอะไรทั้งนั้น ซึ่งแม้จะเพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน แต่ฝีมือความสามารถที่มีก็ทำให้ทุกคนทึ่ง กระนั้นก็ยังมีหุ้นส่วนบางคนที่ไม่ได้รู้จักเขา
“ค่ะ ทางคุณพิเชษฐ์กำชับดิฉันเอาไว้” วิภากำลังพูดถึง ‘พิเชษฐ์’ อดีตประธานบริษัท หรือบิดาของภาวัตนั่นเอง
“พ่อผมนี่ไม่เคยแผ่วจริงๆ”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับส่ายหัวขำขันในความอยากโปรโมตลูกชายของบิดา แต่ก็เข้าใจว่าท่านคงอยากให้คนในแวดวงธุรกิจรู้จักเขามากขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น คุณวิภาเข้าประชุมแทนผมที แล้วค่อยกลับมารายงานทีหลังว่าสรุปยังไงบ้าง ส่วนตัวผมจะเอายังไงก็ได้” เพราะพรุ่งนี้ เขามีภารกิจอื่นที่สำคัญต้องทำ นั่นคือการไปหาพริมพิกานั่นเอง และวันนี้ก็ส่งน้องสาวตัวแสบไปเป็นหูเป็นตาแทนแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้เรื่องอย่างไรบ้าง
“ได้ค่ะคุณภาวัต เอ่อ...คุณนิด้ามารอคุณภาวัตอยู่ที่ห้องทำงานนะคะ” วิภาพูดขึ้นพร้อมก้มหัวให้เจ้านายหนุ่มทันที
“ขอบคุณครับ”
ภาวัตนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเบาๆ ให้เลขาฯ เมื่อรู้ว่า ‘ชนิดาภา’ กำลังรอเขาอยู่ คิ้วหนาขมวดหากันเล็กน้อยขณะร่างสูงเดินไปเปิดประตูเข้าห้องทำงาน แล้วก็พบว่า ชนิดาภานั่งอยู่ที่โซฟารับแขกก่อนแล้ว