“ไหนล่ะ” พริมพิกาเดินออกมาพร้อมกับมองหาว่าที่นักเรียนคนใหม่ของเธอ
“คนนั้นไงคะครู เมื่อสักครู่ เขาโทร.มาบอกว่าจะเข้ามาสมัครที่ร้าน น้ำค้างว่าต้องเป็นผู้หญิงสวยๆ คนนั้นแน่นอนค่ะ” น้ำค้างพูดอย่างตื่นเต้นเมื่อมองไปยังหญิงสาวที่คาดว่าจะเป็นนักเรียนใหม่ของที่นี่
พริมพิกามองไปยังหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้าน หญิงสาวอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ แต่งกายด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีส้ม เปรี้ยวจี๊ด พร้อมกับรองเท้าส้นสูง บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นสาวมั่นใจในตนเอง เดินมาพร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนขายาวแบบสบายๆ และนั่นทำให้เธออึ้งทันทีที่ได้สบตากับ ‘เขาคนนั้น’
“มาเรียนซะ จะได้หัดเป็นกุลสตรีกับเขาบ้าง ผู้หญิงแม้ว่าจะสวย จะเก่ง จะมั่นใจยังไง ก็ควรต้องเรียนรู้การเรือนไว้บ้าง”
‘ภาวัต’ ลาก ‘ริษา’ มาที่ร้านอาหารไทยบุฟเฟต์แห่งนี้ หลังจากที่เขากับน้องสาวกลับจากต่างประเทศได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็เริ่มคิดว่า ไหนๆ ยัยน้องสาวตัวแสบก็ไม่ได้อยากสานต่อธุรกิจครอบครัว จึงควรจะหาอะไรทำเพื่อต่อยอดให้ตนเอง และช่วงเวลาที่อยู่ต่างประเทศด้วยกัน ริษาก็ไม่สามารถทำอาหารกินเองได้เลยแม้กระทั่งทอดไข่ ต้องพึ่งพาพี่ชายเสมอ เขาจึงคิดว่าหากส่งมาเรียนทำอาหารก็คงจะดี และร้านที่เลือกก็มาจากการเสิร์ชหาในอินเทอร์เน็ต หลายคนรีวิวว่าที่นี่ครูสอนดี แถมยังน่ารักมากๆ ด้วย เลยพาริษามาที่นี่ทันที
“พี่ภีมหัวโบราณมากรู้ไหม ทำไม่เป็นซื้อกินก็ได้” ริษาลากเสียงยาวเพราะไม่ชอบทำอาหาร มันดูน่าเบื่อและยุ่งยาก คนมีเงินอย่างเธอ แค่ใช้ปลายนิ้วจิ้มลงไปบนหน้าจอทัชสกรีนอาหารชั้นเลิศแค่ไหนก็มาวางอยู่ตรงหน้า ไม่เห็นต้องทำเองให้วุ่นวาย
“เฮ้อ! ถ้าแม่เราไม่เสียไปก่อนคงจะต้องถอนใจวันละสิบรอบเหมือนพี่”
“แหม พี่ภีมก็ ริษาไม่ชอบทำอาหารนี่นาพี่ก็รู้” คนเป็นน้องอดครวญเบาๆ ที่จริงไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบทำอาหาร แต่ทุกครั้งที่ลงมือเข้าครัวทีไรเป็นต้องครัวเละทุกที เสียเวลาแม่บ้านต้องไปตามเก็บครัวเปล่าๆ
“เอาน่า ลองก่อน”
ภาวัตพูดพร้อมกับหันไปมองหญิงสาวที่ยืนตรงหน้า นาทีนั้นเหมือนเวลาทุกอย่างหยุดเดิน เมื่อสายตาของคนทั้งคู่ประสานกันอย่างพอดี
เขาจำ ‘เธอ’ ได้ดี…พริมพิกา
“สวัสดีค่ะ ใช่คุณลูกค้าที่โทร.เข้ามาหรือเปล่าคะ” น้ำค้างทำหน้าที่แทนคุณครูสาวสวย เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“เอ่อ...ใช่ครับ คุณเป็นเจ้าของร้านที่นี่เหรอ…?” ชายหนุ่มเอ่ยถามน้ำค้างโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่พริมพิกา
“อ๋อ! เปล่าหรอกค่ะ หนูชื่อน้ำค้างเป็นพนักงานที่นี่ เจ้าของคือคุณพริมพิกาค่ะ” เด็กสาวหันมาทางคนที่เอ่ยชื่อทำให้เจ้าตัวรู้สึกตัวทันที
“สวัสดีค่ะ”
พริมพิกาตั้งสติพร้อมกับสวัสดีภาวัตและหญิงสาวที่อีกฝ่ายพามาด้วย และถ้าเธอเข้าใจไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นคนรักของเขา
“สวัสดีครับ คุณเป็นเจ้าของที่นี่จริงๆ เหรอ?”
ภาวัตเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ภาพหญิงสาวที่เคยมีความสัมพันธ์ด้วยเมื่อห้าปีก่อนกับคนตรงหน้าดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าดูถูกความสามารถของเธอ แต่เท่าที่เคยรู้มาคือ สาวเจ้าไม่มีเงินมากพอที่จะเปิดร้านได้ แต่ก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าหญิงสาวเป็นคนชอบทำอาหารและเก่งทำขนมจนทำให้เขาติดใจรสมือได้ และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ชายหนุ่มอยากให้น้องสาวอย่างริษาหัดงานบ้านงานเรือนให้ได้อย่างพริมพิกาบ้าง
“ค่ะ ที่นี่เป็นร้านของพริมเอง และพริมก็เป็นครูสอนของที่นี่ด้วย” พริมพิกาพูดเสียงเรียบ เธออดแปลกใจไม่ได้ที่เขามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตนเองหลังจากที่ไม่เจอกันถึงห้าปี และก็ไม่คิดว่าจะได้พบเจอชายหนุ่มอีก
“นี่สองคนรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” ริษาที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าพี่ชายเอาแต่จ้องเจ้าของร้านคนสวยไม่วางตา
“ใช่ เคยรู้จักก่อนที่เราจะไปต่างประเทศกัน” ภาวัตหันมาตอบข้อสงสัยของน้องสาวทันที
“ค่ะ แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่นอนค่ะ ฉันกับคุณภีม เราเป็นแค่คนรู้จักกัน” พริมพิการีบพูดทันทีด้วยกลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเข้าใจผิดได้
“อะไรนะคะ แหม จะเป็นมากกว่าเพื่อนกัน ริษาก็ไม่ว่าหรอกค่ะ ดีเสียอีก พี่ชายของริษาจะได้สละโสดสักที ฝรั่งสาวๆ ก็มีมาชอบตั้งเยอะ แต่พี่ชายของริษาก็ไม่ถูกใจ สาวไทยก็ยังเรื่องมาก คนอะไรก็ไม่รู้เรื่องเยอะ” ริษาพูดยิ้มๆ เมื่อสาวสวยตรงหน้าเข้าใจผิดว่าตนเองกับที่ชายเป็นคนรักกัน และไม่ลืมบอกสถานะว่า แม้ภาวัตจะมีสาวมารุมล้อมแต่ยังโสด
“เอ่อ ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ” พลางนึกอยากจะตบปากตัวเองเสียจริงที่พูดก่อนคิดโดยที่ไม่ได้มองหน้าของริษาว่าคล้ายคลึงกับภาวัตมากแค่ไหน
“หึ” ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หัวเราะในลำคอเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันชื่อริษานะคะ คุณพริม”
ริษารู้สึกถูกใจสาวสวยตรงหน้า แม้ว่าจะไม่สวยหยาดเยิ้มหรือแต่งตัวจัดเหมือนผู้หญิงที่ภาวัตเคยควง แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าพริมพิกาดูเป็นคนมีเสน่ห์ และแน่นอนว่าการที่พี่ชายของเธอเอาแต่จับจ้องไม่วางตาแบบนี้…พริมพิกาจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
“ถ้าอย่างนั้นเชิญนั่งก่อนนะคะ” ฝ่ายเจ้าของร้านก็เรียกสติตนเองอีกครั้ง พร้อมกับเชิญทั้งสองคนให้นั่งที่โต๊ะ
“เดี๋ยวน้ำค้างเอาน้ำมาเสิร์ฟนะคะครู”
น้ำค้างหันมาบอกพริมพิกา ก่อนจะหายเข้าไปเตรียมน้ำรับแขกทันที
“คุณเปิดร้านที่นี่นานแล้วเหรอครับ?” ภาวัตเอ่ยถามขึ้น เพราะตั้งแต่ ‘คืนนั้น’ ทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย แม้ว่าเขาจะแอบคิดถึงเธออยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสพบเจอกันอีก
“ก็เกือบๆ ห้าปีได้แล้วค่ะ”
พริมพิกาตอบยิ้มๆ เรื่องระหว่างเธอกับเขาก็ผ่านมานานแล้ว หากจะมองว่าชายหนุ่มเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งก็คงไม่เสียหายอะไร
“คุณพริมจัดร้านสวยจังเลยนะคะ เหมือนไม่ใช่ร้านอาหารไทยเลย”
ริษาเอ่ยปากชม เพราะบรรยากาศร้านที่นี่ตกแต่งออกไปทางโมเดิร์นและมีสไตล์มากกว่าร้านอาหารไทยหรือคาเฟ่ขนมไทยหรูๆ ที่เคยไปมาอีก