บทที่ 4 : จุดเปลี่ยน 2

1446 คำ
“ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไง” คริสเตียนเอ่ยทักน้องชายหลังศาลยกฟ้องคดีให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมด เพราะทางเขามีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์และยังมีทนายดังมาว่าความให้ ก็อย่างที่คาด คนไม่ได้ทำมันก็ไม่ผิดวันยังค่ำ แม้ฝ่ายนั้นจะมีอำนาจเงินและเส้นสายมากแค่ไหนก็แพ้มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลของพี่ชายทั้งสองที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อนอยู่ดี “ศาลยกฟ้องแล้วไม่ดีใจหรือไงไอ้น้องชาย ทำไมถึงยังทำหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ล่ะ” คริสเตียนเอ่ยถามอีกครั้งขณะที่มองน้องชายด้วยความรู้สึกเป็นห่วง “ไม่รู้สิครับ” อันเดรียส่ายหัวเพราะไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนี้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไงดี สามเดือนแล้วที่เขาไม่สามารถติดต่อคนรักได้ ไม่ว่าจะไปดักรอที่บ้านหรือที่มหาวิทยาลัยก็ไม่พบเธอ โทรไปก็ไม่ติด แชทไปก็ไม่มีการตอบกลับมา ราวกับเธอต้องการหนีออกไปจากชีวิตของเขายังไงอย่างนั้น “ถ้าเดาไม่ผิดอาการแบบนี้เขาเรียกว่าอกหักนะ” “คงงั้นครับ” อันเดรียยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ที่ผ่านมาเคยแต่จะทิ้งคนอื่น ไม่คิดว่าพอถูกทิ้งบ้างจะอาการหนักขนาดนี้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กระวนกระวายใจ ไม่อยากจะทำอะไรเลย เหมือนชีวิตว่างเปล่าแต่บางทีก็เจ็บปวดจนน้ำตาไหลออกมาทั้งที่ไม่มีแผล “ไม่อยากเชื่อว่าน้องชายของพี่ ที่มีหน้าตาหล่อเหลาขั้นเทพจะถูกผู้หญิงเทได้” คริสเตรียนพูดเล่นทีจริงทีเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันหดหู่จนเกินไปตามแบบฉบับของเขา “บางทีหล่ออย่างเดียวก็คงไม่พอ ต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วยละมั่งครับ” อันเดรียเชื่อแบบนั้น แต่ตอนนี้เขาแค่ยังไม่รู้ว่าองค์ประกอบที่ว่านั้นคืออะไร และเรื่องนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้ “ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น” คริสเตียนพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องชาย เพราะเขาเองแม้จะมีหน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร แต่กว่าความรักจะลงเอยได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเพราะกับผู้หญิงที่เขาอยากจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วย เพราะเขาต้องใช้เวลายั่วเธออยู่นาน กว่าจะได้หัวใจของเธอมาครอบครอง “เราไปกันได้แล้ววันนี้เป็นวันที่ต้องส่งคุณยายไปสวนสวรรค์ ทุกคนคงรออยู่ในงานกันแล้ว” ก่อนที่บรรยากาศจะเศร้าไปกว่านี้ คริสเตียนก็เปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมชวนให้เดินทางต่อไปยังพิธีเผาคุณยายหลังครบกำหนดเผาร้อยวัน ซึ่งมีรถเก๋งคันหรูจอดรออยู่ก่อนแล้ว โดยมีรถของการ์ดที่คอยประกบหน้าหลังพร้อมเดินทางทุกเมื่อที่ผู้เป็นนายออกคำสั่ง เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงในงาน ซึ่งเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์มากมายเดินกันให้ควัก ทุกคนอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทต่างมารวมตัวกันเพื่อไว้อาลัยและอารักขาตระกูลซานอาร์โด้ มาเฟียตระกูลใหญ่แห่งอิตาลี ในงานเผาร่างไร้วิญญาณของยายชมพู และอีกสักพักก็มีรถตู้คันใหญ่สีดำสนิทซึ่งมีรถเก๋งประกบหน้าหลังเป็นทีมอารักขาดูแลความปลอดภัยอย่างหนาแน่นแล่นเข้ามาในงาน ทุกคนที่มายืนต้อนรับโค้งคำนับเมื่อรถจอดเทียบทางเดิน บุรุษผู้มาใหม่ก้าวลงจากรถในชุดสูทสีดำพอดีตัวท่าทางน่าเกรงขามแม้จะวางมือจากการเป็นมาเฟียนานแล้ว ตั้งแต่สูญเสียภรรยาสุดที่รักเมื่อหลายสิบปีก่อน “แด๊ดมาแล้ว” สิ้นเสียงคริสเตียนผู้เป็นลูกชายทั้งสามก็ก้าวยาวๆมายืนรอรับท่านและยกมือไหว้ทักทายตามธรรมเนียมไทย ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะพยักหน้าทักตอบแล้วเดินตรงมาหาลูกชายคนสุดท้องที่ถูกพรากไปตั้งแต่เกิดมาได้เพียงสามเดือน และถูกกีดกันไม่ให้พบเจอจนกระทั่งปัจจุบันได้เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ “อันเดรีย” แค่ได้เรียกชื่อและเห็นหน้าลูกชายคนเล็กที่ตอนนี้ได้เติบโตเป็นหนุ่มเต็มตัว ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสง่าไม่แพ้พี่ชายทั้งสองคน น้ำตาของอดีตมาเฟียก็ร่วงหล่นอย่างสุดจะกลั้น หนุ่มใหญ่เดินมาสวมกอดลูกชายตัวเองด้วยความรักใคร่ซึ่งอันเดรียสัมผัสได้ด้วยหัวใจ “แด๊ดขอโทษที่ปล่อยให้ลูกต้องลำบาก แต่แด๊ดไม่เคยคิดจะทอดทิ้งลูกเลย” คำพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดทำให้ผู้เป็นลูกต้องโอบกอดตอบด้วยความรักและคิดถึงสุดหัวใจไม่ต่างกัน “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” อันเดรียพูดออกมาจากจริง เขาไม่เคยโกรธที่พ่อไม่เคยมาหา เพราะนั่นเป็นกฎข้อห้ามของยายชมพูที่โกรธเกลียดพ่อของเขาเข้ากระดูกดำซึ่งยายโทษว่าที่แม่ของเขาตายเป็นเพราะพ่อเป็นต้นเหตุ ซ้ำยังไม่ขอรับความช่วยเหลือใดๆจากพ่อของเขาทั้งที่ท่านคอยติดต่อยื่นมือให้ความช่วยเหลือมาตั้งแต่เขาจำความได้จนถึงวันที่ยายจากไป “แด๊ดคิดถึงลูกทุกวัน” “ผมก็คิดถึงแด๊ดครับ” อันเดรียสัมผัสได้ถึงความรักและอบอุ่นจากพ่อแม้จะไม่เคยพบเจอหน้าท่านมาก่อนเลยก็ตาม ภาพของหนุ่มต่างวัยที่สวมกอดกันกลม ทำให้ฟรานเซส และคริสเตียนต้องมองภาพแห่งความประทับใจด้วยความตื้นตัน “ต่อไปนี้เราไม่ต้องพรากจากกันแล้วนะ ลูกกลับอิตาลี่กับแด๊ดนะ” “ครับ” อันเดรียตอบรับอย่างไม่ลังเล แม้เขาจะไม่ได้เติบโตที่อิตาลีแต่ตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้ว แม้กระทั่งคนรักสาวที่สัญญาว่าจะเคียงข้างก็ปล่อยให้เขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายเพียงลำพังและหายเข้ากลีบเมฆไป สองพ่อลูกพูดคุยกันอีกสักพัก เมื่อทุกคนปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติแล้ว ก็ได้เวลาที่จะทยอยขึ้นมาวางดอกไม้จันทน์ตรงเมรุเพื่อเคารพศพของยายชมพูเป็นครั้งสุดท้าย “ขอบคุณสำหรับการเลี้ยงดูและความรักที่ยายมีให้ผมตลอดมา ขอบคุณสำหรับเส้นทางที่คุณยายขีดไว้ให้ผมเดิน ผมเสียใจที่ทำให้คุณยายต้องผิดหวัง แต่เชื่อเหลือเกินว่าตอนนี้คุณยายได้รับรู้ทุกอย่างแล้วว่าผมบริสุทธิ์ หลานของคุณยายไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายอย่างที่ถูกกล่าวหา ผมภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นหลานของคุณยาย หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้เกิดมาเป็นยายหลานกันอีกนะครับ… ขอให้คุณยายไปสู่สวนสวรรค์นะครับ หลานคนนี้รักยายชมพูที่สุด” อันเดรียวางมือลงบนรูปของยายพร้อมหลับตาลงย้อนนึกถึงเหตุการณ์ตั้งแต่เด็กจนโต ชีวิตเขานั้นมีเพียงยายชมพูที่คอยเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนจนกระทั่งเขาได้เข้าเรียนแพทย์ตามที่ยายชมพูต้องการ แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ลิขิตให้เขาเดินบนทางนี้ เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตของเขาก็หนีไม่พ้นเส้นทางมาเฟีย ทุกอย่างในชีวิตสิ้นสุดลงไปพร้อมๆกันหลังจากถูกใส่ร้ายจากเพื่อนร่วมคณะ นาริน! ผู้หญิงที่เขาเกลียดเข้ากระดูกดำ เพราะเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมด แต่ที่อนาคตแพทย์ของเขาต้องดับไปนั้น ไม่เจ็บใจเท่ากับที่ทำให้ยายชมพูเสียใจจนหัวใจวายตาย ซึ่งเรื่องนี้เขาจะไม่ปล่อยผ่านไปแน่ สักวันเขาจะเอาคืนให้สาสม! “จะไปไหนไอ้น้องชาย อีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าเราต้องเดินทางไปอิตาลีแล้ว” ฟรานเซสเอ่ยถามน้องชายหลังจากพิธีทางศาสนาทุกอย่างเสร็จสิ้นลง จู่ๆอันเดรียก็เดินออกมาจากงานพร้อมควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจเตรียมขับออกไป “ผมขอไปเคลียร์ปัญหาที่ค้างคาก่อน” “พี่จะให้คนขับรถไปส่ง” ฟรานเซสไม่ขัดเพราะดูจากสีหน้าของน้องชายตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยื่นข้อเสนอให้แทนเพื่อส่งคนคอยตามติดดูแล ช่วงนี้อันเดรียยังโศกเศร้าเขาไม่อยากให้มีเรื่องร้ายๆเกิดกับน้องชายของเขาอีก “ไม่ครับ ผมจะไปเอง” พูดจบอันเดรียก็ควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจขับออกไปโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้พี่ชายได้เอ่ยถามหรือเสนออะไรอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม