11
“เจ็บมั้ย?” เขาถามเบาๆ ขณะที่โน้มตัวลงมาจูบปากสีทับทิมแสนนุ่ม
“นิดหน่อยค่ะ” เธอได้ตอบหลังจากที่เขาถอนเรียวปากออก
“ฉันจะทำเบาๆ นะ”
เมื่อพูดจบเขาเริ่มโยกไหวร่างกายทันที ทำนองรักของเขานุ่มนวลและอ่อนโยน ไม่มีความรุนแรงเหมือนค่ำคืนที่ผ่านมาเลย ปากหนาจูบริมฝีปากอิ่มตลอดเวลาพรางเอ่ยถามจังหวะรักของเขาที่กำลังว่าเจ็บมากน้อยแค่ไหน ประดุจดั่งเธอคือแก้วใสเนื้อบางเบา ทว่าความนุ่มนวลของเขาแฝงไว้ซึ่งความเร่าร้อนกับจังหวะที่หนักหน่วง ความเร็วรี่ของเอวใหญ่ที่ซอยระรัว นำพาความกระสันซ่านก่อเกิดในร่างกายของเธอ ส่วนเขาเองก็ได้รับความทรมานจากกลีบสวรรค์คับแน่น
“โอว หนูนาจ๋า หนูนา แน่นอะไรอย่างนี้”
เขาพูดเมื่อกล้ามเนื้อในกลีบสาวห่อตัวรัดความแข็งแรงที่รุกล้ำไม่หยุดอยู่ตลอดเวลา กระทิงดุที่ผ่านเกมรักมาอย่างโชกโชนแทบมอดม้วยคาอกของกระต่ายน้อยตัวเล็กที่นอนดิ้นพล่านอยู่ใต้ร่าง ส่งเสียงครางระงมเมื่อตัวเองได้พบพานกับความสุขระดับสุดยอด
“อือ คุณคมน์ อา” มือนุ่มจิกบนลำแขนของเขาแน่น ยกสะโพกรับความแข็งแกร่งที่กระโจนจ้วงเข้าใส่ไม่หยุด
“ฉันไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว สะ เสียวอะไรอย่างนี้ โอว”
เขาส่งเสียงครางทรมานกับความเสียวและความฟิตแน่นในกายสาว ระบายออกมาทั้งเสียงครวญต่ำพร้อมกับลมหายใจที่ขาดห้วง เขาจับเรียวขาทั้งสองข้างของเธอพาดบนบ่าแกร่ง ดันร่างไปข้างหน้าจนกลีบสาวลอยเด่น มือใหญ่ทั้งสองข้างเท้าไว้บนที่นอน เพื่อรองรับน้ำหนักตัวของเขากับการกระแทกกระทั้นที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ฉันไม่ไหวแล้วหนูนา ขอฉันกระแทกแรงๆ หน่อยนะจ้ะ หนูนาจ๋า”
เขาไม่รอคำตอบกระแทกร่างกายกระชั้นเข้าใส่กลีบดอกไม้สาวด้วยความเร็วที่นับครั้งไม่ได้ ความแรงขนาดสูงสุด ใบหน้าคมคร้ามบิดเบี้ยว ทุกข์ทรมานกับบีบรัดที่มีทุกครั้งที่เขาทะยานร่างเข้าใส่ ใบหน้าของคมน์เริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำปากหนาเผยอปลดปล่อยเสียงครางห้าวตลอดเวลา จนในที่สุดความอดทนของกระทิงดุก็หมดลงในจังหวะสุดท้ายที่ถาโถม เมื่อเขาตะกายขึ้นไปบนสวรรค์ได้สำเร็จ
“เจ็บมั้ยหนูนา?” เขากระซิบถามเมื่อถอนตัวตนของเขาออกจากกายสาว แล้วเลื่อนกายมานอนข้างๆ เธอ
“ไม่เจ็บค่ะ แต่หนูนาอยากนอน” เธอพูดโดยไม่ลืมตา ความรู้สึกของเธอตอนนี้อยากนอนจริงๆ
“หนูนาไม่เจ็บแล้วใช่มั้ย งั้นฉันต่อนะ”
ดวงตาหวานที่หลับพริ้มเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา กำลังจะร้องค้าน หากแต่คำพูดหาได้เล็ดลอดออกมาได้เลย เนื่องจากปากหนาหยักสวยแสนว่องไวประกบทับมาเสียก่อน ฉกจูบรัดลิ้นเล็กเร็วพลัน รุจิเรศสูญสิ้นความเป็นตัวของตัวเอง หลงติดกับดักเสน่ห์พิศวาสที่กระทิงดุป้อนให้ จวบจนอีกสามชั่วโมงต่อมาร่างกายสาวจึงหลุดพ้นจากการตักตวงหาความสุขจากชายหนุ่มมากรัก เธอหลับสนิททันทีที่เขาผ่อนร่างบางลงบนที่นอน โดยไม่รู้ว่าหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขาทั้งคืน
รุจิเรศเดินลงมาจากชั้นบนในเวลาเกือบเที่ยง เธอเดินสำรวจบ้านหลังใหญ่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านของบิดาของเธอไม่มากนัก แต่เฟอร์นิเจอร์ที่ใช่ตกแต่งนี่สิ หรูหราและมีราคาทั้งสิ้น แค่โคมไฟระย้าดวงใหญ่ที่ติดอยู่บนเพดาน ราคาของมันก็เรือนแสนเข้าไปแล้ว ไม่รวมชุดโซฟาหนังเนื้อดีชุดใหญ่ตั้งเด่นอยู่กลางห้องโถง และอื่นๆ อีกหลายรายการ กระต่ายน้อยชอบมากที่สุดก็คือ คริสตัลรูปช้างความสูงสามสิบเซนติเมตรที่ตั้งโชว์ไว้บนตั่งตัวเตี้ยหน้าชุดโซฟา บ่งบอกถึงบารมีของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
“คุณหนูนาลงมาแล้วเหรอคะ ป้าว่าจะขึ้นไปปลุกพอดีเลย เที่ยงวันนี้คุณคมน์จะมาทานอาหารกลางวันด้วยนะคะคุณหนูนา”
คำพูดของป้าพุ่มทำให้รุจิเรศเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที เหตุใดเขาต้องเสียเวลากลับมาทานอาหารกลางวันที่บ้านด้วย หารับประทานละแวกนั้นก็ได้ หรือว่าอาการแถวนั้นไม่อร่อย
“คุณคมน์กลับมาทานอาหารกลางวันที่บ้านทุกวันเลยเหรอคะป้าพุ่ม?” เธอถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ค่ะ ไม่เคยกลับมาทานอาหารกลางวันที่นี่เลย คุณคมน์บอกป้าว่าจะกลับมาทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนคุณหนูนาค่ะ”
ป้าพุ่มตอบคำถามเหมือนกับที่คมน์บอกนาง อีกฝ่ายยิ้มเขิน หน้าแดงเรื่อ ยืนบิดกายไปมาด้วยความอาย ไม่คิดว่าคมน์จะกลับมาทานอาหารกลางวันกับเธอ สำหรับผ้าพุ่มแล้วเหตุผลนั้นไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริง มันมีอะไรมากกว่านั้นนางรู้สึกได้
“มีอะไรให้หนูนาช่วยหรือเปล่าคะป้าพุ่ม?”
“ไม่มีหรอกค่ะ คุณหนูนาแค่ไปยืนรอคุณคมน์หน้าประตูบ้านก็พอค่ะ คุณคมน์กลับมาจะได้ชื่นใจ นี่ก็ใกล้เวลาที่คุณคมน์จะมาถึงบ้านแล้วด้วย”
นางแนะนำ นางคิดว่าบางทีความใสซื่อ ความบริสุทธิ์และความดีที่มีอยู่ในตัวรุจิเรศ อาจจะสลายความแค้นและแผนการบางอย่างที่อยู่ในใจของคมน์ให้พังทลายลงได้ ก่อนที่คมน์จะพบกับคำว่าแพ้อีกครั้ง
“ค่ะป้าพุ่ม”
หญิงสาวรับคำเสียงใส ก่อนจะเดินไปหน้าประตูบ้านเพื่อรอเจ้าของบ้านเดินทางกลับมาทานอาหารกลางวันพร้อมกับเธอ รุจิเรศยืนรอได้เพียงห้านาที รถยนต์คันหรูของคมน์ก็แล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบ้าน คมน์ก้าวลงมาจากรถทันทีที่รถจอดสนิท มองดวงหน้าหวานที่ส่งยิ้มให้เขา ดวงตาใสซื่อของเธอสะกดให้เขาหยุดชะงักได้อย่างไม่ยาก เหมือนครั้งหนึ่งที่เขาหลงเสน่ห์ดวงตาคู่สวยของอังคณา เขารีบสลัดมนต์สะกดนั้นออกไปทันที เขาไม่มีวีนหลงมารยาของเธอแน่นอน แต่เป็นรุจิเรศต่างหากที่ต้องหลงรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แล้ววันนั้นเขาจะทำให้หญิงสาวเจ็บปวดเจียนตาย
“ชื่นใจจัง หนูนามาคอยรับฉันด้วย”
เขาพูดก่อนจะฝังจมูกลงบนพวงแก้มสดใสทั้งสองข้าง เธออายม้วนทันทีเพราะตอนนี้เธอกับเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพังในห้องนอน แต่อยู่ต่อหน้าลูกน้องสองคนของคมน์
“อายเค้าค่ะ”
เธอเอ่ยวาจาอย่างเอียงอาย สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าสาวน้อยคนนี้ทำตัวน่ารัก ทว่าสำหรับเขามันคือภาพมายาดีๆ นี่เอง มายาที่สร้างมาหลอกผู้ชาย
“อายทำไมเรื่องของผัวเมีย ไปกินข้าวเถอะฉันหิวแล้ว เมื่อคืนออกแรงเยอะไปหน่อย อาหารเช้าก็กินนิดเดียว ตอนนี้หิวจนไส้แทบขาดแล้ว”