9
“ว้าย!!” รุจิเรศร้องอุทานด้วยความตกใจ ร่างของเธอเซและกำลังจะหงายท้อง ดีที่ว่าบาองย่างที่เธอชนนั้นคว้าเอวเธอไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรั้งเข้าประชิดตัว พร้อมแสงไฟที่เปิดสว่าง
“คุณเป็นใคร?” นุกูลผู้มีศักดิ์เป็นหลานของคมน์เอ่ยถามหญิงสาวที่เขากอดอยู่
“เอ่อ เป็น เป็น” รุจิเรศถึงกับตอบไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“ทำอะไรอยู่นุ” เสียงราบเรียบของคมน์เอ่ยถามหลานชาย ทำให้สองร่างที่ทำท่าเหมือนกำลังกอดกันหันมาคนที่ถาม นุกูลคลายมือออกจากเอวของรุจิเรศ ก่อนจะตอบผู้เป็นอา
“ไม่ได้ทำอะไรครับ พอดีผมมาเอาน้ำผลไม้กำลังจะเดินออกไป ส่วนผู้หญิงคนนี้กำลังจะเดินเข้ามาก็เลยชนกันครับ”
นุกูลตอบตามความเป็นจริง คมน์หลุบตาต่ำมองดูกล่องน้ำผลไม้ที่อยู่ในมือของหลานชาย ก่อนจะเบนสายตาไปมองหน้าของรุจิเรศนิ่ง หญิงสาวที่ถูกมองรีบก้มหน้ามองพื้น ไม่มองสบตาใครทั้งสิ้น
“แล้วเธอมาทำอะไรในห้องครัว?”
“หนูนามาเอาน้ำค่ะ หนูนาหิวน้ำ” เธอตอบโดยไม่มองหน้าคนถาม ใครจะกล้ามองล่ะดวงตาเป็นประกายไฟขนาดนั้น
“ผมไปก่อนนะครับอาคมน์”
นุกูลเห็นท่าไม่ดี รีบปลีกตัวไปทันที ตอนนี้ก็เหลือเพียงคมน์กับรุจิเรศเท่านั้น เขาเดินอาดเข้ามาหาร่างสาวที่เอาแต่ยืนก้มหน้า ทำตัวลีบหน้าห้องครัว
“หิวน้ำหรือว่ามาอ่อยเหยื่อ?”
คมน์ถามชิดใบหูหอมกรุ่นสาวของเธอ น้ำเสียงทุ้มดุๆ ทำให้สาวน้อยสะท้านเยือก รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา เขากำลังเข้าใจเธอผิด เธอไม่ได้คิดหรือจะทำอย่างนั้นเลย ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ
“มะ ไม่ใช่ค่ะ หนูนาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ ตอนนั้นตรงนี้มืดอีกอย่างหนูนาก็ไม่รู้จักทางไปห้องครัวด้วยค่ะ” เธอไม่ได้แก้ตัวแต่อธิบายให้เขาได้เข้าใจ อีกฝ่ายทำสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“อยากกินน้ำเหรอ ขึ้นไปบนห้องสิ เดี๋ยวฉันจะให้กิน...น้ำน่ะ”
เขาทิ้งท้ายอย่างกำกวม สาวน้อยใสซื่อไม่ทันได้เฉลียวใจเลยว่า น้ำ ที่เขาพูดถึงนั้นความหมายนั้นแท้จริงแล้วคืออะไร พูดออกไปตามความคิดของตัวเอง
“จะเอาขวดน้ำขึ้นไปดื่มบนห้องเหรอคะ หนูนาว่าหนูนาดื่มน้ำในครัวดีกว่าคะจะได้ไม่ต้องถือไปดื่มข้างบน”
คำพูดของเธอนั้นไร้เดียงสาจนคนเจ้าเล่ห์ลอบยิ้ม ใสซื่อไร้เดียงสาอย่างนี้สิดี แผนของเขาจะได้สำเร็จเร็วๆ ลำแขนใหญ่รัดเอวเล็กเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะรั้งร่างสาวที่สั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธออีก ความเจ็บปวดเมื่อคืนนี้ยังหายไม่สนิท หากเขาตอกย้ำอีก เธอคงอาการกำเริบแน่นอน
“บนห้องฉันมีตู้เย็นไปดื่มน้ำข้างบนก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียเวลาลงมาข้างล่างเลย” เขากระซิบบอกข้างหูของเธอ
“หนูนาไม่รู้ค่ะว่าบนห้องมีตู้เย็น”
รุจิเรศก้มหน้าพูดเบาๆ ไม่กล้ามองสบตาของเขา เลยไม่รู้ตอนนี้สีหน้าและแววตาของคมน์นั้นแพรวระยับด้วยไฟเสน่หา มือก็เริ่มลูบไปตามแผ่นหลังของเธอ
“ไปสิ ขึ้นไปบนห้องกัน เธอจะได้ดื่มน้ำไง”
เขาเปลี่ยนจากกอดเป็นโอบไหล่ของเธอ ก่อนจะพาสาวน้อยร่างเล็กเดินขึ้นไปชั้นบน ตรงไปที่ห้องของเขาทันที พอก้าวเข้ามาในห้อง คมน์พารุจิเรศไปหยุดยืนหน้าตู้เย็นขนาดเล็ก มือใหญ่เอื้อมมาเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาหนึ่งขวด
“อยากกินน้ำใช่มั้ย เดี๋ยวฉันป้อนให้นะ อ้าปากสิ”
รุจิเรศรู้สึกงงกับคำพูดและการกระทำของเขายิ่งนัก เขาจะป้อนน้ำเธอ เธอไม่งงเท่าไหร่ แต่ที่สาวน้อยไม่เข้าใจคือ เขากระดกดื่มน้ำเย็นจากขวดที่อยู่ในมือ คมน์ทำอย่างนี้แล้วจะป้อนเธอยังไง แต่แล้วคำตอบที่หญิงสาวอยากรู้ก็ได้รู้
ริมฝีปากหนาประกบปากอิ่มที่เผยอออกตามคำสั่ง ก่อนที่น้ำเย็นจากปากของเขาจะไหลเข้าไปในปากของเธอ ทำให้เธอจำต้องกลืนน้ำเย็นนั้นลงไปอย่างงุนงงระคนเขินอาย
“อยากดื่มน้ำอีกมั้ย?” เขาถามชิดปากอิ่ม โอบกอดเธอไว้แน่น
“พะ พอแล้วค่ะ” กระต่ายน้อยตอบเสียงสั่น ก้มหน้าก้มตาไม่สบมองดวงตาคมเข้มของเขา นิ้วเรียวยาวแข็งแรงช้อนคางมนขึ้นสูง เพื่อที่เขาจะได้มองดวงตาใสซื่อได้อย่างถนัด อีกทั้งจะได้ให้เธอเห็นดวงตาของเขาด้วย
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของคมน์ที่รุจิเรศมองเห็นนั้น เธอรู้สึกใจหวั่นไหวขึ้นมาทันที ประกายตาของเขาชวนมอง เสน่ห์ มีมนต์ขลัง สบตาครั้งใดร่างของเธอแทบหลอมละลายไปเสียทุกครั้ง
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนแพรวระยับของรุจิเรศที่คมน์มองเห็นนั้น เหมือนดวงดาวที่เปล่งแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดมิด สวยงาม สดใส ดวงตาของกระต่ายน้อยตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและประหม่า เหมือนร่างกายสาวที่เริ่มสั่น
“กลัวเหรอ?” ริมฝีปากหนาถามไปด้วยคลอเคลียกลีบปากนุ่มไปด้วย คนที่ถูกถามถึงกับตอบไม่ถูก ใจสั่นไปหมดกลัวว่าเขาจะทำมากกว่านี้
“คุณ คุณคมน์คะ หนูนา หนูนายังเจ็บอยู่ค่ะ” เขารู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
“เจ็บมากเลยเหรอ?” เขายังถามต่อ
“ค่ะ เจ็บค่ะ”
“เจ็บตรงไหนล่ะ ไหนขอดูตรงที่บอกว่าเจ็บหน่อยสิ”
หน้าขาวแดงเรื่อทันทีที่เขาพูดจบ อยากจะก้มหน้าเพื่อหลบสายตาเจ้าเล่ห์ของเขา ทว่านิ้วใหญ่จับที่คางมนเอาไว้ไม่ให้เธอทำอย่างที่ใจคิด เธอทำได้เพียงหลุบตาต่ำเท่านั้น
“ว่าไงเจ็บตรงไหน?” คมน์คาดคั้นอยากได้คำตอบ รุจิเรศพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกด้วยว่าตัวเองนั้นเจ็บตรงไหน ได้แต่ทำหน้าแดงใส่เขา
“ถ้าไม่ตอบฉันจะนอนกับเอนะ วันนี้ฉันคิดถึงเธอมากๆ เลย”
เขาไม่พูดเปล่า ช้อนร่างเล็กขึ้นสูง ก่อนจะพาเดินไปที่เตียง วางร่างอรชรลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม รุจิเรศที่หายจากอาการตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา รีบตอบคำถามที่เขาอยากรู้ทันที
“หนู หนูนาเจ็บ เจ็บตรงนั้นค่ะ” เธอตอบเสียงเบา หน้าแดงก่ำราวกับเปลือกมะเขือเทศสุก
“ไหนดูสิ” เขาทำในสิ่งที่รุจิเรศไม่คาดคิด คมน์ขยับร่างกายมานั่งที่ปลายเท้าของเธอ ก่อนจะถอดกางเกงนอนตัวสวยของเธอพร้อมกับกางเกงชั้นใน ตั้งชันเรียวขาของเธอ เพ่งมองไปยังจุดที่หญิงสาวบอกว่าเจ็บ การกระทำของเขานั้นเรียกความอายให้กับเธอเป็นร้อยเท่า จะไม่ให้เธออายได้อย่างไรก็เขาเล่นจ้องตาไม่กระพริบอย่างนี้ แม้ว่าเขาจะเคยเห็นกลีบสวรรค์ของเธอมาแล้วแต่เหตุการณ์มันต่างกัน เมื่อคืนเขาเพ่งพิศไม่เต็มตานัก เนื่องจากอยู่ในห้วงอารมณ์ปรารถนา เวลานี้เขาไม่มีห้วงอารมณ์นั้นเลย ได้แต่นั่งจ้องกลีบสวรรค์ของเธอเขม็ง