8
“คุณคมน์จะรับกาแฟหรือว่าไข่ลวกดีคะ”
ป้าพุ่มเป็นคนเดียวที่กล้าถามเจ้านายหนุ่มอารมณ์ร้อนแบบนี้ คนที่ถูกถามตวัดสายตามองคนเก่าคนแก่เพียงนิด ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านข่าวสารบ้านเมือง
“ขอไข่ลวกก่อน เอาสักห้าฟอง”
คมน์ตอบขณะที่สายตากวาดอ่านตัวหนังสือบนหนังสือพิมพ์ ป้าพุ่มยิ้มก่อนจะเดินไปทำตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม ปกติคมน์ไม่ได้เป็นคนนอนตื่นสาย จะลงมารับประทานอาหารเช้าก่อนไปทำงานตรงต่อเวลาทุกวัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คมน์ลงมาสาย ไม่ได้สายแค่นาทีสองนาทีสายไปกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ลงมาล่าช้าอย่างนี้จะไม่ให้ป้าพุ่มถามแบบนี้ได้อย่างไร แล้วคงไม่ต้องถามถึงสาเหตุด้วยเพราะนางรู้ดีว่าต้นเหตุของการนอนตื่นสายในครั้งนี้ของคมน์คืออะไร เมื่อนึกถึงข้อนี้ นางอดห่วงคนที่อยู่ข้างบนไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
“จะให้หนูนานอนห้องไหนคะ?” ป้าพุ่มวางแก้วที่ใส่ไข่ลวกห้าฟองตรงหน้าคมน์ก่อนจะเอ่ยถาม
“เอาไว้ที่ห้องของผม”
ตอบเสร็จก็กลืนกินไข่ลวกที่ใส่อยู่ในแก้วทรงยาวรวดเดียวหมด ลุกขึ้นยืนคว้าเสื้อสูทที่พาดไว้บนพนักเก้าอี้มาสวมใส่ เตรียมตัวออกไปทำงาน
“วันนี้ผมจะกลับดึกหน่อย ป้าช่วยดูหนูนาด้วยก็แล้วกัน อย่าให้ตายก่อนล่ะ”
เขาเอ่ยบอกป้าพุ่ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหาร ตรงไปที่รถยนต์ของเขาทันที ป้าพุ่มส่ายหน้ากับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของคมน์ยิ่งนัก ผูกใจเจ็บไปเพื่ออะไร แก้แค้นไปทำไม ในเมื่อคนที่ทำความผิดจริงๆ ไม่ได้สำนึกในความผิดที่ตัวเองก่อเอาไว้เลย คิดแล้วอดเศร้าใจไม่ได้ ความรัก ความผิดหวังทำให้คนที่มีจิตใจดี มีความอ่อนโยนเปลี่ยนไปได้มากถึงเพียงนี้
ป้าพุ่มเดินเข้ามาในห้องของคมน์ในเวลาเกือบเที่ยง สายตาของนางมองร่างเล็กที่ยังคงหลับใหลบนเตียงนิ่ง ถอนหายใจออกมาด้วยความสงสารและหดหู่ใจ นางวางกระเป๋าเดินทางของรุจิเรศลงหน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเดินมาที่เตียงนอนเพ่งพิศมองดวงหน้างดงามหลับสนิทคล้ายกับอ่อนเพลียและอ่อนล้าไม่รับรู้การมาของใครทั้งสิ้น นางมองรุจิเรศด้วยสายตาที่อ่อนโยนมีเมตตา พลันสายตาสะดุดกับรอยเลือดจางๆ ที่ปรากฏบนผ้าปูที่นอน ทำให้ความสงสารเพิ่มพูนมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
“คุณหนูนา คุณหนูนาตื่นเถอะคะ เที่ยงแล้วนะคะ”
มือเกี่ยวย่นเขย่าลำแขนเล็กของคนที่นอนหลับ พร้อมกับร้องเรียกให้เธอตื่นจากนิทรา ป้าพุ่มทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเปลือกตาบางของคนที่หลับลึกค่อยๆ ขยับอย่างเกียจคร้าน ตั้งใจจะพลิกกายก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด ร่างกายทุกสัดส่วนตึงไปหมด
“ป้าพุ่ม” เธอพูดออกมาเบาๆ
“ตื่นเถอะคะ เที่ยงแล้วนะคะ ลุกไปอาบน้ำอาบท่าจะได้ลงไปทานข้าว”
นางพยุงสาวอ่อนแรงให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองสภาพของรุจิเรศตอนนี้แล้วนางถึงกับอยากจะร้องไห้ ผิวกายขาวผ่องมีรอยจ้ำแดงไปทั่วทั้งร่าง ลำคอมีอยู่สี่ห้าแก่ง ไม่คิดว่าคมน์จะหนักมือขนาดนี้
“หนูนาลุกไม่ไหว ปวดไปหมดเลยค่ะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกป้าพุ่ม นางจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาหนึ่งผืน ก่อนจะพันร่างเปล่าเปลือยของเธอ
“ไปค่ะ เดี๋ยวป้าอาบน้ำให้นะคะ”
ป้าพุ่มพยุงร่างของรุจิเรศให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะช่วยพยุงกายของเธอเดินไปที่ห้องน้ำ แต่กว่าจะเดินไปถึงใช้เวลาประมาณห้านาที ป้าพุ่มจัดการอาบน้ำ สระผมให้กับหญิงสาวเหมือนยายอาบน้ำให้หลานไม่มีผิด สายน้ำเย็นจัดช่วยให้ความอ่อนล้าของเธอลดน้อยลงไปได้ ทว่ามันยังไม่ทั้งหมดยังคงหลงเหลือความเจ็บปวดตามร่างกาย โดยเฉพาะกลีบดอกไม้สาว ตอนนี้บวมช้ำและแสบเป็นอย่างมาก ป้าพุ่มไม่เพียงแต่อาบน้ำให้เท่านั้น ยังแต่งตัวให้กับเธอ เป่าเส้นผมที่เปียกชุ่มจนแห้งสนิทอีกด้วย
“ขอเวลาป้าสิบนาทีนะคะ ขอป้าเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อน”
ป้าพุ่มบอกสาวน้อยที่นางพาไปนั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง ป้าพุ่มเดินไปหยิบผ้าปูที่นอนผืนใหม่ไปเปลี่ยนแทนผ้าปูที่นอนผืนเก่ายับยู่ยี่
“เดี๋ยวป้าจะยกอาหารมาให้นะคะ พอทานข้าวเสร็จแล้วก็ทานยาแก้อักเสบกับแก้ปวด แล้วคุณหนูนาค่อยนอนพักต่อนะคะ”
ป้าพุ่มเอ่ยบอกอย่างผู้ใหญ่ใจดี อีกฝ่ายพนักหน้ารับรู้ ก่อนที่ป้าพุ่มจะพยุงร่างสาวไปนั่งริมเตียง ไม่นานอาหารและยาก็มาวางอยู่ตรงหน้า เดือดร้อนป้าพุ่มอีกครั้ง เนื่องจากรุจิเรศไม่มีแรงที่จะยกช้อน ป้าพุ่มจึงทำหน้าที่ป้อนข้าวและยาให้กับเธอ
“นอนพักนะคะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้วป้าจะยกมาให้ทาน”
ป้าพุ่มดันร่างเล็กให้ล้มตัวลงนอนบนเตียง ห่มผ้าห่ม ลูบศีรษะของเธออย่างแผ่วเบา รุจิเรศหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน และหลับสนิทในเวลาอันรวดเร็ว ส่วนป้าพุ่มเดินไปจัดเรียงเสื้อผ้าของรุจิเรศเคียงคู่เสื้อผ้าของคมน์
รุจิเรศตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเที่ยงคืนกว่า หลังจากที่หลับยาวตั้งแต่ป้าพุ่มมาปลุกให้ทานอาหารและยาในตอนเย็น พอตื่นขึ้นมาแสงไฟจากหัวเตียงทำให้เธอรู้ว่า คมน์ยังไม่กลับบ้านหรืออาจจะไม่ได้นอนห้องนี้ เป็นการดีกับเธอไม่ใช่หรือที่เขาไม่ได้เข้ามาในห้องนี้ หากเขาเข้ามาเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะสนองอารมณ์ของเขาได้หรือไม่ หญิงสาวลุกขึ้นนั่งริมเตียงรู้สึกคอแห้งเป็นอย่างมาก เอื้อมมือหยิบแก้วน้ำที่วางตรงหัวเตียง ตั้งใจจะดื่มน้ำแต่ว่าน้ำในแก้วนั้นหมดไม่มีเหลือสักหยด ความกระหายน้ำทำให้เธอลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวเดินออกไปจากห้องจุดมุ่งหมายของเธอคือห้องครัว ดีที่ว่าป้าพุ่มเอายามาให้เธอทานไม่อย่างนั้นลุกไม่ขึ้นแน่ ความที่เธอเพิ่งมาอยู่ร่วมห้องกับคมน์ได้เพียงหนึ่งคืน จึงไม่รู้ว่ามีตู้เย็นขนาดเล็กตั้งอยู่มุมห้อง
“ห้องครัวไปทางไหนนะ”
เธอถามตัวเองเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่าง อาศัยแสงไฟดวงเล็กที่ติดไว้ข้างฝาผนัง พอมองเห็นทางอยู่บ้าง เธอมองซ้ายมองขวากำลังจะตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินไปทางซ้ายมือ เธอเดินไปเรื่อยๆ จนถึงทางแยกเล็กๆ เธอตัดสินใจเดินไปทางซ้ายมืออีกครั้ง ทางนี้ค่อนข้างมือทำให้เธอเดินชนอะไรบางอย่าง