กลับไปเยี่ยมบ้าน

1336 คำ
“จากเชียงใหม่นะพ่อ ใบชา น้ำผึ้ง แล้วก็ผ้าไหม ผ้าฝ้าย เอาไว้ให้แม่ตัดเสื้อผ้าไปเที่ยวไง” “พูดเหมือนแม่ชอบไปเที่ยวนะ” คนเป็นแม่หัวเราะขึ้น “ได้หยุดงานกี่วันล่ะ จะค้างไหมหรือกลับตอนเย็น” “ค้างครับพ่อ พรุ่งนี้สายๆค่อยกลับ” เขาตอบแล้วอดสนใจที่พ่อหัดเล่นอินเตอร์เนทไม่ได้ “พ่อให้ใครมาสอนละครับ” “ก็เด็กแถวนี้นั้นแหละ” “ดีเลย ผมจะได้คุยกับพ่อได้บ่อยๆ” “แกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน” “ครับพ่อ” ชายหนุ่มเดินผิวปากไปชั้นสองของบ้าน ห้องเดิมของเขาอยู่ข้างบน เสื้อผ้าข้าวของเขาก็ยังอยู่อย่างเดิม ตั้งแต่เขาแยกห้องนอน ห้องนี้ก็เป็นห้องของเขา เดิมที่ปู่ย่าเป็นชาวสวน ลูกๆหลายคนก็ได้ร่ำเรียนทำงานทำการดีกันหมด เรียกว่าไม่มีใครมีปัญหาให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายต้องทุกข์ร้อนใจ หรือเขาจะคิดไปฝ่ายเดียวก็ได้ กัมปนาถจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกับกางเกงเลสีน้ำเงินเข้ม เขาชอบแต่งตัวแบบนี้อยู่บ้านสวนสบายๆ ไม่ต้องอะไรมากมายนัก พอลงมาชั้นล่างก็ใกล้ได้เวลาอาหารเที่ยง พี่บัวชมพูให้เด็กช่วยยกอาหารมากินที่เรือนใหญ่ เพื่อที่ปู่ย่าจะได้ไม่ต้องเดินไปหาหลานๆ อาหารหลายอย่างแถมเป็นของโปรดทำให้เขาพลอยเจริญอาหารไปด้วย “ตกลงกลับตอนไหน” บัวถามย้ำอีกครั้ง “พรุ่งนี้สายๆพี่ แหม ถามบ่อยเหมือนกลัวว่าผมจะอยู่บ้านนาน” “บ้าซิ พี่จะได้เตรียมของกินไปให้เธอไง เอาไปเผื่อด้วย คนโสดตัวคนเดียวจะลำบากเรื่องอาหารการกินเอานะ” “ก็ไม่ลำบากเท่าไหร่ ฝากท้องกับร้านอาหารตามสั่งประจำนั้นแหละ” “มันไม่อิ่มหรอก” พี่บัวส่ายหน้าไปมา “เอาเถอะยังไงก่อนกลับไปก็ต้องไปเอากับข้าวบ้านพี่ก่อนนะ” “ครับพี่ ขอบคุณครับ” “จะให้ดี แกควรมีเมียได้แล้วนะตาเคน” คนเป็นปู่พูดขึ้น “แฟนยังไม่มี จะให้มีเมียแล้วเหรอครับ” กัมปนาถหัวเราะออกมา “หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ทำไมไม่มีแฟนเสียที หรือว่าชอบผู้ชายด้วยกัน” คราวนี้คนเป็นย่าถามด้วยสีหน้ากังวล “ย่าครับ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” “แต่ย่าเห็นนะ เดี๋ยวนี้ผู้ชายหล่อๆเค้าล่อ เอ๊ย เป็นแฟนกันเองเสียหมดจนผู้หญิงหาผู้ชายแท้ๆทำแฟนแทบไม่ได้” ท่าทางเอาจริงทำเอาหลายคนหัวเราะออกมา แต่เป็นจังหวะที่เสียงมอเตอร์ไซค์จอดหน้าบ้าน และครู่ต่อมาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มก็ก้าวเข้ามาแล้วยกมือไหว้ทุกคน “อ้าว ตาเปรม ลมอะไรพัดมาถึงนี่ล่ะ วันนี้ไม่มีสอนหรือจ๊ะ” บัวชมพูทักชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตลาย สก็อตสีดำแดงที่ยืนอยู่ตรงประตูบ้าน “วันนี้ผมลาครับ เมื่อเช้าพาคุณยายไปโรงพยาบาล” “อ้าว เป็นอะไรไปล่ะ” “ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ ไปตรวจตามหมดนัดเฉยๆ แต่คนที่บ้านไม่มีใครว่าง ผมก็เลยต้องลางานพาคุณยายไป” คนถูกทักยกมือไหว้ทุกคน แล้วใบหน้าคมเข้มเปื้อนหนวดคราวก็ยิ้มกว้างออกมา “กลับบ้านด้วยเหรอเคน” “เพิ่งมาถึงเมื่อเช้า” กัมปนาถเป็นเพื่อนกับเปรมตั้งแต่เรียนประถม เล่นซนเป็นลิงเป็นค่างให้ผู้ใหญ่ดุด่ากันเป็นประจำ จนเมื่อเขาสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในคณะสถาปัตยกรรม ส่วนเพื่อนรักเรียนจบเป็นครูพละและทำงานในโรงเรียนเอกชนไม่ไกลจากบ้านนัก บ้านของเปรมก็เหมือนคนแถวๆนี้ที่มีสวนผักหรือผลไม้ ครอบครัวของเปรมมีแผงผลไม้ในตลาดสดใหญ่แห่งหนึ่งด้วย “ผ่านมาพอดี ผมแวะเอาเบี้ยคนชรามาให้ครับ” “อ้าว เขาแจกกันแล้วเหรอ” “ครับ แจกกันแล้ว พอดีผมไปประชุมที่อ.บ.ต. เลยเซ็นรับมาให้เลย ไม่ว่ากันนะครับ” “ไม่เป็นไรหรอก บ้านเรามันอยู่ไกล เค้าเรียกประชุมอะไรไม่ค่อยได้ยิน” บัวชมพูพูดแล้วควักมือเรียกให้เข้ามาข้างใน เปรมเดินก้มหลังอย่างมีมารยาทเมื่อผ่านผู้ใหญ่แล้วเอาซองเงินไปให้พี่บัวชมพู เปรมหันไปยิ้มให้เพื่อนสนิท “ไม่เจอกันนานเลย” “กลับบ้านทุกเดือนนั้นแหละ แต่วันหยุดมันน้อย ก็เลยไม่ได้ไปหา” “เปรมรีบไปไหนหรือเปล่าละ กินข้าวกินปลาก่อนค่อยไปซิ” แม่ของกัมปนาถเอ่ยชวน “ถ้างั้นผมไม่เกรงใจนะครับ มีขนมจีนแกงเขียวหวานด้วย ของโปรดเลยครับ” “ไปหยิบจานในครัวมาไป” “ครับ” เปรมเดินไปในครัว เขาเข้าออกบ้านหลังนี้จนรู้ว่าอะไรอยู่ตรงนั้นแล้ว กัมปนาถลุกขึ้นขยับเก้าอี้ให้เพื่อนได้นั่งแทรกได้ถนัดๆ แล้วขนมจีนมื้ออร่อยที่กินกันพร้อมหน้าก็ผ่านด้วยรอยยิ้ม หลังกินข้าวเสร็จสองหนุ่มเพื่อนซี้ช่วยเก็บจานชามแล้วก็ไปเดินเล่นหลังบ้าน มีลำคลองสายเล็กๆ ไหลผ่าน สมัยเด็กๆ ทั้งคู่เคยแอบเอาเรือของคุณปู่ไปพายเล่น แต่ถูกจับได้โดนก้านมะยมตีจนน่องลายกันเลยทีเดียว สองหนุ่มเดินพ้นสายตาของผู้ใหญ่แล้ว เปรมก็หยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า เคาะบุหรี่ออกจากซองแล้วส่งเข้าปาก ก่อนจะยื่นไปทางกัมปนาถ แต่เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ เปรมยักไหล่แล้วหยิบไฟเช็กออกมาจุดม้วนบุหรี่ “ใครๆ ก็ว่าเราพานายเกเร” กัมปนาถหัวเราะ ตรงริมตลิ่งมีต้นมะพร้าวเอนต้นอยู่ พอจะนั่งเล่นได้สบายๆ “เราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนี่” เปรมดูดบุหรี่ปล่อยควันสีเทาลอยล่อง “นึกว่าเลิกดูดบุหรี่ไปแล้ว” ตอนเป็นวัยรุ่นพวกเขาเคยแอบดูดบุหรี่ แต่พอเรียนมหาวิทยาลัย กัมปนาถก็ไม่ได้แตะมันอีก ไม่ใช่อะไรหรอก เขาแค่รู้สึกว่ามันทำให้หายใจไม่สะดวก เหนื่อยง่าย แม้เพื่อนพี่จะดูดบุหรี่กันหลายคนก็ตาม “ก็เพิ่งกลับมาดูดไม่นานนี่แหละ” “ชีวิตครูพละมันเครียดมากหรือไง” กัมปนาถถามด้วยความเป็นห่วง ถึงนานๆจะเจอกันที แต่เปรมก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของเขาอยู่ “ทำงานกับเด็กมันก็สนุกดี แต่เบื่อระบบ เบื่อการเมืองในโรงเรียน” คนพูด พูดจบก็ดูดบุหรี่เข้าไปอีกอึกใหญ่ “เราเข้าใจ เราเองก็ทำงานกับความกดดันแถมยังมีเรื่องกำลังภายในในที่ทำงานอีก” “เก่งๆอย่างนาย ทำไมไม่ตั้งบริษัทเองวะ เงินทุนก็พอมีไม่ใช่เหรอ” “เงินของพ่อแม่ไม่อยากไปยุ่งนะ” “เราช่วยไหมล่ะ เรื่องเงินเราไม่เดือดร้อนนะ” “ขอบใจนะเพื่อน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก ทำบริษัทเองมันต้องใช้พลังงานเยอะ ตอนนี้ทำงานกินเงินเดือนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร หาประสบการณ์ไปด้วย สนุกดี” “ก็ดีแล้ว มีอะไรก็บอกเราได้ เรายังใช้โทรศัพท์เบอร์เดิมอยู่” เปรมทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนจะยกเท้าขยี้ให้มันดับ แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนสนิท “เราต้องกลับแล้วล่ะ วันไหนกลับบ้านมาก็โทรแล้วกัน เผื่อกินเหล้ากัน” “ได้ๆ คิดถึงวันที่เมาสาโทวะ” “ไอ้บ้า! เรื่องแบบนี้จำดีนักนะเว้ย” เปรมเดินกลับมาพร้อมกับกัมปนาถ ด้วยความสนิทสนมเขายกแขนขึ้นล็อกคอเพื่อนสนิทแล้วลากให้เดินมาพร้อมกัน ในขณะที่กัมปนาถเอาแต่หัวเราะ พอทั้งสองเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ เปรมก็ก้าวขึ้นคร่อมรถของตนเองแล้วสวมหมวกกันน็อก “เอาไว้เจอกันนะ” “เออๆ ขับรถดีๆล่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม