ห้องสุดท้ายของชั้นสาม

1334 คำ
เธอเป็นคนดูแลห้องพัก เธอจะไปทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ผู้เช่าคนคนอื่นก็ไม่ได้ร้องเรียน ก็แน่ละ ใครจะร้องเรียน ก็เพราะอีกห้องมันว่าง ห้องเธอมันห้องสุดท้าย ที่เจ้าของอพาร์เม้นต์ให้ผู้ดูแลพัก กึกๆ จารวีได้ยินเสียงอะไรสักอย่างกระแทกใส่ผนังห้อง เธอเอาหมอนออกจากหัวแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง ด้วยความสงสัยจึงแนบหูกับผนัง แล้วเธอต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง กึกๆถี่ๆหลายๆครั้ง เสียงเหมือนเก้าอี้กระแทกใส่ผนังห้อง นี่! บนเตียงไม่พอ ยังมาเอาบนเก้าอี้เรอะ! มันจะเยอะไปไหมเนี้ย จารวีอยากหวีดร้องแข่งกับห้องข้างๆ แต่กลับกลายเป็นว่าได้ยินเสียงข้างห้องร้องครวญครางหนักกว่าเดิม “โอ้ว ลึกจังผัวขา เมียเสียว เมียจะเสร็จแล้ว” เออ! เสร็จๆกันเสียที ฉันจะได้นอน! จารวีได้ยินข้างห้องแล้วก็เตรียมตัวนอน เสียงกระแทกกระทั้นทะลุผนังห้องดังพร้อมเสียงหวีดร้องอย่างกับคนถูกเฉือนโหยหวนจนหญิงสาวนึกถึงหนังสยองขวัญที่น้องชายชอบดูนักหนา เสียงเงียบลงไปแล้ว หญิงสาวถึงได้ถอนหายใจ ตบหมอนแล้วทั้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มสีฟ้าลายดอกไม้ขึ้นคลุม คราวนี้เธอจะได้หลับเต็มตาเสียที กึกๆ เฮ้ย! จารวีเปิดเปลือกตาแล้วร่างเพรียวก็ทะลึ่งลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียง “โอ้วว ซี๊ดดดดดดด” ไม่นะ! ไม่ใช่! ไม่จริง! อีตาบ้า ไอ้พวกตัณหากลับ ไอ้...ไอ้... แก! พวกแกทำให้ฉันไม่ได้หลับไม่ได้นอน ฉันจะแช่งพวกแก! จารวีได้แต่เดือดดาลทำอะไรไม่ได้ ทิ้งร่างลงนอนอีกครั้งพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงศีรษะ ไม่ซิ! จารวี! ลองคิดดีๆก่อนนะ เธอเป็นผู้ดูแลห้องเช่านี่ เพราะฉะนั้นมันต้องมีอะไรที่ทำได้มากกว่ามานอนด่าสาปแช่งให้เป็นเวรกรรมติดตัวเองไปเปล่าๆ อย่างน้อยเธอต้องทำจดหมายแจ้งเตือน พวกเขาจะได้อับอายที่ส่งเสียง “อย่างว่า” มารบกวนคนอื่นแบบนี้ แล้วจะทำยังไงไม่ให้เขารู้ว่าเธอเป็นคนเดือดร้อนล่ะ จารวีครุ่นคิดฟังเสียงข้างห้องจนผล็อยหลับไปในที่สุด แต่เธอรู้ว่าของแบบนี้มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟันเท่านั้น เช้าวันรุ่งขึ้น จารวีมั่นใจว่าตัวเองตื่นเช้ากว่าห้องข้างๆ แน่ๆ เธอเอากระดาษที่เขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดงไปแล้วเอากระดาษไปติดที่ประตูห้องก่อนที่ตัวเองจะรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว กัมปนาท สถาปนิกชายหนุ่มวัยยี่สิบแปด ตื่นมาพร้อมกับสดชื่น เขาเพิ่งกลับจากไปคุมงานที่ต่างจังหวัดเมื่อหลายวันก่อน กลับมาก็เจอเลขาฯหน้าห้องของหัวหน้าที่เคยเป็นกิ๊กเก่ามาชวนเล่นเสียวแก้เหงาตามประสา ‘ผัวเผลอแล้วเจอกัน’ “วันนี้เข้าออฟฟิศหรือเปล่า” เลขาฯ สาวหุ่นเร้าใจเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูของเขา แล้วหยิบเสื้อผ้าสวมเหมือนกับอยู่ห้องตัวเอง “ไม่ล่ะ ได้พัก” “เหนื่อยขนาดต้องพักเลยหรือคะ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นแน่ๆ” เขาหัวเราะ “ให้ผมไปส่งไหม?” “อย่าเลย ไม่อยากถูกจับผิด” เลขาฯคนสวยโน้มหน้าลงจูบแก้มเขาเบาๆ แล้วส่งยิ้มหวาน “เรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น” “เรื่องอะไรเหรอ ผมไม่เห็นรู้เรื่อง” เขายิ้มรับมุขของอีกฝ่าย หญิงสาวหัวเราะเดินไปสวมรองเท้าแล้วเปิดประตูห้อง แต่สายตาของเธอมองเห็นแผ่นกระดาษที่ติดหน้าห้องแล้วก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเธอเรียกชายหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นมอง นิ้วเรียวชี้ที่ประตูแล้วเดินจากไป กัมปนาทหรือเคน ลุกขึ้นมาที่ประตู เขาจ้องมองมันงุนงงแล้วดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่าน ลายมือเหมือนเด็กมัธยมแถมยังมีลายเส้นวาดเป็นรูปหมูพ่นไฟได้ “เรียนท่านเจ้าของห้อง โปรดอย่าส่งเสียงดังเวลากินส้มตำหลังเที่ยงคืน เกรงใจผู้เช่าห้องชั้นเดียวกันด้วยค่ะ” คราวนี้เขาถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะจนตัวงอ ใครหนอแปะไว้หน้าห้องแบบนี้ ก็เข้าใจได้นะเพราะว่าเสียงเลขาฯสาวไม่ได้เบาเลยสักนิด ยิ่งดุเด็ดเผ็ดมันก็ยิ่งเสียงดังไปใหญ่ แต่ไม่คิดว่าจะดังรบกวนห้องอื่น เอ...เท่าที่นึกออก ห้องข้างๆไม่มีคนอยู่นี่นะ แล้วห้องอีกข้างก็เป็นห้องผู้ดูแลอพาร์เม้นต์ แต่...ลายมือแบบเด็กๆ อย่างนี้ไม่น่าจะใช่นี่นะ แล้วใครล่ะ เขาเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกระดาษแผ่นนั้น จัดการอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปข้างนอก วันนี้ได้หยุดงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอย่างกัมปนาทจะเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องหรอกนะ ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ชุดทำงาน ใส่ตะกร้าเตรียมหิ้วลงไปร้านซักรีดที่ด้านล่างของตึก แต่ก่อนไป เขาหยิบปากกาเมจิกสีน้ำเงินมาเขียนต่อในกระดาษแผ่นนั้น แล้วเอาไปติดที่หน้าประตูห้องตัวเองตามเดิม กัมปนาทย้ายมาที่อพาร์เม้นต์นี่ได้ปีเศษๆ เพราะใกล้ที่ทำงาน บ้านของเขาอยู่ชานเมือง ขับรถไปกลับใช้เวลาหลายชั่วโมง ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ออกจากบ้านตีห้า มาถึงที่ทำงานโมงครึ่ง บางวันก็เกือบเก้าโมงพอดี จึงตัดสินใจหาที่พักใกล้ๆ ที่ทำงาน ทำให้เขาได้เวลาพักผ่อนมากขึ้น คราแรกดูห้องพักในคอนโด แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเช่าอยู่หรือเช่าซื้อดี จึงหาอพาร์เม้นตราคาไม่แพงอยู่ไปก่อน ไปๆ มาๆ ก็เคยชินอยู่มานานปีกว่าๆอย่างนี้ ชายหนุ่มหยิบกุญแจรถใส่กระเป๋ากางเกงยีนแล้วหิ้วตะกร้าผ้าลงมาที่ชั้นล่าง มองผ่านประตูกระจกไม่มีมีใครก็เคาะเรียกด้วยความเคยชิน “ค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ” เสียงหวานใสดังมาจากด้านหลัง เขาขมวดคิ้วด้วยไม่คุ้นเคย ไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวในชุดผ้ากันเปื้อนสีฟ้าลายจุดขาวก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ” “ครับ” เขานิ่งไปครู่หนึ่งเพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร “เอาผ้ามาซักหรือคะ” “ใช่ครับ” “เอาเข้ามาเลยค่ะ” หญิงสาวเดินไปเปิดประตูกระจกให้เขาเอาตะกร้าผ้ามาวางด้านใน “พี่สุไม่อยู่หรือครับ” “พี่สุคลอดลูกค่ะ ได้ลูกแฝดชายหญิงเลยไม่สะดวกมาดูแลร้านค่ะ” เธอหยิบสมุดรับงานมาจดรายละเอียดต่างๆ แล้วก็เงยหน้าขึ้น “คุณชื่ออะไรคะ” “เคนครับ เคน-กัมปนาท ห้องสามศูนย์หนึ่ง” “ค่ะ คุณเคนห้องสาม-ศูนย์-หนึ่ง” จารวีถึงกับสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า เขานะเหรอ? เจ้าของห้อง301เสียงสยองขวัญหลังเที่ยงคืน! “ครับ มีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร คุณเคนนะคะ ถ้าไงเสร็จแล้วจะโทรบอกค่ะ” “ครับ ...คุณมาใหม่” “เอ๋ อะไรนะคะ” “ก็ผมไม่รู้ชื่อคุณเลยเรียกว่าคุณมาใหม่” “ฉันชื่อจารวีค่ะ เรียกจ๋าก็ได้ เป็นรุ่นน้องพี่สุมาช่วยงานสักระยะค่ะ” เธอไม่อยากแนะนำตัวมากเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าเธออยู่ข้างห้องเขา แล้วนี่...เขาเห็นกระดาษแผ่นนั้นหรือยัง ทำไมหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนี้ล่ะ “นี่บัตรของคุณค่ะ” “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับกระดาษแผ่นนั้นมาแล้วเดินออกไป จารวีได้แต่ถอนหายใจโล่งอก เขาคงไม่รู้ว่าเธออยู่ติดกับห้องของเขา ป้าอมรเดินออกมาหลังจากจัดการอาหารเช้าของตัวเองเสร็จ “เอ๊ะ นั่นคุณเคนนี่น่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม