ตอนที่ 6
คฤหาสน์ ซางเหลี่ยง
รถยนต์สีดำคันหรูขับเคลื่อนเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์ชุดดำที่ยืนรักษาความปลอดภัยตามจุดต่าง ๆ ยืนตรงโค้งศีรษะทำความเคารพรถของผู้มีอำนาจรองจากนายหญิงของบ้าน ซึ่งก็คือนายใหญ่
“รถใครวะ” คิ้วหนาหม่นเข้าหากันเล็กน้อย สายตาเพ่งเล็งมองไปยังรถปอเซ่สุดหรูสีขาวที่ไม่คุ้นตาจอดสนิทอยู่ในโรงจอดรถ
“เพื่อนนายหญิงหรือเปล่าครับ”
“หรือว่าไอ้ยู!” เฟิงเฮยกำหมัดแน่น เมื่อคาดเดาได้อย่างนั้นความหึงหวงจึงบังเกิดทันควัน ส่งผลให้เลือดภายในกายเดือดปุด ๆ ราวกับน้ำร้อนในหม้อตั้งไฟแรง
“…” เฟิงเฮยเปิดประตูก้าวขาลงจากรถทันที เมื่อล้อรถจอดสนิท โดยไม่รีรอให้ลี่จิ่นมือขวาคนสนิทได้เปิดประตูตามหน้าที่ ลี่จิ่นมองตามหลังเฟิงเฮยที่ฉับบเท้าเดินตรงไปยังตัวบ้านท่าทางขึงขัง แล้วส่ายหน้าไปมาอย่างระอา ปกติผู้เป็นนายมีนิสัยใจเย็น แต่หากเมื่อไหร่หมดความอดทนจนโมโห หรือ เกิดหึงนายหญิงขึ้นมาเลือดจะร้อนเป็นพิเศษ
“นายหญิงอยู่ไหน?” เมื่อเฟิงเฮยเดินเข้ามาในบ้านก็ยิงคำถามกับสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดตรงทางขึ้นบันไดบ้านทันทีด้วยสีหน้าน่ากลัว ทำเอาสาวใช้คนดังกล่าวก้มหน้างุดกุมมือแน่น เนื้อตัวสั่นเทาอย่างฉับพลัน
“กะ…เก็บดอกกุหลาบอยู่สวนหลังบ้านค่ะ”
“…” คำตอบของสาวใช้พลอยทำให้เฟิงเฮยอารมณ์เย็นลงทันที
“แล้วรถใครจอดอยู่ในโรงจอดรถ?”
“คะ…คุณเฟยค่ะ”
“ไอ้น้องชายเองหรอกเหรอ” เฟิงเฮยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะเกือบสร้างเรื่องให้โดนเมียรักด่า “แล้วตาเฟยอยู่กับนายหญิงที่สวนหลังบ้านหรือเปล่า”
“ยะ…อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ” สาวใช้ยังคงหวาดกลัวนายใหญ่ของบ้านไม่หาย เธอตอบด้วยน้ำเสียงติดขัดทุกประโยค
“…” เมื่อได้รับคำตอบเฟิงเฮยก็เดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นทันที
“ไอ้น้องชาย”
ชายหนุ่มหล่อตาตี๋น้องชายนายหญิงของบ้านวัยสิบเก้าปีอยู่ในชุดนักศึกษา ละสายตาจากหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือหันมองไปตามเสียงขานเรียกของพี่เขย
“เฮียหวัดดีครับ” เฟยยิ้มร่าวางโทรศัพท์เครื่องหรูในมือ ยกมือขึ้นไหว้พี่เขยอย่างขอไปที
“ครับ มานานยัง?” เฟิงเฮยถามพลางหย่อนสะโพกนั่งบนโซฟาตัวยาวตรงข้ามกับน้องเมีย
“มารอเฮียสิบนาทีได้”
“รอเฮีย?”
“ครับ”
“พี่สาวเรารู้ยังว่ามา?”
“น่าจะยังมั้งครับ” เฟยยิ้มแหย ๆ
“มาไม่ไปหาพี่สาวก่อนระวังโดนบ่นไม่รู้ด้วยนะ”
“เอาน่าเฮีย เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ก่อนที่พี่จินจะเข้ามาขัดจังหวะ”
“เรื่องอะไรอีกล่ะ ถ้าเป็นเรื่องที่จะทำให้พี่สาวเราโกรธ เฮียไม่เอาด้วยนะ”
“คือรถผมพังน่ะ วันนี้เลยต้องยืมรถเพื่อนมาใช้ก่อน ที่ผมมา ผมอยากซื้อรถคันใหม่”
“เอาสิ ต้องการรถแบบไหนบอกเฮียมาได้เลย เฮียจัดให้ได้ทุกราคา ยกเว้นรถบิ๊กไบค์”
“แต่ผมอยากได้บิ๊กไบค์ครับเฮีย”
“งั้นก็ไปขอพี่สาวให้ได้ซะก่อน”
“ไม่ได้ชัวร์” เฟยว่าพลางทำหน้าเซ็ง เพราะรถบิ๊กไบค์เป็นสิ่งต้องห้ามที่ครอบครัวไม่ปล่อยให้ขับขี่อีกเด็ดขาด เนื่องจากเคยเกิดอุบัติเหตุจนอาการโคม่าตอนอายุสิบหก
“ก็รู้ดีหนิ เพราะงั้นรถบิ๊กไบค์ไม่ได้”
“แต่เฮีย ผมอยากได้จริง ๆ นะ”
“อยากได้อะไรตาเฟย” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้เฟยสะดุ้งหันขวับไปมองพี่สาวที่กำลังเดินตรงมา ใบหน้าหล่อแตกตื่นเล็กน้อย
“ทำไมทำหน้าตกใจงั้นอะ ฉันไม่ใช่ผีนะยะ”
“ก็ไม่ได้ว่าพี่เป็นผีซะหน่อย”
“กวนบาทานะไอ้น้องบ้า เดี๋ยวเถอะ!”
“…” เฟยไหวไหล่พลางเบ้ปากอย่างไม่เกรงกลัวต่อน้ำเสียงดุของพี่สาวที่ชี้นิ้วมองมาอย่างคาดโทษ ส่วนเฟิงเฮยก็นั่งอมยิ้มเงียบ ๆ
“มาก็ไม่บอกกันสักคำเลยนะ!” จินหมี่พูดเสียงแข็งอย่างตัดพ้อพลางทิ้งตัวนั่งกอดอกข้าง ๆ เฟิงเฮย
“ก็พี่อยู่สวนหลังบ้านไง ขี้เกียจเดิน”
“ข้ออ้าง!”
“งั้นก็แล้วแต่จะคิดแล้วกัน” เฟยเหลือบตามองบนใส่พี่สาวอย่างระอา
“เฮอะ!” จินหมี่เค้นเสียงในลำคออย่างหมั่นไส้แกมน้อยใจน้องชาย “แล้วตกลงเมื่อกี้คุยอะไรกัน อยากดงอยากได้อะไร?”
“…” เฟิงเฮยและเฟยหันหน้ามองกันโดยอัตโนมัติ เฟยส่งซิกให้พี่เขยทางสายตา ประมาณไม่ให้บอกให้พี่สาวรู้เรื่องที่คุยกันเมื่อครู่
“ว่ายังไง?” เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบจินหมี่จึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“รถตาเฟยพังน่ะ เลยจะขอซื้อรถบิ๊กไบค์แทน”
“…” คำตอบของพี่เขยทำเอาเฟยคอตก เพราะหากพี่สาวรู้ บิดามารดาก็จะรู้ด้วย คราวนี้โดนบ่นชุดใหญ่จนหูชาไปหลายวัน มิหนำซ้ำยังถูกตัดเงินเดือน
“ไม่ได้! เรื่องอื่นหยวน ๆ ได้ แต่เรื่องนี้เฟิงห้ามตามใจน้องอีกเด็ดขาด ไม่งั้นจินโกรธ!” จินหมี่ยื่นคำขาด ทำให้เฟิงเฮยยอมรับฟังอย่างจำนน แม้ว่าจะอยากช่วยเหลือน้องชายอย่างเคยก็ตาม
“แต่ผมโตแล้วนะพี่ ผมดูแลตัวเองได้”
“แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะจะทำยังไง เหล็กหุ้มหนังยังดีกว่าหนังหุ้มเหล็กอีกนะ”
“ขับรถแบบไหนถ้าไม่ระวังก็มีสิทธิ์ตายไหม?”
“ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่อนุญาต!”
“ผมซื้อเองก็ได้”
“ฉันจะฟ้องพ่อกับแม่”
“พี่จิน!”
“…” พี่น้องต่างไม่มีใครยอมใครนิสัยดื้อรั้นเหมือนกันทั้งคู่ ทำเอาคนกลางอย่างเฟิงเฮยถึงกับกุมขมับ สุดท้ายเฟยก็ต้องกลับไปมือเปล่า เพราะหัวเด็ดตีนขาดยังไงจินหมี่ก็ไม่ยอม
“…”
โรงแรม The Love
ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสสุดหรูชั้นดาดฟ้าของโรงแรม มีเพียงชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งเท่านั้น ที่กำลังดื่มด่ำไปกับรสชาติของอาหาร และ บรรยากาศยามค่ำคืน แสงไฟสลัว ๆ และ เสียงเพลงคลาสสิกสร้างความโรแมนติก อีกทั้งสายลมยังพัดผ่านโชยมาอยู่ตลอดเวลา
“อาหารอร่อยไหม?” เฟิงเฮยอยู่ในชุดสูทสีดำกึ่งทางการ ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มดูดี มองเมียรักที่กำลังตักอาหารเข้าปากเล็ก ๆ แววตาเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู จินหมี่แต่งตัวด้วยชุดเดรสสั้นสีครีมเรียบร้อย มัดรวบผมครึ่งหัวติดกิ๊ปด้วยโบว์ใหญ่สีชมพู ปล่อยปอยผมข้างแก้มใสอย่างน่ารัก
“อื้ม~ อร่อย” จินหมี่เคี้ยวอาหารในปากตุ่ย ๆ เฟิงเฮยยิ้มปริ่มดีใจที่เห็นเมียรักมีความสุข
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลยนะ”
“อยากให้อ้วนเหรอ”
“ไม่ว่าจินจะรูปร่างหน้าตายังไง เฟิงก็รัก”
“ให้มันจริงเถอะ”
“จริงแท้แน่นอน” เฟิงเฮยย้ำด้วยความมั่นใจ จินหมี่จิ๊ปากใส่คนรักด้วยความหมั่นไส้ แล้วตักอาหารบนจานทานต่อด้วยความเอร็ดอร่อย
“จิน”
“หืม?”
“เฟิงว่าที่จริงตาเฟยก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วนะ”
“แล้ว?” จินหมี่วางซ้อมและมีดข้างจานแล้วยกไวน์ขาวขึ้นจิบเบา ๆ พอให้รับรสชาติ ก่อนจะหยิบผ้าบนตักเช็ดบนริมฝีปาก
“เรื่องรถบิ๊กไบค์ยอมให้น้องซื้อดีไหม”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้! ต่อให้เฟิงจะหว่านล้อมจินยังไงก็ไม่ได้ผลหรอก” จินหมี่พูดดักทางคนรักไว้อย่างรู้ทัน
“แต่ที่จริงน้องพูดก็ถูกนะ จะขับรถแบบไหนถ้าไม่ระวังก็เกิดอุบัติเหตุได้อยู่ดี ยิ่งเราห้ามในสิ่งที่น้องชอบ น้องก็จะยิ่งรั้นอยากได้มันมากขึ้น วัยรุ่นสมัยนี้เลือดร้อนซะด้วย ร้ายแรงอาจถึงขั้นเป็นเด็กมีปัญหาได้เลยนะ คนเราบางทีกลัวมากเกินไปก็ไม่ดี”
“ก็เหมือนเฟิงสินะ ยิ่งห้ามก็เหมือนยังยุ”
“เราพูดเรื่องน้องอยู่นะ ไหงโยงมาถึงเฟิงได้ล่ะ” เฟิงเฮยใส่เสียงพูดเล็กน้อยกลบเกลื่อน
“ก็มันจริงอะ”
“พอ ๆ เลย! ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ยังไงจินก็ลองคิดดูอีกทีแล้วกัน”
จินหมี่จิ๊ปากใส่เฟิงเฮยที่รีบตัดจบทันทีที่เข้าเรื่องตัวเอง แต่ถึงอย่างไรในสิ่งที่เฟิงเฮยพูดก็ดูจะมีเหตุผล แต่กระนั้นเธอก็ยังรู้สึกหวั่นใจกับเหตุการณ์ที่น้องชายพบเจออยู่ดี ซึ่งผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่คงรู้สึกเช่นเดียวกับเธอเหมือนกัน
-----------------------------