ตอนที่9

1101 คำ
ฉันรีบตะครุบปากตัวเองทันที ส่วนแผ่นดินน่ะเหรอ หัวเราะจนตาเป็นสระอิเลย ฮือ ๆ ๆ ฉันอยากจะร้องไห้ ไม่ใช่เพราะเขาหัวเราะเยาะฉันนะ แต่เพราะเขากำลังหัวเราะต่างหาก! จากใจคนติ่งมาสามปี การที่ได้เห็นคนที่ชอบยิ้มและหัวเราะต่อหน้าแบบนี้ ทำคนตายได้เลยนะ! รุนแรงเกินหัวใจจะรับไหว TT “ออกยัง” ฉันถามเมื่อหยิบเอาเศษพริกออกจากมุมปาก “ยังมีอีกข้าง” เขาชี้ที่ข้างแก้ม นี่ฉันตะกละขนาดนี้เลยเหรอ! หมดกันภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์รักษามาสามปีของฉัน แผ่นดินยังคงหัวเราะต่อเนื่อง อันนี่เริ่มมั่นใจแล้วว่าหัวเราะในความเปิ่นของฉัน ถ้าเปิ่นแล้วหัวเราะแบบนี้ทั้งวัน ฉันจะตัวเปิ่น ๆ แบบนี้ตลอดไป ให้ตายสิ รอยยิ้มของเขามันน่ารักเป็นบ้าเลย! ทั้งฟันกระต่ายที่ไม่เท่ากัน ทั้งเขี้ยวเล็ก ๆ นั่น ฉันรักมัน! อยากจะยกกล้องโปรขึ้นมาถ่ายรูปนี้แล้วเอาไปอัดเฟรมสี่สิบนิ้วแปะฝาบ้านจริง ๆ! “ตรงนี้ต่างหาก” และวินาทีที่ฉันเกือบหยุดหายใจอีกครั้งก็มาถึง เมื่อจู่ ๆ เขาก็เอื้อมมือมาหยิบเม็ดข้าวที่ติดอยู่ข้างแก้มของฉัน เพียงแค่ปลายนิ้วที่สะกิดผ่านเบา ๆ ก็ทำเอาท้องไส้ของฉันปั่นป่วน รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยตัวบินวนอยู่ในท้อง ขอบคุณที่ผู้คนรอบข้างพร้อมใจกับส่งเสียงดังโดยมิได้นัดหมาย ไม่อย่างนั้นเขาต้องได้ยินแน่ ๆ ว่าหัวใจของฉันน่ะเต้นแรงแค่ไหน “...” วินาทีที่เผลอสบตา แม้จะไม่มีคำพูดออกมา แต่ฉันก็พอจะจับสัมผัสได้ เหมือนเขากำลังอ่อยเหยื่อ หลอกล่อให้ฉันเดินเข้าไปติดกับเองเสีย มันแปลกนะที่คนเพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวจะสามารถพูดคุยหยอกล้อกันได้ขนาดนี้ เหมือนเขารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่พูดมันออกมา แต่เขาจะรู้ไหมนะ ว่าฉันจริงจังกว่าที่เขาคิด ถ้าถามว่าฉันไปตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ คงต้องย้อนไปถึงช่วงปีหนึ่งเลยล่ะ ประมาณปลายปี ช่วงที่จัดกีฬามหาวิทยาลัย และฉันก็ต้องลงแข่งขันในฐานะตัวแทนของชั้นปีหนึ่ง ซึ่งไอ้คนที่ไม่เก่งกีฬาใด ๆ และเกลียดการใช้แรงงานที่สุดอย่างฉันเนี่ย โดนบังคับทางอ้อมให้ลงแข่งกระโดดไกล คิดสภาพสิ คนที่เล่นกีฬาไม่เป็น แม้แต่วิ่งยังหอบเหมือนหมาอย่างฉันเนี่ยนะ แล้วยังเป็นคนที่ไม่ได้มีความรู้ใด ๆ เกี่ยวกับการกระโดดไกลเลยด้วย สุดท้ายมันก็จบลงที่เส้นเอ็นฉีกขาดเพราะกระโดดลงพื้นผิดท่า เป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลย ตั้งแต่เกิดป๊ากับแม่ดูแลฉันเหมือนไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ขนาดเรียนอยู่ในโรงเรียน แม้แต่รอยขีดข่วนก็ยังไม่มี เรียกได้ว่าเซฟชีวิตฉันทุกย่างก้าว ทว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย ฉันก็ได้แผลทุกวันจนโดนยายมิ่งบ่น แต่กิจกรรมก็สนุกดีนี่นา ฉันแค่อยากจะลองทำอะไรหลาย ๆ อย่าง จะได้ไม่มานั่งรู้สึก… เสียดายทีหลัง กลับมาที่กระโดดผิดท่า คิดถึงตอนนั้นแล้วก็ได้แต่อาย เพราะนอกจากจะลงผิดท่าจนหน้าจูบทรายแล้ว ยังลุกไม่ขึ้นอีกด้วย แต่พระเอกขี่ม้าขาวที่มาช่วยฉันก็คือเขาคนนั้นนั่นแหละ เพื่อนร่วมรุ่นจากคณะเกษตรที่กำลังซ้อมฟุตบอลอยู่ข้าง ๆ เขาให้ฉันยืมหลังพิงตัวและยังแบกไปส่งถึงห้องพยาบาล ระหว่างที่เดินฉันกลั้นความเจ็บแทบตาย แต่เพราะคำพูดง่าย ๆ คำเดียวของเขากลับทำให้ฉันถึงกับปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็ก ๆ “จะร้องก็ได้ ถ้ามันเจ็บมาก ยิ่งทนจะยิ่งเจ็บนะ” เขาโอ๋ฉันเหมือนเด็กอนุบาลเลย แต่มันสัมผัสได้ว่าเขาเป็นห่วงอย่างจริงใจ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แต่ก็ยังช่วยเหลือ แถมยังอยู่เป็นเพื่อนจนทำแผลเสร็จอีกด้วย สีหน้าอ่อนโยนของเขาในตอนนั้นยังติดตาอยู่เลย และฉันก็โดนเขาปักธงรักเข้าอย่างจัง เหลือเวลาอีกเกือบสองเดือนในการเตรียมตัวเข้าค่าย แน่นอนว่าคนอ่อนแออย่างฉันน่ะต้องไปออกกำลังกาย จริง ๆ คือฟิตเนสในหอพักก็มีให้ใช้นะ แต่ไม่ยอมใช้ กระเสือกกระสนไปถึงฟิตเนสของมหาวิทยาลัยที่เปิดให้นักศึกษาผู้รักสุขภาพทั้งหลายใช้ฟรี สุดท้ายพอไปถึงก็ต้องกินแห้วเมื่อไม่เห็นเขาในนี้ ทั้งที่ปกติเขาจะต้องมาที่นี่ทุกวันพุธ สุดท้าย แผนการเสนอหน้าไปให้เห็นบ่อย ๆ ของวันนี้ก็ล่มเพราะเจ้าตัวดันไม่อยู่ให้เจอซะได้ ไปไหนของเค้านะ หรือจะอยู่ที่สวนดอกแก้ว สวนดอกแก้วที่ว่าก็คือสวนสาธารณะริมน้ำของมหาวิทยาลัย เป็นอีกที่ยอดนิยมที่นักศึกษาชอบมาออกกำลังกาย เมื่อก่อนฉันก็ไปวิ่งที่นั่นเพราะโดนมิ่งขวัญบังคับลากไป แต่พอย้ายหอก็ไม่ได้ไปอีกเลย โชคดีเท่าไหร่ที่เป็นคนกินแล้วไม่อ้วน แต่ตอนนี้ภูมิแพ้ดันกำเริบขึ้นมาแทนซะอย่างนั้น พอคิดได้ว่าไม่อยากเป็นภาระใคร ก็ต้องสร้างร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้ นั่นไง! เจอแล้ว! ฉันเจอเขาแล้ว! ฉันรีบหาที่จอดรถมอเตอร์ไซต์แล้วเดินเข้าไปข้างในทันที เห็นเขากำลังวิ่งอยู่ไกล ๆ บางทีอาจจะต้องรอให้ใกล้กว่านี้… ฉันเดินยืดเส้นยืดสายไปเรื่อย ๆ พอรอเวลาที่แผ่นดินจะวิ่งวนเข้ามาใกล้ และที่สำคัญ ก่อนวิ่งต้องวอร์มร่างกายด้วย ไม่อย่างนั้นจากร่างกายแข็งแรงอาจจะได้นอนแห้งบนเตียงแทน เพราะฉันเคยฝืนมาแล้ว นอนเป็นผักเปื่อยจริง ๆ ค่ะ เดินไปไหนไม่ได้เพราะเส้นเอ็นอักเสบ เดือดร้อนมิ่งขวัญที่ต้องคอยดูแลฉันตลอดเวลา แถมยังไม่ได้ไปเรียนจนเกือบโดนอาจารย์หักคะแนนจิตพิสัย เพราะอย่างนี้ถึงไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระของใครถ้าไม่จำเป็น และฉันก็ควรจะช่วยเหลือตัวเองก่อน เรื่องจีบผู้ชายก็เช่นกัน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม