หวงก้าง 2/4

1366 คำ
“น้องมิรินใช่ไหมครับ” ในระหว่างที่ฉันกำลังยืนดูกลุ่มเพื่อนของราเรซ ก็มีผู้ชายผิวขาวใสเดินเข้ามาทัก ฉันหันมามองหน้าเขา ใช้สายตาเพ่งมองเพื่อนึกให้ออกว่าเคยเจอกันหรือเปล่า เพราะเขาเป็นคนเข้ามาทักฉันก่อน แถมยังรู้จักชื่อฉันอีก “พี่เฟยเองครับ” เขาเฉลยชื่อของตัวเองทันทีที่ฉันขมวดคิ้วเป็นปม ฉันนึกไม่ออกจริงๆ อ่ะ พี่เขาดูเปลี่ยนไปเยอะมาก ดูขาวขึ้น จมูกก็โด่งขึ้นด้วย “ออ ค่ะ” ฉันยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “น้องมิรินนี่ สวยขึ้นเยอะเลยนะครับ พี่เกือบจำไม่ได้เนะ ดีนะ ที่คุณแม่เฌอรีนส่งรูปน้องมิรินมาให้พี่ดูก่อน” ระหว่างที่สนทนากัน พี่เฟยนี่ฉีกยิ้มให้ฉันตลอดเวลาเลย เหงือกแห้งแล้วมั้งนั่น “ค่ะ” “เราไปกันเลยไหม คุณแม่เฌอรีนบอกว่า น้องมิรินยังไม่มีชุดใส่ไปงานเลี้ยงต้อนรับพี่เลย เดี๋ยวพี่พาไปซื้อนะ” ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่เฟยก็ร่ายยาวเอาเองเสร็จสับ ฉันเนี้ยนะไม่มีชุด เหอะ! ฉันมีชุดเต็มร้านเลย ขอบอก... เพราะฉันกับพ่อมิโน่เปิดร้านเสื้อผ้าเป็นแบรนด์ของตัวเองอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง มีทั้งแบบตามสมัย แบบวัยรุ่น แบบออกงานสังคม ร้านฉันมีทุกแบบค่ะ แล้วเสื้อผ้าทุกชิ้นในร้าน ฉันก็เป็นคนออกแบบเองด้วย นี่คงไม่มีข้ออ้างอย่างอื่นแล้วสินะ แม่เฌอรีนของมิริน “ยัยมิรินนะเหรอคะ ไม่มีชุด” บัวตองพูดพร้อมกับกลั้นขำ “ก็คุณแม่เฌอรีนบอกมาแบบนั้นนะครับ” พี่เฟยตอบด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ เขาพึงกลับมาจากต่างประเทศนี่เนอะ คงไม่รู้หรอกว่าฉันมีร้านเสื้อผ้า “พี่เขาพึ่งกลับมาจากต่างประเทศอ่ะแก” ฉันกระซิบบอกเพื่อน ซึ่งบัวตองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังแอบขำอยู่ ไม่รู้ว่าขำพี่เฟย หรือขำกับข้ออ้างที่แม่ฉันบอกพี่เฟยมากันแน่ “พี่เฟยค่ะ ให้บัวตองไปด้วยนะคะ พอดีว่า การเลือกชุดเนี้ย ต้องมีเพื่อนผู้หญิงที่รู้ใจไปช่วยเลือกด้วย ไม่งั้นมิรินเลือกไม่ถูกนะคะ” ฉันยิ้มให้พี่เฟย แอบส่งสายตาอ้อนนิดๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้พี่เฟยหน้าแดงขึ้นมาอย่างง่ายดาย “ครับ” พี่เฟยเดินนำฉันกับเพื่อนมายังรถของพี่เขา ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากตรงที่ยืนคุยกันเมื่อกี้สักเท่าไร พี่เฟยเปิดประตูรถด้านหน้าที่นั่งคู่กับคนขับให้ฉัน เมื่อเห็นดังนั้นบัวตองจึงเปิดเข้าไปนั่งด้านหลังรอ ฉันกำลังจะก้าวขาเข้าไปนั่งในรถ ก็มีเสียงเรียกทักขึ้นมาก่อน “จะไปไหนกันเหรอครับ” ราเรซนั่นเอง พร้อมกับเพื่อนอีกสามคน เดินตรงมาที่ฉันกับพี่เฟย “ไปร้านเสื้อผ้า” ฉันตอบน้องชาย “ไปดูร้านเหรอ” ราเรซถาม “เปล่า จะไปซื้ออ่ะ” ราเรซเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ เมื่อฉันบอกว่าจะไปซื้อเสื้อผ้า ก็นะ.. ฉันชอบใส่เสื้อผ้าของร้านตัวเองมากกว่า เพราะมันถูกใจฉันที่สุด การที่บอกว่าจะไปซื้อเสื้อผ้านี่มันก็เลยค่อนข้างเป็นที่แปลกใจของคนที่รู้จักฉันดี “แล้วนี่ใครครับ” ราเรซเหล่ตามองพี่เฟยเล็กน้อย ก่อนจะหันมาถามฉัน “ออ นี่ พี่เฟยหลายชายเพื่อนคุณตา” ฉันตอบน้องชาย “ออ... จำได้ล่ะ นึกว่าใคร พี่เฟยหลานชายเพื่อนสนิทของปู่นี่เอง” ราเรซพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ พี่เฟยหันมามองหน้าฉันอย่าง งงๆ ที่ราเรซรู้จักเขา “พี่เฟยจำราเรซได้ไหมคะ น้องชายมิรินไง” ฉันบอกพี่เฟย ซึ่งเขาก็ทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง “ออ พี่จำได้ล่ะ แหมโตขึ้นเยอะเลยนะ ตอนเด็กหน้าตากวนยังไง โตขึ้นก็ยิ่งหน้าตากวนเข้าไปอีก” พี่เฟยยิ้มให้แบบหยิ่งนิดๆ “ครับ พี่ก็เหมือนกัน ไม่เจอกันนาน เหมือนจะมีดั้งขึ้นมานะเนี้ย เรซจำได้ว่า.. เมื่อก่อน...ไม่มีนี่ครับ” ราเรซยกยิ้มมุมปากอย่างกวนๆ ซึ่งทำให้พี่เฟยแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “นั่นรถน้องเรซเหรอครับ รุ่นนี้มันก็แรงแค่โปรชัวร์เท่านั้นแหละ สู้รถพี่ก็ไม่ได้ พึงถอยมาเมื่อวานนี้เอง แรงใช่ได้อยู่นะ พี่ไปลองที่สนามแข่ง บีพีเรซซิ่งมาแล้ว รู้จักไหม” จู่ๆ พี่เฟยก็เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา เหมือนจะหาเรื่องมาคุยทับกันให้ได้อ่ะ รู้สึกว่าพี่เฟยนี่ขี้โม้จัง เขาจะรู้ตัวไหมนะ ว่าหนึ่งในสี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้านั่นน่ะ มีหนึ่งคนที่เป็นนักแข่งและก็เป็นเจ้าของสนามแข่งที่พี่เฟยเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้ “สนามเขาใหญ่นะนั่น พี่เข้าไปได้ไงครับ” เลโอถาม พร้อมกับรอยยิ้มทะเล้น “พอดีว่า พี่เป็นเพื่อนกับลูกชายเจ้าของสนามน่ะนะ” พี่เฟยยิ้มให้อย่างโชว์เหนือ “เพื่อนมึงเหรอ ไอ้ไบค์” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ “กูก็ งงๆ อยู่เนี้ย” บิ๊กไบค์ตอบอย่างขำๆ “บอกว่าถอยมาเมื่อวาน แล้วไปลองตอนไหนวะ” โต้งถามพี่เฟยด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง แต่แววตานี่พร้อมเอาเรื่องตลอดเวลาอ่ะ “ซื้อแล้วก็ไปลองเลยไง” พี่เฟยตอบ “ขี้โม้ว่ะ” โต้งว่า “ใครขี้โม้ อยากจะลองไหมล่ะ” พี่เฟยท้า “มาดิ” “เออ มิรินว่าเราไปกันดีกว่าเนอะ” ฉันรีบห้ามทัพก่อนที่จะเกิดสงคราม “ใครไปถึงห้างก่อน คนนั้นชนะ” ราเรซบอก ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถของพี่เฟย ก็โดนมือหนาของใครบางคนคว้าหมับ ก่อนจะออกแรงลากให้ฉันมาขึ้นรถหรูสีแดงของเขา “น้องมิริน!” เสียงพี่เฟยเรียกอยู่ด้านนอกรถ ในระหว่างที่พี่เฟยตะโกนโวยวายอยู่นั้นรถหรูสี่คนสี่สีก็ได้เลี้ยวรถมาเรียงตัวเป็นแถวหน้ากระดานเตรียมจะออกตัวกันอยู่แล้ว “พร้อมยัง” โต้งลดกระจกลงแล้วตะโกนถามพี่เฟย ซึ่งกำลังทำหน้าเริกลักไปไม่เป็นอยู่ในตอนนี้ ปี๊ดๆ ๆ ๆ ๆ “จะแข่งไหม ไม่งั้นจะแข่งกันเองแหละ” ราเรซบีบแตรเสียงดังลั่น เพื่อกระตุ้นพี่เฟย เมื่อโดนราเรซบีบแตรใส่ พี่เฟยก็รีบกลับขึ้นรถของตัวเอง แล้วก็ออกตัวก่อนรถของโต้งและเพื่อนซะอีก “ออกตัวก่อนกูอีก สัส!” ฉันหันมามองหน้าโต้งอย่างตำหนิ ที่เขาพูดคำหยาบออกมา “ทำไม ข้องใจไร” โต้งหันมาถามฉันแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองที่ถนนด้านหน้าต่อ “พูดไม่เพราะ” ฉันนั่งกอดอกบ่นเข้าให้ “พูดเพราะแล้วไง พูดเพราะแล้วได้มิรินป่ะล่ะ ถ้าได้ เดี๋ยวจะพูดให้ฟัง” ฉันหันขวับมามองหน้าโต้งอีกครั้งด้วยความตกใจกับคำพูดที่แสนจะตรงไปตรงมาของเขา สายตาของโต้งยังจ้องมองที่ท้องถนนอยู่ เขาดูจริงจังมาก ไม่รู้ว่าจริงจังกับการแข่งหรือจริงจังกับคำพูดเมื่อกี้กันแน่ ฉันล่ะสายตาจากใบหน้าคมเข้ม มองไปยังเข็มไมค์ที่กำลังชี้ไปที่เลขร้อยสี่สิบ ฉันหันกลับมานั่งตัวตรง พร้อมกับดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดตัวไว้ ฉันนั่งหลับตาไปตลอดทางไม่กล้ามองอะไรอีกเลย หูได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มเป็นระยะๆ ฉันจะตายไหมเนี้ย ทำไมต้องมาท้าแข่งอะไรกันแบบนี้ด้วยนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม