ห้างสรรพสินค้า.....
“ลืมตา”
ทันทีที่ลืมตาขึ้น สายตาของฉันก็สบเข้ากับตาคมที่ห่างจากหน้าฉันไม่ถึงคืบ แล้วรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แววตาดูร่าเร่งและสดใส เสียงหัวใจของฉันเต้นถี่แรง เมื่อได้มองหน้าเขาใกล้ๆ นี่ฉันโดนเจ้าเด็กบ้านี่ทำของใส่หรือเปล่านะ ทำไมฉันถึงล่ะสายตาจากใบหน้าของโต้งไม่ได้เลย ทำไมเขาถึงได้หน้ามองขนาดนี้ ผิวเนียนมาก เขาใช้ครีมบำรุงยี่ห้ออะไร ฉันจะได้ไปหาซื้อมาใช้บ้าง
“จ้องขนาดนี้ ไม่กินเลยล่ะ” โต้งกระซิบบอกชิดริมหู และนั่นก็ทำให้ฉันพึ่งได้สติขึ้นมา รีบยกมือบางขึ้นมาดันอกแกร่งของโต้งเบาๆ เพื่อให้เขาขยับถอยออกไป แต่มือหนากลับรวบมือบางของฉันไว้ด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว
“พูดบ้าอะไร ใครอยากกินนายมิทราบ” ฉันโต้กลับ พร้อมกับพยายามดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของมือหนา
“ก็อยากให้กินอ่ะ” โต้งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย
“ไม่กินย่ะ ปล่อยได้แล้ว” ฉันกลิ้งลูกตาไปที่มือ ด้วยแววตาไม่พอใจนิดๆ แต่โต้งกลับนั่งนิ่ง ไม่ได้สนใจแววตาไม่พอใจของฉันเลยสักนิด
เอี๊ยดดดดดดด
เสียงเบรกรถดังสนั่นลั่นลาดจอดรถของห้าง ฉันหันไปมองก็เห็นรถของพี่เฟยเลี้ยวเข้ามาจอด
“ชอบมันหรือเปล่า ไอ้หน้าอ่อนนั่น” ฉันหันกลับมามองใบหน้าของโต้ง สายตาของเขาดูนิ่งมาก นิ่งจนเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ หรือรู้สึกอย่างไร ทำไมถึงได้เปลี่ยนอารมณ์เร็วจัง เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่เลย
“เปล่า” ฉันตอบโดยที่ไม่หลบสายตาของเขา
“แล้วทำไม ไม่ปฏิเสธไปล่ะ”
“แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ” ฉันไม่ตอบเขา แต่แกล้งถามกลับอย่างกวนๆ ฉันแค่อยากจะแกล้งเขาเฉยๆ ไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาไม่พอใจ
โต้งปล่อยมือออกจากมือของฉันทันที แล้วก็หันไปมองกระจกส่องหลัง
“ปฏิเสธให้เหมือนกับที่ปฏิเสธโต้งไง” พอพูดจบโต้งก็เปิดประตูลงจากรถไปในทันที ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างอึ้งๆ เขาประชดฉันสินะ รู้สึกไม่ดีเลยอ่ะ ไม่น่าพูดแกล้งเขาไปแบบนั้นเลย และในจังหวะเดียวกัน พี่เฟยก็เดินมากระชากประตูรถฝั่งที่ฉันนั่งอยู่ออกอย่างแรง เดี๋ยวประตูรถเขาก็พังหรอก ถ้าทำรถเขาพังนี่ คิดว่าจะยังมีชีวิตอยู่ไหม...
“น้องมิรินเป็นไงบ้างครับ ตกใจหรือเปล่า” พี่เฟยเข้ามาดึงแขนฉันให้ลงจากรถของโต้ง พร้อมกับกุมมือฉันไว้แน่น
“มิรินไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบพี่เฟย และพยายามดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของพี่เฟย
“พี่ไม่อยากขับรถเร็ว กลัวว่าจะทำให้เพื่อนของน้องมิรินตกใจกลัวก็เลยมาถึงทีหลัง” พี่เฟยรีบแก้ตัวทันที เพราะรถของเขามาถึงทีหลังคนอื่นๆ
“ขับอย่างกับเต่า ยังกล้าไปท้าเขาอีก” บัวตองเดินมาหาฉัน พร้อมกับบ่นเสียงดัง
“ใช่ไหมครับ บัวตอง” เลโอเดินเข้ามาทักบัวตองด้วยรอยยิ้มแสนทะเล้นของเขา
“ใช่ค่ะ” บัวตองรีบส่งยิ้มหวานให้เลโอทันที ยัยนี่ เร็วจริงๆ ฉันส่ายหน้าให้เพื่อนอย่างรู้ทัน เมื่อบัวตองหันมาขยิบตาให้ฉันหนึ่งที
“ไปหาพ่อมิโน่กัน”
ราเรซเดินเข้ามากอดคอฉันกำลังจะพาเดินเข้าไปในห้าง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อพี่เฟยกุมมือฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ราเรซต้องหันหน้ากลับไปมองด้วยสายตาพิฆาต
“จะจับอีกนานไหม พี่น้องเขาจะเดินคุยกัน” ราเรซเหล่ตามองที่มือของฉันกับพี่เฟย แต่พี่เฟยกลับทำนิ่งเฉย แกล้งไม่เข้าใจในสิ่งที่ราเรซสื่อ
พรึบ!!
“โอ๊ย!!” เสียงพี่เฟยร้องลั่น ก่อนที่เข่าของพี่เฟยจะซุดลงกับพื้นอย่างแรง ด้วยฝีมือของคนที่เดินตามมาทีหลังอย่าง...โต้ง เขาเดินมายกเท้าถีบที่ข้อพับของพี่เฟย ทำให้เข่าของพี่เฟยซุดลงกับพื้นทันที และก็ทำให้มือของฉันเป็นอิสระจากมือของพี่เฟยด้วย
ฉันหันไปมองหน้าโต้ง ซึ่งเขาก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างกวนๆ ส่งมาให้ฉัน พร้อมกับยักไหล่ให้หนึ่งที ประมาณว่า...ช่วยไม่ได้ เพราะมันดันหน้ามึนเอง (ถ้าเฮียโต้งพูดก็จะประมาณนี้)
“อ้าว! อยากทดสอบความแข็งแรงของพื้นกระเบื้องเหรอครับ” บิ๊กไบค์เดินเข้ามาถามอย่างกวนๆ พร้อมกับกอดคอโต้งให้เดินเข้ามาในห้างพร้อมกัน
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ”
แล้วทั้งสี่หนุ่มก็ยืนขำพี่เฟยกันยกใหญ่ คนที่เดินผ่านไปมามองมาที่พวกเราเชิงตำหนิที่เสียงดัง เด็กพวกนี้มันร้ายกันจริงๆ แกล้งคนเขาไปทั่ว ฉันก็สงสารพี่เฟยอยู่นะ แต่ว่า.. เพราะเขาไม่ยอมปล่อยมือฉันเอง ถึงได้โดนพวกสี่กุมารแกล้งเอา เมื่อไม่มีคนฉุดฉันไว้แล้ว ราเรซก็กอดคอฉันเดินเข้ามาในห้างทันที พร้อมกับขำไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ใช่ว่าฉันเห็นด้วยกับโต้งที่แกล้งพี่เฟยนะ แต่เป็นเพราะฉันรู้นิสัยของพวกเขาดีต่างหาก ต่อให้ฉันดุ ด่า ว่ายังไง พวกนั้นก็ไม่สนใจอยู่ดี แก๊งนี้หน้ามึนทั้งแก๊งค่ะ บอกจนปากฉีกก็ไม่ฟังหรอก
ร้าน M M Shopping
ฉันถูกน้องชายลากคอเดินมาตลอดทางจนถึงร้านเสื้อผ้าของฉัน เมื่อเดินเข้ามาในร้านพนักงานต่างก็หันมาทำความเคารพพร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างทักทาย ก่อนที่จะส่งยิ้มหวานไปให้หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างฉัน ราเรซนั่นเอง และเพื่อนของน้องชายอีกสามคน
“พึ่งมาทำงานเหรอครับ ไม่เคยเห็นหน้าเลย” เลโอเดินเข้าไปทำความรู้จักกับพนักงานคนใหม่ของฉัน ทั้งที่พึงเดินมากับบัวตองแท้ๆ โดนสลัดทิ้งกลางอากาศเลยเพื่อนฉัน
บัวตองเดินทำหน้าเซ็งๆ มาหาฉัน เมื่อโดนเลโอสลัดทิ้งในเวลาอันรวดเร็ว มันไม่ไช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่ผู้ชายกลุ่มนี้จะจริงจังกับใครสักคน คนคนนั้นต้องพิเศษสำหรับเขามากๆ ถึงจะเป็นตัวจริงของพวกเขาได้
“ไงแก” ฉันทักบัวตองเมื่อเธอเดินมาถึงตัวฉัน
“โดนเทอ่ะ ยังไม่ถึงสามสิบนาทีเลย เฮ้อ....” บัวตองทำหน้าหงอย ดูก็รู้ว่าเธอแกล้งทำ เธอไม่ได้เสียใจจริงๆ หรอก
“ไม่เป็นไรนะ” ฉันตบไหล่เพื่อนเบาๆ อย่างปลอบใจ แสล้งทำหน้าเศร้าอย่างเห็นใจ ฉันจำต้องแสดงบทเพื่อนที่แสนดีไปกับบัวตอง เพราะยัยเพื่อนตัวดีแกล้งดราม่าใส่ซะได้
“ทิ้งฉันได้ไง ฉันออกจะสวย คอยดูนะ ถ้าหันกลับมามองฉันเมื่อไร ฉันจะเมินใส่เลย ขอบอก..” บัวตองพูด พร้อมกับโพสต์ท่าที่คิดว่าดูสวยที่สุด
“คริๆ ยัยบ้า” ฉันอดขำกับท่าทางของเพื่อนไม่ได้
“ฉันได้ยินมาว่า ลูกชายเจ้าของห้างนี้น่ะ หล่อมาก แกรู้จักเขาป่ะ” บัวตองถามอย่างตื่นเต้น เมื่อนึกถึงผู้คนใหม่ได้
“รู้สิ”
“หล่อไหม” บัวตองถาม
“หล่อมากกกก”
“เหรอๆ ติดต่อให้ฉันหน่อยสิ” บัวตองเอื้อมมือมากุมมือของฉันพร้อมกับแกว่งไปมาอย่างตื่นเต้น
“ก็ เลโอไง ลูกชายเจ้าของห้าง” ฉันตอบเพื่อนพร้อมกับกลั้นขำไปด้วย เมื่อบัวตองทำหน้าหวออย่างตกใจ
“ที่บอกว่าจะเมินเขาเมื่อกี้อ่ะ ฉันพูดเล่นนะ คริๆ ๆ ๆ ”
แล้วเพื่อนฉันก็กลับคำทันทีที่รู้ว่าลูกชายเจ้าของห้างคือใคร ฉันได้แต่ยืนขำกับท่าทางของบัวตองที่ตอนแรกบอกจะไม่สนใจเลโอแล้ว แต่ตอนนี้กลับเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างเลโอกับพนักงานคนใหม่ของฉันซะได้