ผมคิดไปถึงข่าวการถูกข่มขืนที่เคยเห็นในทีวี ตอนนั้นแค่สงสารเห็นใจเหยื่อแต่ไม่ได้รู้สึกอะไรลึกซึ้งอย่างในตอนนี้ ตอนที่ผมคือคนที่กำลังจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งของสำนักพิมพ์ทุกฉบับ ฟีตข่าวติดเทรน จากการเป็นเหยื่ออาการรัทของอัลฟ่า
ผมอยากจะงัดวิชาต่อสู้ทั้งหมดที่เคยรู้ออกมาใช้ แต่ร่างกายมันไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ผมไม่รู้ว่าทำไมไอ้หมอนี่ถึงทำให้ผมขนหัวลุกปลอดแหกได้ขนาดนี้
ไม่ใช่เพราะมันตัวใหญ่กว่า แต่เป็นพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น แขนขาอ่อนแรง คล้ายตอนที่เราเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย
ผมจุก ผมเจ็บ ผมหอบ ตัวสั่นพั่บๆ อย่างกับลูกนกตกรัง
ขณะที่ผมยังรู้สึกตัวแต่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ผมถูกทุบอีกครั้งเพราะพร่ำคำวิงวอนคงทำให้มันหนวกหู ตอนนี้ร่างผมจึงถูกตรึงไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา ซึ่งไม่ได้จำเป็นเลย เพราะแค่ลำพังจะหายใจยังยากเลย
ไอ้เชี่ยบอสแข็งแรงและตัวใหญ่โคตรๆ ยิ่งอยู่ใกล้ๆ ยิ่งเห็นกล้ามเนื้อสวยสมบูรณ์แบบได้ชัด แต่ผมไม่มีอารมณ์มาชื่นชมคนที่กำลังจะทำลายชีวิตผมหรอกนะ ความหล่อเหลาน่ายำเกรงของมันสร้างแต่ความอกสั่นขวัญหายให้กับผม จมูกคมกดตามเนื้อตัวผมเพื่อสูดดมหาบางอย่าง ‘กลิ่นฟีโรโมน’
เชี่ยเอ๊ย! น่าขยะแขยงชะมัด มันทำได้ยังไงวะกับผู้ชายแมนๆ ด้วยกัน ไอ้บอส ไอ้เชี่ยโรคจิต
และไอ้เฮเว่นก็ดูคลั่งขึ้นมาอีกเมื่อไม่ได้กลิ่นหอมหวานที่มันต้องการจากตัวผม นั่นทำให้มันกัดผมทั้งที่คอและตามเนื้อตัวจนเป็นแผลรอยฟันเลือดซิบไปหมด
ผมกัดฟันแน่นข่มความเจ็บ ทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆ และยังมีหวังว่าจะรอดไปได้จากสถานการณ์ตรงนี้ตราบเท่าที่ผมยังไม่โดนเสียบ
แต่เหมือนวันนี้จะเป็นวันหยุดพระเจ้า แถมผมก็ไม่ใช่นางเอกที่กำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วพระเอกก็เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน
บางอย่างที่แข็งและเปียกกำลังจ่ออยู่ที่ช่องทางด้านหลังของผม มันใหญ่จนผมไม่คิดว่าจะเข้ามาได้ และผมก็หวังว่าอย่างนั้น แต่…
“สัส อ๊ากกกก…” ผมกัดฟันร้องเสียงโหยหวนเมื่อสิ่งนั้นที่ใหญ่โตชำแรกยัดเยียดตัวเองผ่านเข้ามา ผมรู้สึกเจ็บเหมือนถูกบางอย่างกรีดเป็นทางยาวอยู่ข้างใน พร้อมกันนั้นก็เหมือนถูกหนามแหลมนับร้อยนับพันทิ่มแทงอยู่ตลอดที่ร่างกายส่วนล่าง น้ำตาสายหนึ่งไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หมดแล้วชีวิตผม มันจบแล้ว
ผมต้องทนนอนให้มันเอาทั้งคืน แม่งผมจะตาย โชคร้ายที่ผมดันแข็งแรงพอตัวเลยได้รับรู้ความทรมาน สัมผัสน่ารังเกียจทุกอย่างตอนที่ถูกมันทำ จาก2ทุ่มถึงตี4.45น ผมปล่อยให้น้ำตาไหลเป็นทางอย่างหมดอาลัยตายอยากจนชุ่มหมอน ร่างกายท่อนล่างผมไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว
เมื่อเขาผละออกจากผมและล้มลงนอนข้างๆ อย่างหมดแรง ผมไม่ต้องทนกับการเสียดสีระยำตำบอนของมันอีกต่อไป แต่รู้สึกเหมือนมีน้ำอะไรไหลออกมาจากช่องทางด้านหลังอยู่ตลอด และแทบจะในทันที ผมก็หมดสติไป
“โอ้ย ไปทำอีท่าไหนให้ถูกกระทืบได้ แล้วเอ็งจำหน้ามันได้ไหม ยายจะไปเอาเรื่องมัน” ยายอิ่ม หญิงชราที่เลี้ยงดูนิมมามีท่าทีฉุนเฉียวเมื่อหลานบอกว่าถูกรุมกระทืบ
นิมมองยายแล้วยกยิ้มอ่อนฝืนมีความสุข ถึงยายจะเป็นหญิงชราตัวเล็ก แต่ใจใหญ่ยิ่งกว่านักเลงโตเสียอีก นี่ไอ้ทนายคงไปส่งข่าวยายเรื่องที่ผมต้องนอนโรงพยาบาล แต่ดีนะที่มันไม่ได้บอกสาเหตุให้ยายฟัง ผมเลยโกหกไปว่าถูกปล้นตอนกำลังจะกลับบ้าน
“ช่างมันเถอะยาย เดี๋ยวสักวันกรรมก็ตามสนองมัน” ผมบอกด้วยใจเจ็บ
“รอกรรมทำงาน ชาติหน้านู่นแหละโว้ย ไม่รอหรอก ยายนี่ล่ะจะเป็นกรรมของมันเอง” ยายอิ่มชูกำปั้นผอมเหี่ยวมีหนังหุ้มกระดูก นิมยิ้มให้กับความใจของยาย
ที่ห้องทำงานใหญ่ภายในตึกสูงระฟ้า ทุกอย่างดูปกติเหมือนว่าเมื่อคืนไม่ได้มีเหตุสลดอะไรเกิดขึ้น ผู้คนมากมายเข้าออกอาคารใหญ่แทบจะตลอดเวลา ทั้งฝ่ายบริหารฝ่ายบัญชีไปจนแผนกวิจัย
ตอนนี้แม่บ้านคงกำลังทำความสะอาดห้องส่วนตัวเขาที่ชั้นบนกันยกใหญ่ โดยมีเลขาภูเป็นคนควบคุมทุกอย่าง แม้กระทั่งปิดปากแม่บ้านด้วยเอกสารทางกฎหมาย
เมื่อเช้า เฮเว่นตื่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แน่นอนว่าคนที่อยู่ข้างๆ ยังไม่ไปไหน ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าปาฏิหาริย์
ชายหนุ่มร่างสูงกำยำมองร่างชายเบต้าที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ด้วยอาการสงบ
ท่าทางภายนอกคนอาจจะมองอาการรัทของอัลฟ่าว่าทำไปเพราะขาดสติ แต่นั่นไม่จริง
อัลฟ่าน่ะ จดจำได้ทุกการกระทำของตนเองขณะรัท หากแต่ควบคุมสัญชาตญาณดิบที่เกิดในช่วงเวลานั้นไม่ได้เท่านั้น ไม่มีความรัก ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ร่างกายรับรู้เพียงเติมเต็มความกระหาย
เฮเว่นไม่รู้จักชายรูปร่างสันทัดคนนี้มาก่อน แต่สังเกตเห็นได้ไม่ยากว่าเขาคือเจ้าหน้าที่ภายในอาคารนี้
ชายเบต้ามีอาการหายใจติดขัด ขาฉีกออกกว้างดูผิดธรรมชาติ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยกัด รอยช้ำ และที่น่ากลัวว่าจะเป็นเหตุให้เขาอาการล่อแล่ในตอนนี้ คงเป็นที่ช่องทางด้านหลัง ที่มีน้ำเลือดผสมกับน้ำรักไหลออกมาไม่หยุดจนเปียกชุ่มทั่วบริเวณ
ขั้นตอนแรก เฮเว่นโทรเรียกเลขาของเขา ผู้ที่คอยเก็บกวาดทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิผล
“เขาเป็นยังไงบ้าง” เฮเว่นถาม ‘ประยงค์’ ทนายประจำตัวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ต้องพักฟื้นราวหนึ่งเดือนครับท่าน” ทนายว่า “ส่วนเรื่องเอาความ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ดูเหมือนเขาก็อยากให้เรื่องเงียบ ที่เหลือ แค่จ่ายค่าทำขวัญและทำสัญญาห้ามแพร่งพราย…” ทนายประยงค์ยังคงสาธยายต่อไป จนเสียงทุ้มกล่าวแทรกขึ้น
“เสร็จธุระคุณแล้ว ผมจะให้เลขาภูจัดการที่เหลือต่อเอง”