Ep.1 : คนในปกครอง

2198 คำ
ตื่นเช้ามาฉันเห็นทุกคนที่นี่เข้าครัวขะมักเขม้นกันตั้งแต่เช้า ฉันเลยอาสาเข้ามาช่วยด้วย อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ฉันเลยช่วยหยิบจับทุกอย่างที่จะทำได้ เมื่อวานทักทายคุณเจ้านายได้ไม่ดี วันนี้ถือว่าแก้ตัวใหม่ ทำให้เค้าเกลียดมันจะไม่สดใสต่อชีวิตการทำงาน พออาหารเสร็จฉันเลยอาสายกออกไปวางไว้บนโต๊ะข้างนอก แต่พอยกออกไปไม่ทันเสร็จ คนเป็นเจ้านายก็เดินเข้ามา พร้อมผู้ติดตามอีกเพียบ “ทานข้าวเลยไหมคะ” “รออะไร เห็นฉันว่างรอรึไง” หูยยยยย ปากเสียจัง อุตส่าห์ถามดีๆ ตรงนั้นทุกคนยังวุ่นอยู่ในครัว เลยเป็นฉันที่ต้องตักข้าวให้เจ้านายแทน “ชื่ออะไร” “ฟ้าใสค่ะ” “ฉันจะให้ไอ้ต่อไปส่งเธอที่รีสอร์ต มีอะไรถามมัน มันเป็นมือขวาฉันรู้ทุกอย่าง มาทำงานก็ทำงานให้คุ้มเงินเดือนด้วย” พูดดีๆกับเค้าก็เป็นแฮะ “อยู่ที่นี่ฉันคือกฎ ใครจะเป็น ใครจะตาย จำไว้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอมีหน้าที่แค่ทำงาน ถ้าเธอคิดจะทรยศฉัน หรือเป็นสายให้พวกศัตรู ฉันฆ่าทิ้งทันที จำไว้ว่าอย่าขัดใจฉัน” “ค่ะคุณมูน” “ให้ตายยยสิ ฉันให้เธอเรียกฉันว่าอะไร!!!!” “ฉันถูกกำชับมา ฉันควรจะทำยังไงดีคะ คิดว่าฉันเป็นคนกลาง ฉันลำบากใจไหม” เจ้าอารมณ์ที่สุด สายตาดุๆจ้องมาที่ฉัน จนฉันต้องหลบสายตา เอาอีกแล้ว หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ววววววว “อย่ามาเถียงคำไม่ตกฟาก ฉันไม่ใช่เพื่อนเธอ คำเรียกมันไม่สำคัญ เท่ากับตอนนี้เธอไม่ให้ความเคารพฉัน นี่คือสิ่งที่ฉันรับไม่ได้ อย่าคิดว่าเป็นคนของแม่ฉัน แล้วฉันจะแตะต้องเธอไม่ได้ ไม่อยากตกเป็นเมียคนทั้งไร่ อย่าริอาจมาลองดี หรือทำให้ฉันหงุดหงิด” หน้าเล็กๆของฉันถูกเค้าบีบอีกครั้ง ทั้งเจ็บ ทั้งกลัวเลย ฉันถูกคนตรงหน้าเหวี่ยงจนลงไปกองกับพื้น แล้วก็เดินออกไปโดยไม่ใยดี อยู่ที่นี่ไม่ไหวหรอก ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว คนที่นี่น่ากลัวเกินไป แต่ถ้าฉันไม่อยู่ฉันจะเอาเงินที่ไหนรักษาแม่ล่ะ ฟ้าใสอดทนหน่อย ฉันจะทำยังไงดี ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว “ไปครับ ผมจะพาคุณฟ้าใสไปที่รีสอร์ต” ชายชุดดำคนนึง อายุน่าจะ 30 ต้น น่าจะเป็นคนที่ชื่อต่อ ตามที่คนน่ากลัวนั่นบอกให้พาไปที่รีสอร์ต ฉันพยักรับก่อนจะขึ้นรถกระบะไปลงที่หน้ารีสอร์ต สีขาว ตกแต่งไว้สวยงาม เฮ้ออออ นี่สิ เค้าถึงเรียกว่ารีสอร์ต ฉันเข้ามาด้านใน พนักงานที่นี่ต้อนรับอย่างดี เพราะคุณซีโทรแจ้งไว้แล้ว ว่าฉันจะมารับตำแหน่งผู้จัดการที่นี่ พี่ๆพนักงานเอาชุดผู้จัดการมาให้ฉันเปลี่ยน ก่อนจะเดินมาส่งฉันที่ห้องทำงาน ที่บนโต๊ะทำงานมีป้ายชื่อ จันทร์ฉาย ตั้งไว้อย่างชัดเจน อี้ แค่เห็นชื่อก็สยองแล้ว ฉันเลยคว่ำป้ายชื่อนั่นลง ก่อนจะเอาเอกสารที่ผ่านมา มาย้อนดู ว่าที่ยอดตกเพราะอะไร ทั้งๆที่ ที่นี่สวยมากๆ มันตกจริงๆ เพิ่งตกมา 5 ปีหลังนี่เอง หรือมีปัญหาเรื่องที่พัก ฉันรีบออกไปเดินดูห้องพัก ห้องพักที่นี่สวยมากเลย สะอาด สงบ แต่ทำไมยอดถึงตกล่ะ บรรยากาศที่นี่จัง ฉันเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ที่นี่ใหญ่จัง เท่าที่ฟังๆมา ที่มีคอกม้า มีไร่ผลไม้ มีจุดชมวิวเยอะแยะ หลายจุด อืม คงเป็นเรื่องของการประชาสัมพันธ์แล้วล่ะ ฉันเดินกลับมาที่รีสอร์ต ก็เจอชายในชุดดำ ที่ฉันไม่อยากจะเจอ มาทำไม ฉันไม่สนใจเดินเข้าห้องทำงานไปเลย แกร๊ก~* เสียงเปิดประตูทำเอาฉันตกใจ “คุณเข้ามาทำไมอะ” “นี่ห้องทำงานฉัน เธอไม่พอใจอะไรรึไง ฉันเอาเอกสารงบมาให้ และมาดูการทำงานของเธอ ฉันชอบคนที่ใช้งานได้ ถ้าเธอทำงานได้ฉันจะเลี้ยงไว้ แต่ถ้าไม่ไหวก็กลับไปซะ แล้วฝากไปบอกแม่ด้วย ว่าไม่มีใครเปลี่ยนใจฉันได้หรอก” “ฉันจะตั้งใจทำงานนะคะ ไม่ให้คุณรู้สึกเสียดายตังที่จ้างฉัน ขอบคุณสำหรับเอกสารค่ะ” “ควรรู้ตัวไว้บ้างนะ เธอโดนตาแก่กับแม่ฉันหลอกมาแล้ว เอาเถอะทำงานของเธอซะฟ้าใส” ไม่เห็นขอโทษเรื่องเมื่อเช้าเลย ทั้งที่ตัวเองทำฉันเจ็บนะ แต่ช่างเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องใส่ใจเค้าสักหน่อย ฉันนั่งเปิดเอกสารงบของรีสอร์ต ซึ่งมันยุ่งเหยิง ปนมั่วไปหมดกับส่วนอื่นๆ แบบนี้ไม่ได้ จะเอาเงินส่วนของไร่ มารวมแบบนี้ไม่ได้ ทำงานไม่เป็นระบบเลย งานแรกของฉันคงจะต้องแยกงบตรงนี้ออกมาก่อน ฉันจัดแจงแยกบัญชีออกมาอย่างลวกๆ เพื่อเห็นตัวเลขในส่วนของรีสอร์ตที่แท้จริง เฮ้อออ จันทร์ฉายสินะ อยากให้เรียกแบบนี้สินะ พอเลิกงาน ฉันเลยรู้ว่ารถประจำตำแหน่งของฉันนั้น ฉันต้องปั่นมันเอง ฉันปั่นตามทางที่พี่ที่ชื่อต่อพาฉันมา ดูป้ายไปเรื่อยๆมันกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ แย่แล้วดูเหมือนว่าตัวเองจะหลงแล้วสิ ตอนนี้ฉันอยู่ตรงไหนแล้วเนี่ย เมื่อฟ้าเริ่มมืดถนนก็เริ่มไร้แสงไฟ ไปไม่ถูกแล้วทำยังไงดี ฉันหยุดที่จะปั่นจักรยานเพราะกลัวว่าปั่นจะหลงไปไกลกว่านี้ หรือตกเขาลงไป กลัวจังเลย มืดก็มืด ฉันพยายามจะรอจนมีรถผ่านมา แต่มันก็ไม่มีเลย สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี ผีก็กลัว ฉันเปิดเพลงในโทรศัพท์ฟัง เพื่อให้ความเงียบรอบตัวมันไม่ร้ายฉันมากนัก ฉันนั่งฟังเพลงช้าๆ เป็นจังหวะของเพลงที่ผสมดนตรีไทย เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง เมื่อไหร่จะมีคนผ่านมาสักทีนะ ไม่ไหวเพลงช่วยอะไรไม่ได้เลย แย่แล้วยิ่งกลัวขึ้นไปอีก ฉันเริ่มคิดไปเอง และเริ่มจินตนาการไปต่างๆนาๆ 2 ทุ่มแล้วนะ นั่งตรงนี้มา 3 ชั่วโมงแล้วนะ จะไม่มีใครผ่านมาช่วยจริงหรอ ฉันนั่งกอดเข่าฟุบลงกับเข่าของตัวเองอยู่ข้างทางอยู่แบบนั้น ไม่ไหวแล้ว กลัวจังเลย ความกลัวมันกำลังทำงาน น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้มันก็ไหลออกมา ถ้ามีใครมาฉุดฉันละ ถ้าถูกผีหลอกล่ะ ฮื่อออออ อยากกลับบ้าน ปริ๊นนน~* เสียงบีบแตรรถ มันทำให้ฉันสะดุ้งหลุดออกมาจากความคิดและน้ำตา แสงไฟที่ส่องสว่างในตอนที่ความรู้สึกของฉันมืดสนิท ฉันไม่รู้ว่าใครเปิดประตูออกมา เพราะความปรือของตาที่ปรับสภาพรับแสงไม่ทัน แต่มันทำให้ฉันโผลกอดคนที่ลงมารับฉันทันที “ฮื่ออออออ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณค่ะ ฮื้อออออ” “ไม่เป็นอะไรแล้ว” อ้อมแขนใหญ่ของคนที่กอดตอบ มือใหญ่ที่กำลังลูบผมฉันเบาๆ มันทำให้ฉันรู้สึกคลายความกลัวในใจลงได้มากโข ฉันยังคงร้องไห้อยู่ที่อกของคนตรงหน้า “ยัยโง่ ปั่นจักรยานยังไงให้หลง ลงจากเขามาตั้งเยอะ” เสียเอ็ดดังๆของคนตรงหน้า ทำให้ฉันรู้แล้ว ว่าคนที่มาช่วยฉันไว้คือใคร “ฮึก ฮึก ขอโทษค่ะ แต่ฉันอยากกลับบ้านแล้วค่ะ” “ขึ้นรถ จักรยานค่อยให้ไอ้ต่อมาเอาพรุ่งนี้” “ค่ะ” ฉันทำตามอย่างว่าง่าย เพราะกลัวโดนเค้าโกรธ แล้วปล่อยไว้ที่นี่อีก เวลาที่อยู่ตรงนี้มันน่ากลัวมากจริงๆ พอกลับมาถึงบ้านถึงได้รู้ว่าทุกคนวุ่นวายที่ฉันหายไป ฉันเลยต้องขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ พอไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปนอน ฉันเลยวิ่งตามคนที่ไปช่วยฉันออกมาจากความมืด แม้รู้ว่าเค้าเป็นคนน่ากลัวแค่ไหน แต่ยังไงเค้าก็ช่วยฉันออกมาจากความมืด “คุณจันทร์ฉายคะ” “มีอะไร” “ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ” “ตอนนี้เธอเป็นคนในปกครองฉัน แล้วฉันช่วยคนในปกครองของฉันทุกคน เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่าขัดคำสั่งฉันดีกว่า” “ค่ะ ขอโทษนะคะ ที่ดื้อดึง ต่อไปนี้จะเรียกคุณจันทร์ฉายเหมือนทุกคน” ไม่มีคำตอบกลับใดๆ ฉันเพียงแต่มองด้านหลังของคนตรงหน้า ค่อยๆเดินไกลออกไป ฉันเองก็ต้องกลับเข้าบ้านบ้างแล้วสิ น่ากลัวจังเลยนะ ความมืดเนี่ย เช้าวันต่อมา ฉันมาช่วงป้าแจงและพี่ๆคนอื่นๆทำอาหารเหมือนเดิม จัดโต๊ะเหมือนเดิม แล้วทำไมมันถึงเป็นฉันที่ตักข้าวให้เค้าเหมือนเดิมนะ “ข้าวค่ะ” “อายุเท่าไหร่” “25 แล้วค่ะ” “อืม แสดงว่าจบมา 3 ปีแล้วสิ ทำไมไม่ทำงานกรุงเทพล่ะ” “คุณซีแม่ของคุณเธอเสนองานที่นี่ ด้วยค่าแรงที่สูงมากค่ะ มากพอที่ฉันจะรักษาแม่ที่ป่วยได้ ฉันเลยยอมจากบ้านมาไกลถึงที่นี่” “จันทร์ฉายขาาาาาาาาาาาา” คนที่นั่งกินข้าวถอนหายใจออกมา เมื่อวานเค้าก็ไม่ได้กินข้าว เพราะฉันพูดไม่ถูกหู สงสัยเจ้านายบ้านนี้ไม่มีดวงกินข้าวเช้า หญิงสาวในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีแดง เดินเข้ามานัวเนียชายตรงหน้าของฉันอย่างไร้อาย ฉันเป็นพ่อแม่จะจับตีก้นให้หมด “ยัยจืดนี่ใครคะ” หญิงสาวคนนั้นจ้องฉันตาเขม็ง “คนในปกครองของฉัน เธอจะต้องรู้จักด้วยรึไง” “ไม่ต้องค่ะ คนไม่สำคัญ แต่ช่วงนี้ไม่ให้มิ้นท์มาหาคุณเลย มิ้นท์ทนคิดถึงไม่ไหวเลยมาหา” “กลับไปซะ ไม่เรียกก็อย่ามา มันน่ารำคาญ ผู้หญิงใกล้ตัวฉัน มียัยเปี๊ยกนี่คนเดียวก็น่ารำคาญเกินจะทนละ เธอก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว ฉันจะไปส่งที่รีสอร์ต” คนที่พูดหันมามองหน้าฉันตาดุๆ ก่อนจะดึงแขนออกจากคนที่เกาะไม่ยอมปล่อย “ค่ะคุณจันทร์ฉาย” ฉันไปเตรียมตัวแล้วไปรอที่รถ เพื่อจะไม่ให้โดนด่าว่าชักช้า “บอกให้กลับไปไง!!!!” เสียงตะโกนดังลั่น จนฉันที่ยืนอยู่ที่รถรู้สึกกลัวไปด้วยเลย ถ้าฉันโดนแบบนี้ฉันคงไม่ทนอยู่แน่ๆ ไม่นานคนอารมณ์ร้อนก็เดินขึ้นรถ “ทำไมฉันถึงไม่ถูกกับข้าวเช้าเลยนะ” เสียงสบถเบาๆ ทำเอาฉันแอบยิ้มออกมา เมื่อมาถึงรีสอร์ตฉันขอร้องให้คุณจันทร์ฉายอยู่ก่อน เพราะสงสารที่อดอาหารเช้ามาสองวันแล้ว ให้เลยไปทำแซนวิสง่ายๆใส่กล่องพลาสติก ส่งให้คนที่ไม่ได้กินข้าว “อาหารเช้าสำคัญนะคะ” คนที่ได้รับของมีสีหน้าอึ้งๆเล็กน้อย แต่ก็รับแซนวิสของฉันแต่โดยดี “ตอนเย็นฉันจะมารับ อย่าช้า ไม่งั้นฉันจะปล่อยให้นั่งร้องไห้เหมือนเมื่อวาน” “รับทราบค่ะ บอส” “ทะเล้นนัก ฉันไปล่ะ” เค้าอาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายนักก็ได้ แต่สิ่งที่เค้าทำกับเราเมื่อวาน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนดีๆเค้าทำกันนะ หรือที่วันนี้ดี เพราะเราไม่ได้ขัดใจ ถ้าไม่ขัดใจก็ไม่มีปัญหาสินะ อืม แค่นี้ก็รู้วิธีเอาตัวรอดไปอีก 1 เรื่อง อย่าขัดใจเค้า ฉันนั่งทำงานที่ควรจะทำต่อ วันนี้ได้ออกไปรับแขกบ้าง มีแขกมาบ้างประปราย ไม่มานัก สงสัยต้องทำการตลาดใหม่ เดี๋ยวเราลองร่างแผนงานเอาไว้ แล้วลองไปเสนอคุณจันทร์ฉายดู อาจจะกระตุ้นแขกที่มาพักได้บ้าง ช่องทางในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คไม่ได้อัพเดทมานานแล้ว อื้มมมมม จัดทำโปรโมชั่นดีไหมนะ ฉันเดินออกไปในส่วนของจุดต่างๆ แล้วถ่ายรูปเก็บเอาไว้ในจุดต่างๆ ก่อนจะอัพลงเพจของรีสอร์ต และเว็ปไซต์ อาจจะต้องเปิด Google Business เพื่อคนจะได้คนหาเราใน Google mapได้ อื้มมม ตามนั้น แกร๊ก~* เสียงเปิดประตูของใครคนนึงทำเอาฉันต้องเงยหน้ามอง “คุณฟ้าใส นายให้มารับครับ ตอนนี้นายไม่สะดวก” “ค่ะ ไม่เป็นไร ใครมารับก็เหมือนกัน รบกวนหน่อยนะคะ ให้ฉันชินทางกว่านี้หน่อย” ฉันยิ้มให้พี่ต่อที่มารับฉัน “ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม