บทที่ 2.2
คืนเข้าหอ
เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของตนเองผ่อนคลายจากความร้อนแล้วจูเพ่ยหลินก็ขยับตัวลุกขึ้นเพื่อเดินไปอาบน้ำล้างเหงื่อไคลออกจากตัว ทว่ายามที่มองไปยังคนบนเตียงแล้วมุมปากบางก็ขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง จูเพ่ยหลินย่อมไม่พลาดโอกาสสำคัญคืนนี้แน่นอน
จิ้งเจิ้งหลี่นอนนิ่งตัวเกร็ง เมื่ออยู่ดีๆ เสื้อผ้าบนกายก็ถูกสตรีไร้ยางอายค่อยๆ ปลดเปลื้อง มือหนาขยับยกขึ้นปัดป้อง ทว่าเพราะต้องแสร้งเป็นคนเมาเรี่ยวแรงที่มีเลยไม่อาจแสดงออกมาได้ทั้งหมด ทำได้เพียงปัดป้องกลิ้งไปมาบนเตียง ทว่าสตรีจิ้งจอกตัวน้อยผู้นี้กลับไม่ยอมรามือโดยง่าย สุดท้ายทั้งตัวเขาก็เหลือเพียงกางเกงตัวในสีดำเพียงตัวเดียว
จูเพ่ยหลินที่ตอนนี้นั่งคร่อมอยู่บนเอวหนา ยกมือขึ้นปาดเม็ดเหงื่อบนกรอบหน้าโยนเสื้อตัวในของคนเมาลงบนพื้นห้องแล้วถอนหายใจยาว
จิ้งเจิ้งหลี่ บุรุษหน้าหนาแม้แต่ยามเมาก็ยังสร้างเรื่องยากลำบากให้นางได้อย่างน่าหงุดหงิด
เมื่อจับผู้อื่นเปลื้องผ้าเสร็จ จูเพ่ยหลินก็ตวัดเรียวขาลงจากเอวหนา ก่อนเดินไปอาบน้ำล้างเนื้อตัวล้างเหงื่อไคลที่หลังฉากกั้น
เมื่อได้ยินเสียงสายน้ำที่หลังม่านกันดวงตาคมที่หลับแน่นก็เปิดขึ้น ผ่อนลมหายใจเข้าออกอยู่ร่วมครึ่งเค่อจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความขุ่นเคือง
สตรีจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ไร้ยางอายกล้าดีอย่างไรขึ้นคร่อมเปลื้องผ้าเขา
ทว่าเมื่อนึกถึงสัมผัสชวนเร่าร้อนยามที่ปลายนิ้วเรียวเปลื้องผ้าตนอย่างคล่องแคล่ว ร่างกายของจิ้งเจิ้งหลี่ ก็ร้อนรุ่มตื่นตัวขึ้นมา หรือบางทีจูเพ่ยหลินอาจจะมีประสบการณ์การปรนนิบัติบุรุษมาก่อนจึงได้ทำอย่างชำนาญเช่นนั้น
เพียงคิดว่าภรรยาคนที่หกของตนอาจเคยปรนนิบัติชายอื่นมาก่อน ความรู้สึกหงุดหงิดก็เกิดขึ้นในใจหากแต่เมื่อตวัดสายตาไปยังทิศที่สตรีเจ้าเล่ห์กำลังนั่งอาบน้ำ ภาพเงาสะท้อนที่ปรากฏบนฉากกั้นก็ทำให้ลำคอของจิ้งเจิ้งหลี่แห้งผาก สติหลุดลอยในทันที
มือหนากำขยุ้มผ้าปูเตียงแน่นทั่วทั้งตัวเกร็งสะท้าน จดจ้องเงาภาพด้วยความร้อนรุ่ม ก่อนจะสะบัดศีรษะเบนสายตาไปยังประตูเรือนสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติที่เตลิดไปของตนเองกลับมา
มารยาจิ้งจอก ล้วนเป็นเล่ห์มารยา เขาจะหลงกลไม่ได้เป็นอันขาด
จิ้งเจิ้งหลี่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หลับตาแน่นก่อนจะตั้งจิตท่องบทสวดชำระใจที่มารดาเคยพร่ำสอนในเยาว์วัย
ราวครึ่งชั่วยามต่อมาจูเพ่ยหลินจึงเดินออกมาจากหลังม่านกั้น แสงเทียนในห้องพลันดับลง จิ้งเจิ้งหลี่ขบกรามแน่นนอนตัวเกร็งตั้งสติหาหนทางหลีกหนีจากสตรีร้ายกาจผู้นี้ หากแต่ผ่านไปราวสองเค่อที่นอนข้างกายเขาก็ยังไร้เงาคน ดวงตาคมค่อยๆ ปรือตื่น ปรับสายตามองผ่านความมืดสอดส่องหาคน ก่อนจะพบว่ามีผ้ากองหนึ่งขดม้วนอยู่ที่ตั่งนั่งริมหน้าต่าง
สตรีเจ้าเล่ห์เตียงมีไม่ขึ้นมานอน คิดใช้วิธีนี้เรียกร้องความสนใจจากเขาอย่างนั้นหรือ หึ! เช่นนั้นก็นอนหนาวตายไปเสียที่ริมหน้าต่างนั่นก็แล้วกัน
.....................................
แสงตะวันยามเช้าสาดเข้ามาจูเพ่ยหลินค่อยๆ ปรือตาขยับตัว หากแต่เมื่อพิจารณาเบื้องหน้ากลับไม่ใช้พื้นเพดานเรือนคิ้วเรียวก็ขบวนเข้าหากันแน่น หันมองด้านข้างก็พบว่าคือ... จิ้งเจิ้งหลี่
ทั้งที่มั่นใจว่าเมื่อคืนตนเองนอนหลับที่ตั่งริมหน้าต่าง เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นเหตุใดนางจึงมานอนบนเตียงร่วมกับคนหน้าหนาผู้นี้ได้กัน ทว่าจูเพ่ยหลินยังไม่ทันหาคำตอบให้ตนเองคนข้างกายก็คล้ายจะตื่นขึ้น ดวงตากลมหวานพลันหลับลงก่อนจะแสร้งค่อยๆ ปรือตื่นตามเขา
“ท่านพี่... ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
จิ้งเจิ้งหลี่ได้ยินจิ้งจอกน้อยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานออดอ้อนก็ขนกายลุกชันรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที ไม่ทันได้เอ่ยถามสิ่งใดต่อประตูเรือนก็ถูกเปิดออกพร้อมกับสาวใช้ที่เดินเข้ามา
“อรุณสวัสดิ์นายท่าน อรุณสวัสดิ์ฮูหยินหก”
เสียงสาวใช้เอ่ยทักทายเสียงเบานอบน้อม แม้ว่าจะรู้ว่าไม่ควร ทว่าสายตาของพวกนางก็อดที่จะกวาดไปรอบๆ เรือนไม่ได้ สภาพชุดแต่งงานชายหญิงที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดพื้นทำให้นางอดที่จะจินตนาการค่ำคืนเข้าหออันเร่าร้อนของผู้เป็นเจ้าของเรือนไม่ได้ ยิ่งเห็นว่านายท่านจิ้งเรือนร่างแทบเปลือยเปล่าสองแก้มสาวก็แดงก่ำร้อนผ่าว ก้มหน้าลงด้วยท่าทีเขินอาย
“วางของลงแล้วรีบออกไป”
จิ้งเจิ้งหลี่ย่อมมองสายตาสอดส่องของบรรดาสาวใช้ออก เพื่อตัดความรำคาญริมฝีปากหนาจึงเอ่ยไล่คนเสียงเข้ม
สตรีล้วนน่ารำคาญด้วยกันทั้งสิ้น
จูเพ่ยหลินขยับตัวลงจากเตียง มือบางหยิบผ้าชุบน้ำส่งให้เขา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นมองการกระทำของนางด้วยท่าทีหวาดระแวง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันดูแคลน
“เจ้าเคยปรนนิบัติชายอื่นมาก่อนหรือไรถึงได้คล่องแคล่วนัก”
คำทักทายแรกของผู้เป็นสามีทำเอาจูเพ่ยหลินหางคิ้วกระตุก ใบหน้าหวานสั่นตึงด้วยโทสะ หากแต่เพียงชั่วครู่ก็กลับคืนมาปกติ มุมปากบางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะส่งผ้าแห้งให้เขาอีกผืน
“เหตุใดผู้เป็นสามีเช่นท่านจึงถามภรรยาเช่นนี้ เหตุการณ์เมื่อคืนท่านจำไม่ได้เลยหรือไรเจ้าคะ”
เหตุการณ์เมื่อคืน จิ้งเจิ้งหลี่ขมวดคิ้วหนาจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยความสงสัยและหวาดระแวง สตรีเจ้าเล่ห์นางกำลังจะมาไม้ไหนกับเขากันแน่
จูเพ่ยหลินจ้อมมองสายตาคมของเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบาเขินอายหากแต่กลับชัดเจน
“รอยเลือดบนที่นอนนี่คงต้องให้เหลียนฮวาซักอยู่หลายรอบ”
จิ้งเจิ้งหลี่เลื่อนสายตามองตามแววตาหวาน ภาพรอยเลือดบนผ้ากลางเตียงทำให้เขาเข้าใจความหมายของนางทันที มือหนาขยับกำผ้าแห้งจนขึ้นข้อขาว จิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์เรื่องเมื่อคืนนอนจากนางที่ไร้ยางอายขึ้นคร่อมเปลื้องผ้าเขาแล้ว ล้วนไม่มีอันใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น รอยเลือดอะไรนี่ล้วนเป็นหลักฐานปลอมชัดๆ
หึ! นี่หากเมื่อคืนเขาไม่ได้แสร้งเมาคงถูกเล่ห์กลของนางลวงหลอกให้หลงเชื่ออย่างแน่นอน ริมฝีปากบางราวสตรียกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา
“ข้านี่ช่างไม่ได้ความโดยแท้ถึงได้จดจำเรื่องสำคัญเช่นนี้ไม่ได้เช่นนั้น...”
จูเพ่ยหลินรู้สึกคล้ายสัมผัสได้ถึงไอชั่วร้ายขุมหนึ่งจากร่างสูง หากแต่ไม่ทันขยับเท้าถอยห่าง เอวบางก็ถูกโอบรัดรวบดึงมาประชิดอกแกร่งโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว
“เรามาทบทวนกันใหม่อีกรอบดีหรือไม่ ฮูหยิน...”
.....................................