“คุณน่าจะทำความรู้จักกับลูกสาวของผมให้มากกว่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกับเธอ”
ยงยุทธต่อว่าอีกฝ่ายในทันทีหลังจากที่ลูกสาวของเขาถูกพาตัวออกจากห้องทำงานที่มันเหมือนกับห้องผู้ป่วยหนักของทางโรงพยาบาลไปแล้ว
การต่อว่านั้นก็ไม่ได้จะดูดุเดือดน่าเกรงขามอะไรหรอก เป็นเพียงการต่อว่าที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าของเขาที่กำลังอ่อนแรงลงทุกวินาทีเท่านั้น
และตามด้วยเสียงเหนื่อยหอบของการต้องพูดอะไรนานๆ ที่ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักส่วนทางกับหัวใจที่กำลังจะทำงานไม่ไหวอยู่แล้ว
เหตุที่เขาต้องฝืนสังขารร่างกายการที่แทบจะไม่ไหวพูดออกไปยาวเหยียดขนาดนั้นก็เพราะว่าต้องการให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าสนใจในตัวลูกสาวของเขาออกมาบ้าง
ไม่ใช่ทำเหมือนลูกสาวของเขาเป็นเพียงข้อตกลงทางธุรกิจที่อีกฝ่ายหนึ่งเสนอมาแบบนั้นมันดูเป็นการใจร้ายใจดำกับลูกสาวของเขาที่เธอมองไม่เห็นอะไรแบบนั้น
“ผมรู้จักเธอดี ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ขอเธอแต่งงานกับคุณหรอก”
น้ำเสียงอันแสนเย็นชาถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาดีหล่อเหล่าราวเทพบุตรเดินดินเพราะทางพ่อของเขามีเชื้อสายต่างชาติอยู่ในสายเลือดครึ่งหนึ่งมันจึงส่งผลมาถึงเขาที่ทำให้มีจมูกที่โด่งและโครงหน้าที่คมชัดได้รูปสวย บวกกับเลือดทางแม่ที่ก็หน้าตาดีไม่แพ้ฝั่งของเลือดพ่อ เขาก็เลยได้รับในส่วนนั้นมา
ส่วนนิสัยใจคอนั้นก็ตรงกันข้ามกับหน้าตาก็ว่าได้ เขาไม่เคยสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ไม่ใส่ใจด้วยว่าใครจะต้องการอะไรแบบนั้น เพราะเขาสนใจแต่ตัวเองเท่านั้นและก็ผลประโยชน์
เรื่องของการแต่งงานกับหญิงพิการก็เช่นกัน เขายอมที่จะได้ขึ้นชื่อว่ามีเมียพิการตาบอดเพื่อแลกกับที่ดินผืนที่มีค่าราวกับทองคำเพื่อไปเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจของเขา
และมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมีแต่ได้ผลประโยชน์ทั้งนั้นเลย และเมื่อเขาได้ทุกอย่างตามที่ต้องการแล้วเธอก็จะกลายเป็นแค่ขยะที่เขาจะทิ้งไปจากชีวิตในทันที
“แต่ลูกสาวของผมตาบอด ผมไม่แน่ใจว่าคุณรับข้อนี้ได้ไหม”
ยงยุทธเห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่ดูจะมั่นใจในตัวเอง เขาจึงเอ่ยเตือนอีกฝ่ายออกไปเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะหลงลืมไปว่าลูกสาวของเขาคือคนพิเศษ
การจะแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพียงแค่รู้จักเธอแค่หน้าตาหรือชื่อ แต่จะต้องรู้จักทุกอย่างในตัวเธอเป็นอย่างดีเพื่อที่จะดูแลเธอได้ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้
เขาในฐานะพ่อก็ไม่ได้สนใจในทรัพย์สมบัติอะไรนักหรอก เพราะแค่เงินฝากในบัญชีที่เป็นชื่อของเพียงรัมภาที่เขาโอนฝากเอาไว้ให้นั้น ก็ทำให้เธอมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตแล้ว
แต่ลูกสาวของเขาคือคนพิเศษ เธอไม่อาจอยู่บนโลกใบนี้เพียงคนเดียวได้ถ้าไร้ซึ่งคนดูแล เขาจึงเป็นห่วงในข้อนี้มาก และอยากให้ผู้ชายตรงหน้าที่เขากำลังคิดว่าจะให้แต่งงานกับลูกสาวของเขาเข้าใจในเรื่องนี้เอาไว้เสียด้วย ไม่ใช่มั่นใจนักหนาว่ารู้จักเธอดีตามประวัติที่มีป่าวประกาศไปทั่วตามหน้าข่าวสังคมนั้น
“หลังจากแต่งงาน ผมจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ และยังคงจ้างคนดูแลเธอเหมือนเดิมจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรทั้งนั้นขอให้คุณยงยุทธสบายใจได้เลย”
ชายหนุ่มตอบปัดออกไปเพื่อให้อีกฝ่ายเลือกพูดมากเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะตายจากไปก่อนที่จะได้จัดงานแต่ง
โดยที่เขาก็ไม่ได้สนใจว่าทางฝ่ายนั้นต้องการอะไรถึงได้มาพร่ำพรรณนาจนน่ารำคาญอยู่ได้
“ขอพูดตรงๆ เลยนะ ผมเพิ่งรู้จักคุณ ผมแทบไม่ไว้ใจคุณเลย ข้อเสนอของคุณที่จะดูแลลูกสาวของผมมันดีทุกอย่างแต่คุณจริงใจหรือเปล่า”
มือหนาหยิบฉวยเอาหน้ากากให้ออกซิเจนที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานมาครอบไปที่บริเวณปากกับจมูกเพื่อจะสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดเพื่อให้ความเหนื่อยนั้นลดลง
ก่อนจะวางมันกลับไปที่เดิมและพยายามพูดเจรจากับฝ่ายตรงข้ามอีก เพื่อหวังเห็นฝ่ายตรงข้ามมีท่าทีที่ดูเหมือนคนอยากแต่งงานเพราะอยากดูแลผู้หญิงคนนั้นจริงๆ
ไม่ใช่ยิ่งมองหน้ากันก็เหมือนกำลังเจรจาธุรกิจกันอยู่แบบนี้จนดูน่าอึดอัดมากกว่าน่าดีใจ ทั้งที่อีกไม่กี่วันงานแต่งงานอาจเกิดขึ้น
“ผมเป็นนักธุรกิจ ผมก็บอกแล้วว่าอยากจะดูแลลูกสาวให้คุณแลกกับที่ดินและธุรกิจ ผมได้รับผลประโยชน์ก็ไม่แปลกที่ผมจะตอบแทน”
เขาเริ่มเสียงดังขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มพูดย้ำไปมากจนดูน่ารำคาญเกิดเหตุไปมากและกินเวลาเจรจาสำหรับวันนี้ไปเยอะแล้วทั้งที่การพูดคุยมันควรจบภายในห้านาที
เกลียดอะไรที่ดูยืดเยื้อแบบไร้สาระแบบนี้เป็นที่สุด มันทำให้เขาแทบอยากลุกออกจากโต๊ะเจรจา
“เฮ้อ”
ยงยุทธถอนหายใจพรืดยาวออกมาเมื่อไม่พอใจในคำตอบที่ได้รับจากอีกฝ่าย
เขานั้นรู้ดีว่าคริสต์นักธุรกิจมากความสามารถคนนี้เข้ามาขอลูกสาวเขาแต่งงานเพื่ออะไร แต่มันก็ไม่อาจทำใจได้เมื่ออีกฝ่ายดูจริงใจในธุรกิจมากเกินไปโดยไม่นึกถึงจิตใจของคนอื่นเลย
แล้วแบบนี้ลูกสาวของเขาจะมีความสุขในชีวิตแต่งงานหรือในชีวิตหลังจากที่เขาผู้เป็นพ่อไม่อยู่แล้วได้ยังไงกัน เธอไม่ต้องทนทุกข์จนตายหรอกเหรอ
“ถ้าคุณยังไม่ไว้ใจผม ก็รอดูผมต่อไปก็ได้ ผมรอได้”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างหยิ่งทะนงในตัวเองในแบบฉบับผู้ไม่เคยง้อใครมาก่อน
ส่งสายตาเหยียดมองอย่างไม่ให้เกียรติอีกฝ่ายที่ดูกี่ครั้งก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองกับเขาได้แต่กลับมีข้อเรียกร้องออกมามากมาย
แล้วเขาก็เดินจากไปอย่างไม่ไยดี เพราะเขาได้พูดข้อตกลงออกไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ และนั้นจะไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลง
เพราะเขาพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีกลับคำเป็นอันขาดในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ จวบจนทุกวันนี้
ยงยุทธมองตามหลังอีกฝ่ายไปจนสุดสายตาของเขาก่อนจะรีบหันกลับมาหาเครื่องช่วยชีวิตเขาแล้วสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดไปฟอดใหญ่เพื่อยื้อชีวิตของตัวเองออกไปอีก
ใบหน้าเต็มไปด้วยอาการคิดหนัก คิดไม่ตกและไม่อาจวางเรื่องแต่งงานของลูกสาวเพียงคนเดียวลงได้
เพราะชีวิตของเขานั้นเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ไม่รู้ว่าจะพ้นอาทิตย์นี้ไปได้หรือเปล่า
เขาต้องการให้ใครก็ได้ที่เขาพอจะไว้ใจได้เข้ามาดูแลลูกสาวของเขาต่อจากเขา เพื่อให้เธอนั้นปลอดภัยจากคนที่ไม่หวังดีกับเธอ
และตัวเลือกที่ผ่านเข้ามาเพียงตัวเลือกเดียวอย่างคริสต์ก็ช่างน่าหนักใจจนไม่อาจตัดสินใจอะไรออกไปได้เลย เพราะเขาเห็นแต่เพียงผลประโยชน์เข้าตัวเองมากกว่าการสนใจจิตใจของคนอื่น