กริชไทเสียอีกหาว่าสาวเจ้าชอบแกล้งและอยากเอาชนะ แต่เมื่อหลายปีก่อนตอนไปทาบทามสู่ขอและให้หมั้นไว้ก่อน กริชไทกลับไม่ปริปากปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย ถ้าคิดในทางที่ดี กริชไทอาจไม่อยากขัดบิดามารดาเพราะเป็นเด็กดี แต่ถ้าคิดในทางที่ดีกว่านั้นอีก กริชไทอาจมีใจให้น้องไม่มากก็น้อย และคำตอบที่ได้รับนั้นทำให้ทั้งครอบครัวถึงกับตกตะลึงกันเลยทีเดียว และคนที่เร่งเร้าให้ญาติผู้ใหญ่ไปขอหมั้นกลับเป็นเจ้าตัวเสียได้
“หึหึ! เจ้ากระทิงรู้คงช็อก” กฤษพลหัวเราะร่วน
“พ่ออย่าพูดแบบนั้นนะ พี่กระทิงต้องดีใจสิที่ว่าที่เมียจะมาหา” กันตาหน้างอใส่บิดา
คนที่แอบฟังอยู่อีกด้านถึงกับสำลักในคำพูดของน้องสาว
..ให้มันได้อย่างนี้สิยัยตัวแสบ
กริชไทยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะละออกจากประตูบ้าน
“พ่อหมายถึงมันช็อกเพราะดีใจที่ว่าที่เมียมันจะมา แกนี่ฟังไม่จบ” กฤษพลหันไปพูดกับลูกสาว ก่อนจะสั่งความกับคนรับใช้ “นี่ให้คนไปตามเจ้ากระทิงมาบอกข่าวดีสิ ได้ยินคงรีบไปรับหนูหญ้าหวานแทบไม่ทัน”
‘โธ่... พ่อ ให้ผมเผ่นไปตั้งหลักก่อนได้ไหม’ กริชไทโอดครวญในใจ รีบหลบไปก่อน เขามีเรื่องให้ต้องคิดอีกเยอะ และไม่คิดว่าญารินดาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้
ดีใจที่เธอมา... แต่การคิดแผนรับมือจอมแสบอย่างเธอ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นัก...
ญารินดาหน้างอมาตลอดทางเพราะคนที่คิดว่าจะมารับกลับไม่ใช่กริชไทอย่างที่คิด แต่เป็นเปียกับจอมซึ่งเป็นลูกน้องของเขาเป็นคนเดินทางมารับเธอพร้อมๆ กับกันตา
..ชิ! คนอุตส่าห์คิดถึงแต่กลับหลบหน้า คอยดูเธอจะตามไปก่อกวนให้อยู่ไม่สุขเลย
“พี่หญ้าหวานของกันตา” กันตาวิ่งโผเข้ากอดญารินดาแนบอกด้วยความคิดถึง
“คิดถึงจังเลยน้องสาวของพี่ จุ๊บๆ” ญารินดากอดตอบแนบแน่น หอมแก้มซ้ายขวาอย่างดีใจ
พอนั่งบนรถได้ก็คุยกันไม่หยุดปาก ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันด้วยความห่วงใยระคนคิดถึง
ญารินดายกมือไหว้กฤษพลและรุ้งรติมาเมื่อลงจากรถ หลังจากเธอย้ายตามบิดามารดาไปอยู่กรุงเทพฯ บุพการีทั้งสองก็ฝากเรือกสวนไร่นาไว้ให้กฤษพลซึ่งเป็นญาติของมารดาดูแล ท่านเป็นคนใจดีขยันขันแข็ง ทุกๆ ปีจะส่งผลผลิตทางการเกษตรไปให้เสมอๆ รวมถึงรายได้จากที่ทาง ท่านได้จากการทำการเกษตร จะส่งผลตอบแทนไปให้ไม่เคยขาด
บิดามารดาของเธอเดินทางมาปักษ์ใต้ทุกปีเช่นกัน ญารินดามักตามบุพการีทั้งสองมาด้วย มีแค่ช่วงหลังๆ เท่านั้นที่เธอน้อยใจกริชไท เพราะโดนเขาว่าน่ารำคาญ ตามเกาะติดเขาแจและมีเรื่องราวให้ต้องเสียใจ จากที่เธอเกือบจะทำไฟไหม้ครัวของบ้านเขา เลยไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของมารดาเลยสักครั้ง แต่ไม่เคยทิ้งปณิธานอันแรงกล้าว่าหากเรียนจบเธอจะแต่งงานกับเขาให้จงได้เพราะในเมื่อหมั้นหมายกันเอาไว้
“คุณลุงคุณป้าสบายดีหรือเปล่าคะ คุณพ่อกับคุณแม่และคุณหญิงย่าฝากความคิดถึงมาด้วยค่ะ”
“ลุงกับป้าสบายดีหนูหญ้าหวาน ช่วงหลังๆ มานี่ไม่ได้เจอหนูเลย เห็นว่ากิจกรรมที่มหาลัยเยอะ”
กฤษพลหัวเราะถูกใจ จริงๆ ทางบิดามารดาและย่าของญารินดานั้นได้โทรมาฝากฝังเด็กสาวไว้เรียบร้อยแล้ว เขาเองก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทุกปีครอบครัวรัศมีดาวจะมาเยี่ยมเยียนกันถึงปักษ์ใต้ ยกเว้นแค่ญารินดาที่ช่วงหลังๆ ไม่เคยมาสักครั้ง เพราะเรื่องราวในครั้งนั้น เคยแอบเห็นลูกชายชะเง้อคอยาวเพื่อหายัยเด็กแสบของตัวเองแล้วคอตกที่ไม่เห็นคนที่ต้องการเจอ ครั้นจะไปหาที่กรุงเทพฯ บ่อยๆ ก็ไม่ได้ เพราะเป็นคำขอของคุณหญิงรัชนี ไม่อยากให้ใครไปกวนหลานสาว เขาเข้าใจความต้องการของท่านที่จะให้ญารินดามีสังคมใหม่ คาดหวังว่าหลานสาวคนโตจะลืมเลือนบ้านป่าที่นี่ไปเสีย กริชไทจึงคอยตามดูญารินดาอยู่แค่ห่างๆ ตลอดหลายปี
“นี่ของฝากของคุณลุงกับคุณป้าค่ะ” ญารินดานำของฝากที่ตระเตรียมเอาไว้ยื่นให้ญาติผู้ใหญ่ เมื่อย้ายเข้ามานั่งในห้องรับแขก
สาวใช้รีบยกน้ำมาต้อนรับอย่างไม่รอช้า
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยจริงๆ ปกติก็ส่งของมาให้ออกบ่อย ลำบากเสียเปล่าๆ”
กฤษพลกับรุ้งรติสบตากันยิ้มๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ญารินดาไปอยู่กรุงเทพฯ ได้หมั่นส่งของฝากมาให้บ่อยๆ ปิดเทอมก็มาเที่ยวเล่นบ้าง
หลังๆ ที่ญารินดาไม่ลงมาปักษ์ใต้ คุณหญิงรัชนีอยากให้ปิดเทอมของญารินดาเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ จึงส่งไปเล่าเรียนภาษา การเข้าสังคม เต้นรำ ทำอาหาร ฯลฯ ทุกอย่างที่ท่านต้องการจนแทบไม่มีเวลาว่าง
“ของฝากของกันตาล่ะคะ” กันตาหน้างอเมื่อเห็นพี่สาวที่รักเอาแต่สนทนากับบิดามารดา ละเลยเรื่องของฝากของเธอไป
“ของเราเอาไว้ไปดูกันในห้องดีกว่า” ญารินดาพูดยิ้มๆ
กันตายิ้มกว้างทันทีเมื่อรู้ว่าพี่สาวที่รักไม่ลืมของฝากของตน
“หนูไปพักผ่อนอาบน้ำ หรือนอนเล่นก่อนดีกว่าลูก”
“ขอบคุณค่ะคุณลุง” ญารินดาไหว้ขอบคุณผู้เป็นลุง
“เดี๋ยวกันตาจะพาพี่หญ้าหวานไปดูห้องพักนะคะ” กันตารีบอาสาอย่างกระตือรือร้นเพราะมีเรื่องจะเม้าธ์กระจายกับอีกฝ่ายมากมาย
“นึกว่านอนห้องเดียวกับกันตาเสียอีก” ญารินดาหยอกเย้า
“จะนอนห้องเดียวกับกันตาก็ได้นะคะ คิกๆ ไปเถอะค่ะ” รอยยิ้มของกันตาทำให้ญารินดายิ้มตาม พอไปถึงห้องเธอก็รื้อของฝากขึ้นมาให้น้องทันที
“นี่เสื้อผ้าพี่ซื้อมาฝาก”
“โห... สวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะพี่หญ้าหวาน ขอบคุณมากๆ นะคะ” กันตายกเสื้อผ้าขึ้นมาแนบกายหลายชุด สีสดใสบางตัวสีหวานแต่ทันสมัยและไม่โป๊
“นี่น้ำหอมจ้ะ ลองดูสิชอบหรือเปล่า”
“ชอบค่ะ หอมมากเลยค่ะ แต่ครั้งก่อนยังใช้ไม่หมดเลย”
“ก็เก็บเอาไว้ พี่มาอยู่ที่นี่หลายเดือน” ญารินดาว่ายิ้มๆ
“คราวก่อนพี่ไปเที่ยวต่างประเทศมาเหรอคะ กันตาโทรไปคุณน้าญาดาเล่าให้ฟัง” กันตาออดอ้อนซบหน้าที่ไหล่ของว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคต
แม้ญารินดาจะอายุห่างจากกันตาเพียงแค่สองปี แต่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุ แตกต่างจากกันตาที่ขี้อ้อนเหมือนเด็ก อาจเพราะคุณหญิงรัชนีสอนให้หลานสาวคนเดียวได้เข้าสังคม รู้จักวางตัวและต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง จึงทำให้ดูโตกว่าอายุจริง เนื่องจากมีผู้ใต้บังคับบัญชาอายุแตกต่างกันไป จึงต้องวางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นทายาทของตระกูลรัศมีดาว แม้น้องชายฝาแฝดทั้งสองนั้นเพิ่งจะสิบสองขวบ ท่านก็สอนให้เข้าสังคมตั้งแต่เด็ก น้องชายของญารินดาเรียนเก่ง เป็นนักกิจกรรมและนักกีฬา เล่นดนตรีก็เก่ง ถือว่าเป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่วงศ์ตระกูลไม่แพ้พี่สาวและท่าทางจะชอบชีวิตเมืองกรุงมากกว่าบ้านนอก ทำให้ผู้เป็นย่าตั้งความหวังเอาไว้กับหลานชายทั้งสองมากกว่าหลานสาว
ส่วนญารินดาถูกสอนเรื่องการวางตัวตั้งแต่เด็ก นิสัยออดอ้อนนั้นเอาไว้ใช้กับคนใกล้ชิดในครอบครัวเท่านั้น แต่อยู่ต่อหน้าคนนอก เธอคือหลานสาวของคุณหญิงรัชนีที่สวย เก่ง ฉลาด และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากมายในวงสังคมชั้นสูง
“ใช่จ้ะ พี่ซื้อเครื่องสำอางมาฝากเราด้วย”
“จริงเหรอคะ” กันตากรี๊ดกร๊าดใหญ่ มองกระเป๋าเครื่องสำอางแบรนด์หรูที่ญารินดายกขึ้นมาวางบนเตียง
“นี่ลิปจ้ะ มีหลายสีเลยนะ พี่ซื้อมาฝากกันตา”
“สวยจังค่ะ เพื่อนๆ ต้องอิจฉากันตาแน่นอนเลย” กันตายิ้มหน้าบาน มองอุปกรณ์แต่งหน้าครบชุดด้วยความตะลึง แม้ปกติญารินดาจะส่งของพวกนี้มาให้เป็นประจำเพราะไม่อยากให้เธอเชย แต่การได้ของใหม่ๆ ย่อมจะเห่อเป็นธรรมดา
“อันนี้น้ำยาทาเล็บจ้ะ สีสวยๆ ทั้งนั้นเลย”
“อยากทาจังเลยค่ะ แบบนี้ต้องไปชวนคุณแม่มาทาด้วย”
“ของน้ารุ้งก็มีจ้ะ”
ญารินดาเป็นคนเก่งและฉลาด รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ ทั้งกฤษพลและรุ้งรติมาต่างรักและเอ็นดู เธอรู้จักเลือกสรรของฝากที่ผู้รับชอบใจ ไม่ว่าจะส่งของอะไรมาให้จากกรุงเทพฯ เธอจะเลือกของที่จำเป็นและใช้สอยได้จริงที่ต่างจังหวัด เสื้อผ้าก็รู้จักเลือกสรรให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ของคนในต่างจังหวัด ไม่ใช่หรูหราหรือโป๊จนไม่กล้าใส่เดินไปไหนมาไหน