11
ภัทรียามองบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ในระยะสายตาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหันไปมองสนามหญ้า ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มุมหนึ่งเป็นสวนแบบญี่ปุ่น มีต้นบอนไซขนาดต่างๆ อยู่หลายต้น ต้นลีลาวดีที่เขาว่ากันว่าบางต้นมีราคานับล้านบาทก็มี รวมถึงต้นไม้ที่ตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช้าง เสือ กระทิง แล้วยังมีต้นไม้ใหญ่อีกหลายต้นแผ่กิ่งก้านสาขาแลดูร่มรื่นยิ่งนัก ซึ่งความกว้างของสนามหญ้าใหญ่กว่าบริเวณบ้านเธอหลายสิบเท่า และยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของพื้นที่บ้านทั้งหมด
ทางที่รถยนต์กำลังแล่นอยู่ทอดยาวจากหน้าประตูรั้วบ้านถึงตัวบ้านหลังใหญ่ เป็นระยะกว่าสามร้อยเมตร สองข้างทางมีต้นไม้ตัดแต่งไปตลอดทาง และที่เธอชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นน้ำพุหน้าบ้าน ซึ่งเป็นรูปวงกลมล้อมด้วยต้นไม้พุ่มเตี้ยตัดแต่งงดงาม ด้านในน้ำพุมีราชสีห์สีทองสองตัวพ่นน้ำออกจากปาก ส่งผลให้บ้านหลังนี้น่าเกรงขามและดูมีบารมียิ่งนัก
“ถึงแล้ว” เสียงของธัชธรรม์เรียกสติของภัทรียาที่กำลังเพลิดเพลินกับบ้านหลังใหญ่โตมโหฬาร
เธอไม่กล้าคำนวณถึงมูลค่าของบ้านหลังนี้ว่าเท่าไร เพราะคงคำนวณไม่ถูกแน่นอน เธอยังคาดการณ์ไว้ในใจว่านอกบ้านยังทำให้อ้าปากค้างกับความสวยงาม แล้วภายในบ้านจะสวยมากแค่ไหน ภัทรียาชักอยากจะเห็นเสียแล้ว
“ค่ะ” เธอรับคำสั้นๆ
“อย่าลืมว่าเธอต้องจำเรื่องที่เราเตี๊ยมกันไว้ให้ขึ้นใจนะ ไม่อย่างนั้นแผนพังแน่” ธัชธรรม์เตือนเมียหมาดๆ ของตัวเอง
“จำได้แม่นเลยค่ะ รับรองว่าปรางไม่ทำให้แผนพังแน่นอนค่ะ” เธอพูดอย่างมั่นใจ
“ดี” เขาตอบกลับสั้นๆ “งั้นก็ลงไปกันได้แล้ว”
ภัทรียาสูดลมหายใจเข้าปอดและผ่อนออกมาราวกับจะเรียกกำลังใจ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วลงไปยืนข้างตัวรถ จากนั้นก็เดินตามร่างสูงที่ถือกระเป๋าเธอเข้าไปภายในตัวบ้าน
เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งคู่นัดเจอกันที่เขตสายไหมเพื่อจดทะเบียนสมรส แต่ก่อนจดธัชธรรม์ให้ภัทรียาอ่านสัญญาที่เขาให้พี่ชายของจารุวิทย์ ซึ่งเป็นทนายความร่างให้ เมื่อหญิงสาวอ่านและทำความเข้าใจในสัญญาเรียบร้อย จึงเซ็นกำกับลงไปในสัญญา จากนั้นทั้งคู่ก็จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เสร็จแล้วธัชธรรม์จึงพาภัทรียามายังบ้านของเขา เพื่อประกาศให้คนในครอบครัวรู้ว่า หญิงสาวคือภรรยาของเขา ระหว่างทางเขาก็ได้ทำความเข้าใจให้ตรงกันเรื่องต่างๆ ที่เธออาจถูกบิดามารดาขอเขาซักไซ้ไล่เรียง อย่างเช่นว่า เจอกันที่ไหน รักกันได้อย่างไร คบหากันมากี่ปี และอื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมาเป็นชุด
ทันทีที่เท้าเล็กของภัทรียาก้าวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ เธอก็ตื่นตาตื่นใจกับความงามภายในบ้าน ซึ่งตกแต่งอย่างหรูหรา โอ่อ่าสมความร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีของตระกูลภาสวัชร์ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านบางชิ้นมีมูลค่าสูงกว่าเงินที่เธอใช้ทั้งปีเสียอีก
ระหว่างที่ภัทรียาเดินและมองไปทั่วบ้าน สตรีคนหนึ่งก็เดินมาทางเขากับเธอ ผู้หญิงคนนี้แต่งกายด้วยชุดเรียบร้อยประหนึ่งทำงานออฟฟิศ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าติดกระดุมปิดลำคอ ผูกโบหูกระต่ายสีดำ ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงจีบรอบตัวสั้นพอดีเข่าสีเดียวกับเสื้อ ผมเผ้ามัดรวบตึงดูเรียบร้อย ภัทรียาเดาว่าหญิงสาวคนนี้น่าจะเป็นผู้ช่วยของบิดาหรือไม่ก็มารดาของธัชธรรม์
“สวัสดีค่ะคุณอ๋อง” ส้มแป้นสาวใช้ประจำบ้านเดินเข้ามาหาผู้เป็นนาย พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปมองหน้าภัทรียาที่เคียงคู่เจ้านายหนุ่มเข้ามาในบ้านอย่างสงสัยว่าเป็นใคร
“เอากระเป๋าของคุณปรางไปเก็บที่ห้องของฉัน” ธัชธรรม์ส่งกระเป๋าเดินทางของภัทรียาให้สาวใช้ที่ทำหน้างง เพราะไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือไม่
“ให้เอาไปไว้ในห้องคุณอ๋องเหรอคะ” ส้มแป้นทวนถามเพื่อความมั่นใจ
“ใช่ เอาไปไว้ที่ห้องของฉัน” ธัชธรรม์บอกเสียงเรียบ
“ค่ะคุณอ๋อง” แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมดว่าเจ้าของกระเป๋ามีความสัมพันธ์ใดกับธัชธรรม์ แต่เธอก็ไม่กล้าถาม นอกจากทำตามคำสั่ง
“แล้วคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่ไหน”
“อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ”
“ขอบใจ” ธัชธรรม์พูดจบก็หันมาทางภัทรียา “ไปกันเถอะ”
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใครเหรอคะ” ภัทรียาถามขณะเดินตามร่างใหญ่ไปยังห้องนั่งเล่น
“คนรับใช้ของบ้านหลังนี้ ชื่อส้มแป้น”
คนอยากรู้คำตอบอึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าสาวใช้บ้านหลังนี้จะแต่งตัวดีกว่าเธอเสียอีก ภัทรียาก้มมองตัวเองแล้วพลางคิดว่า สารรูปเธอตอนนี้ยิ่งกว่าคนรับใช้ เพราะนุ่งกางเกงยีนชายขาดลุ่ยเพราะเก่า เสื้อยืดสีขาวพอดีตัว และรองเท้าผ้าใบคู่เก่งที่ใส่มามากกว่าสี่ปี เห็นแล้วนึกสมเพชสภาพแสนปอนของนางภัทรียา ภาสวัชร์ เจ้าสาวใหม่ๆ หมาดๆ ยิ่งนัก
ก่อนที่จะถึงห้องนั่งเล่นไม่กี่ก้าว ประตูห้องดังกล่าวก็เปิดออก มะลิ สาวใช้อีกคนที่สวมชุดเหมือนส้มแป้นไม่มีผิดเดินออกมา สาวใช้คนนั้นแสดงท่าทางนอบน้อมต่อธัชธรรม์ และอีกเช่นเคยที่มองภัทรียาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามว่าเธอคือใคร ทว่ายังไม่ทันได้ถามเจ้านายสุดหล่อ ธัชธรรม์ก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นพร้อมกับหญิงสาวแปลกหน้าเสียก่อน มะลิจึงไปทำงานของตัวเองต่อ
ธัชชัยกับลักขณาละสายตาจากโทรทัศน์จอใหญ่ มามองบุตรชายกับหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าและแววตาอัดแน่นด้วยความสงสัย เพราะสตรีที่เดินเข้ามาพร้อมลูกชายนั้น พวกเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ดูจากท่าทางและการแต่งกายคงไม่ใช่เพื่อนของธัชธรรม์แน่นอน
“ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง ยังไม่เที่ยงเลยนะ” ลักขณาเก็บความสงสัยไม่อยู่ จึงถามลูกชาย ทว่าสายตาพินิจมองภัทรียาตั้งแต่หัวจดปลายเท้า ก่อนลากสายตาขึ้นมองหน้าภัทรียาอีกครั้ง
คนถูกมองรู้สึกร้อนวาบเมื่อเห็นสายตาของสตรีสูงวัยที่ดูดีมีชาติตระกูล เพราะสายตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตร ดูถูก และเหยียดหยาม ซึ่งเธอเดาได้ทันทีว่าสตรีตรงหน้าคือมารดาของธัชธรรม์