3

1518 คำ
บทที่ 3 ปัง ๆ ๆ ธีรสิทธิ์สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงทุบประตูหน้าห้อง แต่ก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร จึงรีบลุกไปเปิด “พี่เคาะเบา ๆ ไม่เป็นหรือไง” เขาต่อว่าทันทีที่เปิดประตู “ฉันเคาะจนมะเหงกแดงหมดแล้ว แต่นายไม่ได้ยิน ฉันจึงต้องเปลี่ยนเป็นทุบ” ธีรทัศน์ชูมือให้น้องชายดูแล้วเดินเข้าไปในห้อง “นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะพี่เขื่อน เกรงใจแขกห้องอื่นบ้างสิ” ธีรสิทธิ์ปิดประตูแล้วเดินตามหลังพี่ชายไปติด ๆ “นี่โรงแรมห้าดาวนะไอ้ขัน ไม่ใช่โรงแรมจิ้งหรีด ห้องเขาเก็บเสียงอย่างดีโว้ย” “พี่มีอะไรกับผม ถึงมาปลุกแต่เช้าแบบนี้” เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ ธีรสิทธิ์จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “แปดโมงนี่ไม่เช้าแล้วนะไอ้ขัน แล้วคนที่มีธุระคือแกไม่ใช่เหรอ” ธีรทัศน์มองน้องชาย ที่กำลังเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม “ผมขอยืมเงินห้าแสนสิพี่เขื่อน” ถึงแม้เขาจะมีเงินเดือนและสามารถใช้บัตรเครดิตได้ไม่จำกัดวงเงิน แต่คนที่จ่ายก็คือพี่ชายของเขาคนนี้ และเงินจำนวนมากขนาดนี้เขาไม่มีอยู่ในมือหรอก เพราะเพิ่งเอาเงินก้อนใหญ่ไปลงทุนกับหุ้น และเพิ่งซื้อนาฬิกายี่ห้อหรูไปเมื่อสองวันก่อนนี้เอง เพื่อนำมาเก็งกำไรขายออกไปอีกที ตอนนี้จึงทำได้แค่ขอยืมจากพี่ชายไปก่อน “จะเอาไปขอเมียเหรอ” “จะเอาไปช่วยเพื่อนก่อน เพื่อนผมเป็นหนี้เพราะรักษาพ่อที่ป่วยอยู่หลายปี แล้วยังต้องส่งน้องเรียนอีก พอดีมันจะได้ไปทำงานที่เมืองนอกเร็ว ๆ นี้ ผมก็เลยอยากช่วยใช้หนี้ให้มันก่อน มันจะได้ไม่ต้องเสียดอกให้พวกเจ้าหนี้หน้าเลือด” “ช่วยฟรี ๆ งั้นเหรอ” เขาไม่ใช่คนใจแคบ แต่เงินทุกบาททุกสตางค์เขาหามาด้วยความยากลำบาก ถึงแม้อยากช่วยเพื่อนคนนั้นของน้องชายที่เป็นหนี้ เพราะเห็นแก่ความกตัญญู และความรับผิดชอบที่มีต่อน้องสาว แต่ก็คงไม่ช่วยฟรี ๆ “คนอย่างไอ้จิระน่ะเหรอจะเอาเงินจากผมฟรี ๆ ไม่มีทางหรอกพี่เขื่อน รู้ไหมกว่าผมจะบังคับให้มันยืมเงินได้นี่ผมทั้งขู่ทั้งปลอบเลยนะ” ชายหนุ่มเล่าให้พี่ชายฟังอย่างไม่ปิดบัง เพราะรู้ดีว่าภายใต้ท่าทางที่เผด็จการและปากที่จัดจ้านนั้น เขาคือผู้ชายที่มีเหตุผลและชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ “ผมบอกมันว่ากลับจากเมืองนอกแล้วค่อยมาผ่อนใช้” “โอเค ฉันเชื่อแก” “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งนะพี่เขื่อน ผมอยากได้ผู้ช่วยสักคน” “ก็บอกฝ่ายบุคคลให้เขาจัดการให้สิ” “ผมหาได้แล้ว กลับไปคราวนี้เธอจะไปกับเราด้วย” ธีรทัศน์มองน้องชายอย่างเคลือบแคลงใจ “เธอเป็นคนพิเศษของนายด้วยหรือเปล่า” “ครับ” เขารักและเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ ๆ เธอจะไม่เป็นคนพิเศษของเขาได้ยังไง “แบบนี้ฉันก็ต้องปลูกเรือนหลังใหม่ให้นายแล้วสิ จะได้มีความเป็นส่วนตัว” “ทำไมต้องปลูกครับ ผมก็อยู่เรือนพญาของพี่เขื่อนนั่นแหละ ผมแค่จะขออนุญาตให้น้องเกลเขาพักกับเราด้วย ที่ห้องรับรองในเรือนนั้น” “คงไม่ได้หรอก ห้องนั้นพี่เก็บไว้รับรองแขกที่สนิทกันจริง ๆ เท่านั้น แล้วทำไมนายไม่พักอยู่ห้องเดียวกันเลยล่ะ หรือว่าเกรงใจฉัน ไม่ต้องมาทำเป็นเกรงใจฉันหรอก โต ๆ กันแล้ว” ธีรสิทธิ์เพิ่งถึงบางอ้อกับความคิดของพี่ชาย เขารีบโบกมือ ส่ายหน้ายิก “พี่คิดไปถึงไหนเนี่ย ผมกับน้องเกลสนิทกันแบบพี่ชายน้องสาวเท่านั้น ไม่เคยนึกพิศวาสเธอแบบชู้สาวสักนิด เธอเป็นน้องของเพื่อนผม ผมก็เห็นเธอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงเลยมั้ง ผมคิดกับเธออย่างอื่นไม่ลงหรอกพี่” “นายไม่คิดแต่เธออาจจะคิดก็ได้” น้องชายของเขาออกจะหล่อตี๋ ตามสเป็กของสาว ๆ ยุคนี้ ผู้หญิงคนไหนที่มองข้าม ถ้าไม่ตาบอดก็คงเป็นพวกทอมดี้แน่นอน “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้แน่นอน ต่อให้นอนกอดกันบนเตียงนอนมันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ เราต่างรักกันแบบพี่ชายน้องสาวจริง ๆ พี่” “เธอมีแฟนแล้วเหรอ” “ไม่มีหรอกครับ น้องเกลเขาเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน เวลาว่างจากการเรียน ก็ทำพาร์ตไทม์ช่วยพี่ชายงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟน” “น้องสาวของเพื่อนนายหรอกเหรอ” เธอต้องเป็นผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา หรืออาจจะขี้เหร่แน่ ๆ ธีรทัศน์คิดในใจ “ถ้าเธอจะไปทำงานกับเรา เธอพักที่เรือนพญาไม่ได้หรอกขัน พี่ให้พักได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น พอเริ่มทำงานเธอก็ต้องย้ายไปพักที่บ้านพักคนงาน เธอจะไม่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นหรอกนะ” ธีรสิทธิ์มองหน้าพี่ชายเล็กน้อยก่อนพยักหน้ายอมรับ พี่ชายของเขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับพื้นที่ส่วนตัว ข้อนี้เขารู้ดี ขนาดแม่เลี้ยงกับหลานสาวของเธอ มาขออาศัยอยู่ด้วยที่ฟาร์มหลังจากที่บิดาจากไปแล้ว เขายังปลูกเรือนแยกให้อยู่ต่างหาก “ถึงแม้ฉันจะยอมรับเธอเข้าทำงาน แต่เธอก็ต้องยื่นหลักฐานการสมัครงาน เหมือนพนักงานคนอื่น ๆ จะมาใช้เส้นสายกับฉันไม่ได้นะ” “ผมรู้ครับพี่ แค่นี้ผมก็ขอบคุณมากแล้ว” “ในฐานะที่เธอเป็นคนสนิทของนาย ฉันจะเป็นคนสัมภาษณ์และประเมินเงินเดือนให้เอง” ธีรทัศน์มองหน้าน้องชาย “ทำไม ไม่พอใจฉันเหรอ” “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ” เฮ้อ! น้องเกลของพี่ขัน ธีรสิทธิ์ได้แต่รำพันอยู่ในอก ด้วยความเห็นใจหญิงสาว “ฉันไปนะ อย่าลืมส่งเลขที่บัญชีมาล่ะ” “ขอบคุณครับพี่เขื่อน” ธีรสิทธิ์บอกกับพี่ชายที่กำลังจะออกไปจากห้อง... สุนทรเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อลูกหนี้ที่แสนดีของเขาพูดจบประโยค โน้มตัวไปหาชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกันพร้อมรอยยิ้ม “คนกันเองแท้ ๆ ไม่เห็นต้องรีบจ่ายเลยพี่จิระ” “ผมต้องไปทำงานที่สิงคโปร์ ถ้าไม่ได้จ่ายตอนนี้ก็คงเป็นปีถึงจะได้มาจ่ายเสี่ย” จิระให้เหตุผลกับเจ้าหนี้หน้าเลือด ที่แสร้างทำเป็นใจดี “เป็นปีผมก็รอพี่ได้ พี่คือลูกหนี้คนพิเศษของผมเสมอ” “ไม่เป็นไรครับเสี่ย ผมอยากไปแบบสบายใจ เอาเอกสารคืนมาให้ผมเถอะ” ไม่ได้ดูสารรูปเลย แก่กว่าตนตั้งหลายปียังมีหน้ามาเรียกพี่อยู่ได้ “ถ้าพี่ไปแล้วน้องเกลจะอยู่ยังไง ผมยินดีรับฝากนะครับ” “น้องสาวผมผมดูแลเองได้ เสี่ยเอาเวลาที่ว่างไปดูแลครอบครัวของเสี่ยเถอะ” ได้ยินน้ำเสียงแข็งกระด้าง และสีหน้าไม่สบอารมณ์ของลูกหนี้หนุ่ม สุนทรจึงแสยะยิ้มใบหน้าระรื่น มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม “ผมก็แค่อยากมีคนในครอบครัวเพิ่มอีกสักคน ผมยกหนี้ให้พี่จิระหมดเลยนะ ถ้าพี่ตกลง” จิระกำหมัดแน่น ระงับอารมณ์จนตัวสั่น สบตากับสีหน้ายียวนนั้น “ผมจะมาเคลียร์หนี้กับเสี่ยนะ เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า” “อยู่กับผมน้องเกลจะมีแต่ความสะดวกสบายนะพี่จิระ คิดดูให้ดี” “เสี่ยจะคุยเรื่องเดิมอยู่ใช่ไหม” “ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ระหว่างเงินกับน้องสาวพี่ ผมอยากได้น้องสาวพี่มากกว่า” ผลัวะ! เสี่ยจิระหงายหลังไปพร้อมเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เมื่อเจอบาทาพิฆาตเข้าไป แล้วตามไปคร่อมพร้อมกระชากคอเสื้อ “อย่าพูดจาดูถูกน้องสาวกูแบบนี้ ถึงกูจะจนกูก็มีศักดิ์ศรีนะ กูยืมเงินมึงใช้กูก็จ่ายดอกเบี้ยให้ทุกเดือน ไม่ได้เอามาใช้ฟรี ๆ” ชายหนุ่มผละออกจากร่างของสุนทร มองปากที่เปื้อนเลือดของมัน พยายามระงับอารมณ์โกรธที่โพยพุ่งให้เงียบสงบ “แต่ถ้าพรุ่งนี้เสี่ยยังลีลา ผมจะเอาตำรวจกับนักข่าวมาด้วย ถ้าอยากดังก็เชิญ” เขาทิ้งคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนเดินจากไป สุนทรรีบลุกขึ้น ใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ปาก “กูจะเอาคืนจากมึงเป็นสิบเท่าเลยไอ้จิระ” สบถตามหลังเมื่อมั่นใจว่าชายหนุ่มไม่ได้ยิน “มองอะไรวะ! ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันหรือไง” ระบายอารมณ์กับผู้คนรอบข้าง แล้วเดินกร่างแบบเจ็บ ๆ จากตรงนั้นไปอย่างเร็ว...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม