บทที่ 2
ตุลฎามองหน้าพี่ชาย สายตาที่มองเธอ มีแต่ความห่วงใยอย่างลึกซึ้ง จนยากที่จะปฏิเสธความหวังดีของเขาได้ลงคอ
ถึงแม้จะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา เขาเป็นลูกของลุงที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของพ่อเธอ แต่เธอกับเขาก็โตมาด้วยกัน ความรักความผูกพันจึงไม่ต่างกับพี่น้องแท้ ๆ ต่างคนต่างก็รักกันมาก ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้หนักหนาอะไร จึงยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี เพื่อให้เขาสบายใจ
“ก็ได้จ้ะ เกลจะไปทำงานกับพี่ขัน เพื่อความสบายใจของพี่ก็แล้วกัน แต่เกลจะช่วยอะไรพี่ขันเขาได้บ้างล่ะพี่จิระ มันคนละสายงานกับที่เรียนมาเลย”
บ้านของพี่ขันเป็นฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก นอกจากเลี้ยงนกกระจอกเทศแบบครบวงจรแล้ว ยังมีสัตว์อื่น ๆ อีกหลายชนิด แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เธอไม่อยากเห็นพวกมันถูกชำแหละต่อหน้าต่อตาเลย หวังว่าเขาคงไม่ให้เธอไปทำอยู่ในส่วนนั้นนะ
จิระฉีกยิ้มกว้างด้วยความโล่งอก “ไม่ยากหรอก ก็แค่ทำตามที่พี่ขันเขาสั่งก็พอ เกลเก่ง ฝึกไม่นานก็เป็นเอง เดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกพี่ขันเขาเลยนะ”
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้น กว่าพี่จิระจะไปอีกตั้งเดือนกว่า”
“ไอ้ขันมันอยู่ที่กรุงเทพพอดี พี่แค่โทรไปบอกมันไว้เฉย ๆ ที่เหลือก็ให้มันตัดสินใจว่าจะให้ไปเมื่อไหร่ แต่ถ้ามันจะให้ไปเลยก็ได้เตรียมตัวไว้เลย”
“ปากท่ออยู่แค่นี้เอง เกลนั่งรถตู้ไปเองก็ได้ ไม่เห็นยากเลย”
“อะ ลงตรงแยกวังมะนาวแล้วไปต่อยังไงอีก บอกพี่ซิ”
“ก็โทรเรียกพี่ขันให้ออกมารับสิ เกลอยากอยู่ส่งพี่ก่อนนี่” หญิงสาวต่อรองหน้าเศร้า
“ไปก่อนเถอะ ช่วงนี้พี่ต้องยุ่งมากทั้งเรื่องเอกสารการเดินทางและเรื่องงานที่ต้องสะสาง พี่คงกลับดึกทุกวันแน่ ๆ เกลไปอยู่กับพี่ขัน พี่จะได้เคลียร์งานได้เต็มที่ ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงเรา ส่วนวันที่พี่เดินทางพี่จะบอกให้ขันมันพาเรามาด้วย ดีไหม” ถ้าไม่ใช้วิธีนี้สงสัยน้องสาวของเขาคงไม่เลิกงอแงแน่
“ก็ได้ค่ะ” เธอยอมรับอย่างจำใจ
“ไปนอนพักผ่อนได้แล้ว” จิระบอกกับน้องสาวที่ง่วนกับกองดอกไม้กระดาษตรงหน้า
“ขออีกร้อยดอกแล้วจะไปนอน”
“อย่ามาต่อรอง พี่พูดอะไรต้องเชื่อสิ”
“แต่เกลอยากทำให้ได้เยอะ ๆ นี่ เกลจะรวบรวมเงินให้พี่จิระเอาติดตัวไปใช้จ่ายที่โน่น”
จิระรีบเบี่ยงหน้าไปทางอื่น เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว เพราะกลัวเธอจะเห็นน้ำตาที่ซึมออกมา เขาทำเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง เพื่อประวิงเวลาให้น้ำตาแห้ง และให้ก้อนสะอื้นที่วิ่งขึ้นมาจุกที่อกจางหายไป
“บริษัทเขามีเบี้ยเลี้ยงให้พี่อยู่แล้ว เราไม่ต้องมาทนหลังขดหลังแข็งหรอก” เขาโกหกให้เธอสบายใจ แต่ที่เขามีติดตัวไปจริง ๆ ก็คือเงินเดือนเดือนนี้ กับบัตรเครดิตที่จะกลับมาใช้ได้อีกครั้ง เพราะธีรสิทธิ์ช่วยจ่ายหนี้บัตรให้ก่อน
“จริงนะ ไม่ได้โกหกเกลใช่ไหม”
“อย่ามาจ้องจับผิดพี่แบบนี้นะ ไปนอนได้แล้ว เห็นเรานั่งอยู่แบบนี้พี่ไม่มีสมาธิทำงานเลย”
“ไปก็ได้” หญิงสาวรวบดอกไม้ใส่ถุงแล้วไปเก็บไว้ที่เดิม หยิบที่นอนที่พับไว้มาปูแล้วบ่นอุบอิบ “ห้องเช่าห้องแค่นี้ ถึงอยากหนีก็หนีกันไม่พ้นอยู่ดี”
“ถึงหนีไม่พ้นก็ดีกว่านั่งมองอยู่ตรงหน้าแหละ นอนแล้วหันหน้าเข้าหาผนังไปเลยนะ ฉันเบื่อหน้าสวย ๆ ของหล่อนเต็มทนแล้ว” ชายหนุ่มแกล้งต่อว่าน้องสาว
“ไม่สน เกลจะนอนมองหน้าพี่จิระแบบนี้แหละ เพราะเกลจะไม่ได้เจอพี่อีกตั้งเป็นปี” เธอเถียงด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
อีกครั้งที่จิระต้องหลบหน้าน้องสาวสุดที่รัก คำพูดของเธอบีบคั้นหัวใจเขายิ่งนัก ถ้าเลือกได้เขาไม่อยากจากเธอไปเลยจริง ๆ
‘อย่าทิ้งน้องนะลูก พ่อเคยรับปากอาทั้งสองก่อนตายว่าจะดูแลน้องอย่างดี แต่พ่อรู้ตัวดีว่าพ่อคงอยู่ได้อีกไม่นาน พ่อจึงต้องฝากฝังน้องไว้กับเราแทน’
‘ครับพ่อ ผมจะรักและดูแลน้องอย่างดี พ่อไม่ต้องห่วงนะ’
คำพูดของบิดาก่อนอาการจะทรุดหนัก วิ่งวนเข้ามาในสมองของชายหนุ่ม เขาได้แต่เอ่ยขอโทษบิดาอยู่ในใจ ที่ไม่สามารถรักษาสัญญานั้นไว้ได้...
ก๊อก ๆ ๆ
ธีรทัศน์กำลังขยับโยกเรือนร่างแข็งแกร่ง บึกบึน อยู่บนเรือนร่างอวบอัดจนล้นของหญิงสาวนางหนึ่งอย่างเมามัน เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากที่ถูกขัดจังหวะ แต่อารมณ์ที่กำลังบรรเจิดทำให้เขาไม่อาจจะหยุดลงได้ จึงรีบเร่งเพื่อให้ตนเองไปถึงที่หมาย โดยไม่สนใจว่าคู่นอนจะอิ่มเอมหรือค้างคา
เมื่อเสร็จกิจแล้วจึงลงจากเตียง ไปคว้าผ้าขนหนูที่สตูลปลายเตียงมาพันท่อนล่างเอาไว้ แล้วเดินไปเปิดประตู..
ธีรสิทธิ์ยืนรออยู่สักพัก แต่ยังไม่เห็นพี่ชายมาเปิดประตู จึงมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะมันไม่ใช่เวลาที่พี่ชายของเขาน่าจะหลับลงได้
“หรือว่าผิดที่” เขาพูดกับตัวเอง แล้วตั้งใจเดินกลับไปยังห้องพักของตัวเอง
แกร๊ก..
เสียงประตูที่เปิดออก ทำให้ธีรสิทธิ์ที่เพิ่งก้าวเท้าไปแค่เพียงสองก้าวหันกลับไปมอง
“ผมนึกว่าพี่หลับไปแล้ว” เขาพูดกับพี่ชาย
“แกมาเคาะประตู เพื่อจะมาดูว่าฉันหลับแล้วหรือยังงั้นเหรอ” ธีรทัศน์เปิดประตูให้กว้าง เพื่อให้น้องชายเดินเข้ามาในห้อง
“ผมมีธุระกับพี่ต่างหาก โอ๊ะ!” ธีรสิทธิ์รีบถอยกลับแทบไม่ทัน เมื่อเห็นหญิงสาวนางหนึ่งนอนห่มผ้าหมิ่นเหม่อยู่บนเตียงหลังใหญ่ ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้เอง ถึงได้เปิดประตูช้า “ขอโทษที่มาขัดจังหวะ เชิญพี่ทำธุระต่อเถอะ ธุระของผมไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้”
“คุยธุระของนายมาเถอะ ฉันเรียบร้อยไปหนึ่งยกแล้ว ไม่ต้องห่วง”
ธีรสิทธิ์หยุดอยู่แค่ตรงประตู หันกลับไปหาพี่ชายปากตลาดของตนด้วยความหมั่นไส้
“ผมไม่คุยแล้ว เชิญพี่ไปยกซดกันต่อตามสบายเถอะ” พูดจบก็เปิดประตูออกไปทันที...