ตอนที่ 1 หักหลัง

1145 คำ
Chapter 1 หกโมงเย็นของซูริก สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) พระอาทิตย์ยังลอยเด่นอยู่บนฟ้า แสงของวันยังไม่ลับหายไป ทว่าเมฆฝนที่ตั้งเค้ามาทำให้ขาเล็กๆ ของหญิงสาวหยุดชะงัก เธอยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา “ยังทัน” เธอรำพึงกับตัวเองเบาๆ หญิงสาวหมุนปลายรองเท้าบู๊ทสำหรับผู้หญิงดีไซน์เรียบหรูกลับ รองเท้าคู่ใจของเธอสำหรับฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศเย็นสบาย ปลีน่องขาวของเธอถูกคลุมด้วยริ้วหนังสาน เพิ่มความเก๋หวานสำหรับออกงานด้วยโบว์เล็กๆ ด้านหน้าให้เหมาะสำหรับสวมใส่ได้หลายโอกาส แม้จะอยู่ในลุกซ์สาวเปรี้ยวหรือสาวหวาน หรือแม้กระทั่งใส่ออกงานเหมือนอย่างแพรนรียามนี้ หญิงสาวในชุดเดรสสั้นคอปาดเฉียงไหล่ตัวต่อผ้าชีฟองจับพลีต ตัวนี้ดูเป็นสาวเปรี้ยวเก๋ มั่นใจในตัวเอง ช่วงไหล่ถึงเอวมีซิปประดับด้านข้าง มีลูกเล่นตัดต่อผ้าชีฟองจับพลีตที่ด้านหลังตั้งแต่เอวยาวลงมาเลยกระโปรงด้านในเล็กน้อยให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวเซ็กซี่ อุณหภูมิสิบองศาต้นๆ เหมาะที่จะมาจูงมือคู่รักเดินทอดน่องเลียบทะเลสาบซูริกที่ทอดยาวมากกว่าจะรีบก้าวฉับๆอย่างเร่งรีบเหมือนเธอ เบื้องหน้าเป็นทะเลสาบแสนสวยที่สามารถยืนชมวิวเทือกเขาแอลป์ ในวันที่ฟ้าโปร่งจะมองเห็นยอดเขาน้ำแข็งจากสะพานในเมืองซูริก สวยงามมากๆ เราขึ้นไปชั้นบน เพื่อมองวิวสวยๆมุมกว้าง แพรนรีเดินผ่านคู่บ่าวสาวที่ถ่ายเวดดิ้งข้างๆ ศาลาริมน้ำฉลุลายสีขาว เธออดที่จะหยุดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ การได้สวมชุดเจ้าสาวคือความฝันสูงสุดของผู้หญิงทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอ แพรนรีมีคู่หมั้นที่เดินทางมาเรียนด้วยกัน ทั้งเธอและเขาได้รับทุนจากรัฐบาลมาเรียนด้านเศรษฐศาสตร์การเงินของมหาวิทยาลัยชื่อดังของที่นี่พร้อมกับเพื่อนสาวอีกคน แต่เพื่อนของเธอใช้ทุนตัวเอง แพรนรีพักอยู่กับเพื่อนสาวในขณะที่แฟนหนุ่มพักอยู่กับรูมเมทชาวสวิสที่อยู่ห่างจากตึกที่เธอพักไปสองบล็อก ปลายเท้าเล็กมาหยุดอยู่ที่หน้าตึกที่พักกับอาการหอบน้อยๆ ที่เกิดจากความเร่งรีบ ลมหายใจถูกพ่นออกมาเป็นละอองสีขาวขุ่นบางๆ บอกได้ถึงอุณหภูมิความร้อนจากภายในร่างกายมากกว่าด้านนอก เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนไรผมช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี ทว่าเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาก็เน้นย้ำให้เธอต้องรีบก้าวต่อไป ตึกที่หญิงสาวพักเป็นสถาปัตยกรรมโคโลเนียลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มักเห็นอยู่เกลื่อนเมือง ตรงประตูทางเข้ามีจั่วมุกกลางประดับตราธงชาติเล็กๆ ด้านนอกของอาคารหลังนี้ถูกออกแบบโดยเน้นความโปร่งสบายด้วยหน้าต่างและช่องระบายอากาศ การตกแต่งเป็นปูนปั้น ทว่าเข้าไปด้านในกลับถูกออกแบบให้เป็นสีออกโทนส้มเพื่อให้ดูอบอุ่นสำหรับเมืองหนาวแห่งนี้ หญิงสาวไขกุญแจเปิดประตูห้องเข้าไปเอง เพราะเกรงจะรบกวนเพื่อนสาวที่เธอบอกจะเตรียมพรีเซนต์งาน หากแต่สิ่งที่เธอคิดคงจะสวนทางกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง “อย่าใจร้อนซิค่ะคุณธี ยัยแพรเพิ่งออกไปครึ่งชั่วโมง เรายังเหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน” เสียงหวานของเพื่อนสาวร่วมห้องเล็ดลอดออกมาจากช่องประตูห้องที่กั้นเป็นห้องนอนไปในตัว ขาของแพรนรีหยุดชะงักโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าชื่อของคนในบทสนทนาเป็นคนที่เธอคุ้นเคย ชื่อของผู้ชายที่หลุดออกมาจากปากของเพื่อนสาวคือสิ่งที่ทำให้แพรนรีอยากรู้เป็นที่สุดว่าเขามาทำไม ในเมื่อเธอบอกว่าจะไปทำงาน และธีรากรก็บอกว่าเขาไม่ว่างไปรับเธอในตอนดึกเพราะเขาติดโปรเจ็กต์งาน แต่ว่าคนที่เธอเชื่อว่ากำลังยุ่งอยู่คนละที่ พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ในห้องนอนของเธอตอนนี้ หญิงสาวยกข้อมือดูเวลาอีกครั้ง ใกล้จะถึงเวลานัดเริ่มงานเลี้ยงของเธอที่ต้องไปเต็มที แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง “ธี หรือ ธีรากร” เขาเป็นคู่หมั้นของหญิงสาวตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ทั้งคู่เริ่มคบกันในสายตาผู้ใหญ่ตั้งแต่เริ่มเรียนปีสอง และพอเรียนจบผู้ใหญ่ทางฝ่ายชายก็เร่งรัดให้ทั้งคู่หมั้นกันไว้ก่อน และให้ธีรากรเบนเข็มมาเรียนต่อที่สวิตเซอร์แลนด์กับแฟนสาวแทนที่จะไปเรียนอังกฤษตามที่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้น หญิงสาวยอมเสียมารยาทบิดลูกบิดเปิดประตูทันที หากแต่บานประตูห้องนอนของเธอกลับถูกปิดล็อกนิ่งสนิท เธอไม่ลังเลที่จะควานหากุญแจในกระเป๋าที่เธอเพิ่งหย่อนมันกลับลงไปเมื่อครู่ออกมาไขเปิดอย่างเบามือ ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ร่างหนาในชุดผ้าขนหนูสีขาวพันร่างกายท่อนล่างหมิ่นเหม่กำลังกกกอดเพื่อนสาวของเธอที่นอนทอดกายอยู่บนเตียง สภาพการแต่งกายไม่แตกต่างกัน ร่างเสลาขาวลออของเธอหลงเหลืออาภรณ์เพียงสองชิ้นเล็กๆ บนล่าง ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากถอดออกทั้งหมด แพรนรีชะงักเล็กน้อย ภาพสะดุดตากระแทกหัวใจของเธออย่างแรง ของขวัญชิ้นใหม่ที่เธอได้รับจากชายคนรักกับเพื่อนสนิทอย่างไม่ทันตั้งตัว ตำแหน่งผู้หญิงหน้าโง่กับมงกุฎสองแฉกที่ถูกสวมอย่างตั้งรับตำแหน่งไม่ทัน ตำแหน่งที่ผู้หญิงทุกคนพยายามหลีกหนี มันกลับรุนแรงเกินจะต้านทานไหว หัวใจของแพรนรีเบาหวิวไร้ร่องรอย “ผมขออีกครั้งนะลิซ” ชายหนุ่มอ้อนเสียงนุ่ม คำว่าอีกครั้งกระแทกหัวใจคนยืนฟังอย่างหนัก สิ่งที่เธอพยายามปลอบโยนตัวเองมันเกิดขึ้นไปแล้ว “ลิซ หรือ อลิชา” เป็นเพื่อนสาวนักเรียนร่วมคลาสกับแพรนรี เธอเป็นลูกสาวเจ้าสัวเศรษฐีเมืองภูเก็ตจึงไม่จำเป็นต้องหาทุน แตกต่างจากเธอที่เป็นแค่ลูกสาวข้าราชการระดับปานกลาง เธอจึงต้องปากกัดตีนถีบสอบชิงทุนมาและต้องดั้นด้นออกไปหางานทำข้างนอกเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว เพราะลำพังทุนที่ได้รับคงไม่พอกับค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงลิ่ว ดวงตาสีนิลของแพรนรียังคงจับจ้องคนบนเตียงไม่วางตา แต่ทั้งคู่ก็คงสนุกไม่ได้รู้สึกถึงการจับจ้องสักนิด ผู้หญิงแสนดีที่ทำตัวเป็นเพื่อนมาตลอดสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยที่เมืองของเธอ กับเวลาเกือบสองปีที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนด้วยกัน เธอไม่เคยระแคะระคายเลยสักนิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม