มาดามเรนนี่เป็นอีกคนที่คอยหางานนำเที่ยวจ๊อบเล็กๆ ลูกทัวร์เป็นกลุ่มครอบครัวสามสี่คนส่งให้เธอต่อ แม้จะรู้ว่าโดนหักค่าหัวคิวไปเยอะ แต่มันก็เป็นงานหนึ่งที่สร้างรายได้ และที่มากกว่านั้นเธอได้กำไรเพราะได้เที่ยวไปพร้อมๆ กับทำงาน ถ้าจะให้ไปเที่ยวเองเธอคงไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น
แพรนรียกหน้าจอโทรศัพท์ดูเวลาอีกครั้ง นอกจากมันจะเป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสาร มันยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอ ทั้งจดตารางงาน ดูเวลาและให้ความบันเทิง ตลอดจนติดตามข่าวสารที่เมืองไทย
“เฮ้อ! ยังทัน” แพรนรีบอกกับตัวเองเบาๆ เธอคว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย ขยับขาก้าวออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ เป้าหมายคือร้านเสื้อของมาดามเรนนี่อีกสองบล็อกถนน
แพรนรีใช้เวลาเพียงสิบหน้านาทีในการเดินทาง เธอติดเครื่องสำอางมาด้วย เพราะบ่อยครั้งที่เธอใช้ห้องน้ำของโรงแรมหรือสถานที่จัดงานแปลงโฉม ด้วยรูปร่างหน้าตาสวยจิ้มลิ้นเป็นทุนเดิมของเธอ เพียงแตะแต้มบางๆ กรีดอายไลเนอร์และปัดแก้มสักหน่อยก็สวยชวนมองจนหนุ่มๆ เหลียวหลัง ไม่ต่างจากผมดัดลอนคลื่นสีเขียวหม่นที่เธอตั้งใจเอาไว้สำหรับออกแบบได้หลายทรง
หญิงสาวเดินมาถึงร้านเป้าหมายในเวลาที่เธอกำหนดให้ตัวเองก่อนหน้า แต่เธอก็ยืนหอบน้อยๆ อยู่หน้าร้านสักพัก มองเข้าไปด้านใน
สตรีวัยสี่สิบต้นๆ กำลังเดินรอบตัวหุ่น การแต่งตัวของนางเหมือนหลุดออกจากแคตวอล์กทุกครั้งที่แพรนรีเห็น คงจะเพราะอาชีพของเธอที่ต้องดีไชน์แบบเสื้อผ้าให้สวยเข้ากับนางแบบ
หลังจากหายเหนื่อย แพรนรีก็ผลักประตูกระจกเดินเข้าไปในร้านร้องทักเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะพี่น้ำฝน” หญิงสาวยกมือไหว้พร้อมกับร้องทัก ในขณะที่ตัวของเธอก็ยืนอยู่ไม่ห่างจากเจ้าของร้าน
เจ้าของชื่อเงยหน้ามองพร้อมกับค้อนให้พองาม ตีแขนหญิงสาวพร้อมส่งค้อนอย่างงอนๆ
“บอกให้เรียกเรนนี่จนปากจะฉีกอยู่แล้ว”
แพรนรียิ้มกว้าง เธออยากแหย่แม่สาวร่างโปร่งอกสะบึ้มมาดามฝรั่งคนนี้มากกว่า “ก็แพรอยากให้ที่นี่มีคำไทยใช้นานๆ พี่น้ำฝนเพราะกว่าพี่เรนนี่เป็นไหนๆ”
มาดามฝรั่งค้อนพองาม ทำปากขมุบขมิบบ่นไม่จริงจังนัก
“ก็ได้ๆ...ว่าแต่แพรมาทำไมวันนี้ พี่นัดเราอีกสองวันไม่ใช่หรือ” มาดามบอกอย่างแปลกใจ เข้าใจและพูดถึงเรื่องรับทัวร์คนไทยกลุ่มเล็กที่นัดหญิงสาวให้ไปดูแลช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
“แพรอยากได้ชุดสักชุด” หญิงสาวบอกออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม เธอไม่มีเวลามากมายพอที่จะยืนคุยอยู่ตรงนี้นานๆ
งานของเธอจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า คร่าวๆ อย่างช้าเธอก็ต้องไปถึงงานในอีกหนึ่งชั่วโมง และนั่นหมายถึงเธอมีเวลาเตรียมตัวอีกแค่ครึ่งชั่วโมง ส่วนอีกครึ่งชั่วโมงเธอกันไว้เป็นเวลาในการเดินทาง
“อยากได้แบบไหน” มาดามเรนนี่ถาม
หญิงสาวล้วงมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอออกมาเปิดให้มาดามเรนนี่ดู “งานเป็นแบบนี้ค่ะ พี่น้ำฝนน่าจะถนัดกว่าแพร”
เจ้าของห้องเสื้อพยักหน้า เดินนำหญิงสาวเข้าไปอีกห้องที่เป็นเสมือนห้องทำงานของเธอ
“พี่แนะนำชุดใหม่ที่พี่เพิ่งออกแบบเลย ยังไม่เคยมีใครเห็น ยังไม่เคยมีใครได้สวม แต่มันเหมาะกับงานเหมาะกับน้องแพรมากเหมือนเตรียมไว้เป๊ะ”
ชุดสีทองที่สวมอยู่ในหุ่นดึงสายตาของหญิงสาวให้หยุดนิ่ง ดูผ่านๆ ในหุ่นหญิงสาวยอมรับได้เต็มปากว่าชอบชุดนี้มาก แต่ราคาของมันคงแพงลิ่วเกินกว่าที่เธอจะจ่ายไหว
ชุดสีทองปักดิ้นลายลูกไม้ซีทรูจากช่วงอกขึ้นไป กระโปรงเป็นพลีตพลิ้วทิ้งตัว ถ้าได้สวมใส่คงขับผิวเนียนละเอียดของเธอให้นวลผ่องสะกดสายตาผู้คน หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวลงคอเมื่อเห็นด้านหลังของชุด
แพรนรีหันกลับไปมองเจ้าของร้าน ส่งยิ้มแหยๆ
“ชุดนี้ไม่ไหวมั้งคะพี่น้ำฝน แพรขอชุดที่เรียบร้อยกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ ที่สำคัญแพรคงสู้ราคาไม่ไหว”
มาดามเรนนี่ค้อนคว่ำ ตีไหล่ของหญิงสาวเบาๆ “แหม่คุณน้องขา คุณน้องรู้มั้ยว่างานที่คุณน้องจะไปมันระดับไหน แล้วแขกที่จะได้บัตรเชิญทุกคนมีใครบ้าง”
คราวนี้หญิงสาวทำหน้างง หันกลับไปมองเจ้าของร้านเสื้อด้วยใบหน้าตั้งคำถาม ข้อมูลที่เธอได้รับผ่านเอเจนชี่คือเธอต้องตามนักธุรกิจคนหนึ่งเข้างาน และดูแลเขาตลอดกระทั่งจบงาน งานที่เธอมองว่าง่ายที่สุดเท่าที่รับงานมา และค่าจ้างก็สูงที่สุดด้วย
“งานยังไงคะ”
“มันเป็นงานเลี้ยงรับรองของลูกค้าวีไอพีของธนาคาร ยูเนี่ยนสวิส แล้วแขกที่มาก็เป็นมหาเศรษฐีระดับหมื่นล้านฟรังค์สวิสขึ้นไปทั้งนั้น”
“จริงหรือคะ” หญิงสาวถามเสียงสูง
แพรนรีเบิกตาลุกวาว ไม่ใช่ว่าเธอจะกระดี๊กระด๊าที่เธอจะได้เข้าไปในงานที่มีนักธุรกิจระดับแนวหน้าของโลก แต่เธอกำลังก่นด่าในความสะเพร่าของตัวเอง เธอน่าจะเช็คข้อมูลก่อนรับงานนี้
ขืนเข้าไปในงานแล้วไปทำขายหน้าผู้จ้างวาน คนระดับอย่างนั้นจะระเบียบมากแค่ไหน แล้วคนที่ไม่เคยเข้างานระดับหรูหราอย่างนั้นจะเผลอทำเปิ่นไปหรือเปล่า
หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ “คือแพรสารภาพตามตรงว่าตอนนั้นไม่ทันได้เช็คข้อมูลละเอียด แล้วอย่างแพรต้องทำอย่างไรบ้าง จะไปทำเปิ่นบ้างหรือเปล่าไม่รู้”
“อย่างน้องแพร แต่งตัวขึ้นมาเศรษฐีพวกนั้นจะได้มองตาค้าง ยิ่งคุณฮาริสลูกชายคนสุดท้องของตระกูลเจ้าของธนาคาร เตือนไว้ก่อนว่าแพรอย่าพยายามเข้าใกล้เขาเชียวนะ คุณฮาริสเจ้าชู้มาก เพลย์บอยระดับตัวพ่อเลยทีเดียว”
“แพรไม่รู้จักเขาหรอกค่ะ แล้วก็คงไม่ได้เจอเพราะแพรต้องดูแลลูกค้า”
“ต้องเห็นอยู่แล้วละเพราะงานนี้เป็นงานของเขาโดยตรง และคุณฮาริสหล่อมาก พี่ยังแอบคิดถึงใบหน้าหล่อของเขาแล้วเอามาเพ้ออยู่หลายต่อหลายครั้ง” มาดามเรนนี่บอกอย่างเพ้อฟัน
“แพรต้องรีบไปแล้วค่ะ” แพรนรีรับดักคอและเตือนสติอีกคน
“อ่อ...ขอโทษๆ พี่ก็มัวเพ้อ” มาดามเรนนี่เรียกสติตัวเองกลับมา รับกุลีกุจอถอดชุดสวยออกจากหุ่น
แพรนรีกลืนน้ำลายลงคอถามย้ำอีกครั้ง “แพรต้องสวมชุดนี้จริงๆ หรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ พี่จะปั้นให้น้องแพรเข้าสู่เวทีแจ้งเกิด แพรมาก็ดีแล้ว แล้วพี่มีเรื่องจะเมาส์ คันปากมาก” มาดามเรนนี่ชวนพูดต่อ นางมักเป็นแบบนี้ประจำ
แพรนรีมักจะได้ข้อมูลอัพเดตจากมาดามเจ้าของห้องเสื้อคนนี้ ทั้งเรื่องคนไทยด้วยกันหรือแม้แต่เรื่องของสวิส
“อะไรหรือคะ” หญิงสาวถามเหมือนไม่ค่อยใส่ใจมาก เธอกำลังให้ความสนใจกับชุดสวย
“ก็แฟนกับเพื่อนสาวแพรนะสิ” มาดามเรนนี่เปิดเรื่อง
พอแพรนรีได้ยินประโยคเปิดเรื่องเธอก็รีบตัดบท ดวงตาของเธอแสดงออกถึงความไม่สบายใจชัดเจนจนคนมองจับอาการได้ บอกมาดามเรนนี่เสียงเบา
“แพรกลับมาค่อยเล่าได้ไหมคะ วันนี้แพรรีบ”
แพรนรีรู้ว่ามาดามเรนนี่จะพูดเรื่องอะไร เพราะไม่ใช่นางเป็นคนแรกที่บอกเธอ แต่ในรอบสามวัน ทุกคนที่รู้จักเธอจะพูดประโยคคล้ายๆ กันหมด
‘แพรทะเลาะกับแฟนหรือเปล่า’
‘มัวแต่เรียน มัวแต่ทำงาน เพื่อนเธอกำลังจะงาบแฟนเธอแล้ว รู้ตัวหรือเปล่า’
‘สังเกตเพื่อนรักกับแฟนเธอบ้างนะ’
‘ตกลงแฟนกับเพื่อนสาวของเธอเป็นอะไรกันแน่ เห็นควงกันเที่ยวทั่วซูริกไม่แคร์ใคร แม้กระทั่งแฟนสาวตัวจริงยังไปเรียนและทำงานงกๆ’