ตอนที่ 8
เขาเริ่มเข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับตัวหล่อน นอกจากบงการยังให้หล่อนอยู่ใกล้ตัวเขาดมิสากลัวใจตัวเองที่มันอ่อนลงเหมือนขี้ผึ้งยามถูกกองไฟแผดลนให้ละลายใช่ความรู้สึกของช่อดมิสาจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน บางครั้งหล่อนเกือบลืมไปว่าหล่อนเป็นสิทธิ์ของเขา
จนเขาต้องเอ่ยทวงเรียกร้องนั่นแหละดมิสาจึงทำตัวให้ยอมรับ เพราะใจจริง และความรู้สึกนั้น หล่อนไม่อยากจะยอมรับ
ในฐานะเช่นนี้อาภัพอดสู หล่อนแตกต่างจากเพื่อนวัยเดียวกันมาก แล้วถ้าจะให้เพื่อนร่วมรุ่นวัยเดียวกัน รู้และทราบว่า เธอมีอะไรกันกับชายแก่รุ่นราวคราวอา
ช่อดมิสาไม่อยากจะคิดเลยเพราะความรู้สึกที่คุกคามนั้น โหดร้ายต่อหล่อนยิ่งนัก จนกระทั่งหล่อนระส่ำขวัญ ไปด้วยความหวาดกลัว
ถ้าหากคุณอภิวานต์จะแตะต้องตัวหล่อนโดยยึดถือสิทธิ์ของตัวเองเต็มที่ ไม่แน่หล่อนอาจจะท้องก่อนออกจากโรงเรียนก็ได้เพราะช่อดมิสาไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หล่อนเป็นสาวแล้ว
เรื่องเพศศึกษาก็รับรู้พอสมควรรู้ว่าเป็นสิ่งที่หวงห้ามสำหรับผู้หญิง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาช่อดมิสาไม่เคยออกนอกลู่นอกทางคุณผัสภรณ์รับประกันได้เพราะเด็กสาวอยู่ในสายตาของท่านตลอด
และการเดินทางมาที่โรงเรียนในวันนี้ของช่อดมิสา เป็นภาพที่เพื่อนนักเรียนและอาจารย์ประจำชั้นแปลกใจ ที่ลูกศิษย์คนสวย นั่งรถมากับผู้ปกครอง ที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้ามาก่อน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ช่อดมิสาเอ่ยบอก เธอไม่ได้เอ่ยบอกถึงฐานะแท้จริงของเขา
ทั้งๆที่เธอรู้อยู่เต็มอกจนเมื่ออภิวานต์ ทำหน้าที่เป็นสารถีเสร็จแล้ว เขาเดินลงมาด้วยคุยกับเธอ อีกสามสี่คำ หลังจากสายตาสำรวจโรงเรียนที่เรียนเหมือนจะขมวดคิ้วขบคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นเอ่ยบอก
“ฉันเห็นจะต้องกลับแล้วล่ะ ขยันเรียนให้มากหน่อยนะ ฉันเห็นมีความตั้งใจ อันที่จริงก็คิดแล้วว่า ผู้หญิงอย่างเธอ ไม่ควรจะเรียน เพราะถึงเรียนไป พอจบออกมาหรือไม่จบเธอก็ต้อง ” เขาละคำนี้ไว้ให้เธอคิดตาม
ช่อดมิสาเก็บกลั้นก้อนความรู้สึกไว้ในใจ
ภาพร่างสูงโปร่ง ที่ดูแล้วเหมือนผู้ใหญ่ใจดี
ใบหน้าคมคาย นอกจากสง่างามบวกกับหล่อเหลาแล้ว คุณอภิวานต์ยังเป็นชายหนุ่มที่อ่อนกว่าอายุ เหตุผลด้วยอย่างหนึ่ง คือเขาทำงานอยู่ในห้องแอร์ และไม่ได้หนักหนาอะไรเนื่องจากผู้เป็นบริหาร
ชีวิตการทำงานของเขาเหมือนกับท่องเที่ยวไปเรื่อย เนื่องจากผุดสาขาขึ้นที่ต่างจังหวัดและช่อดมิสามักได้รับการเล่าประวัติส่วนตัวของเขาจากคุณย่าที่เหลืออยู่จึงเข้าใจว่าคุณผัสภรณ์รักและเอ็นดูหลานชายคนเดียวคนนี้มาก
ฟังไปในตอนแรก ช่อดมิสาไม่ได้สะกิดใจสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเธอเคยเห็นหน้าคุณอภิวานต์มาแล้ว แทบไม่ได้บรรยายออกมาเหมือนภาพความฝันเพราะเขาปรากฏจริง อยู่เบื้องหน้าหลายหน
ที่สาวสวยมีความรู้สึก คือเธอหวาดกลัว ความรู้สึกนี้ยังเป็นดุจเดิมเพราะคิดขึ้นมาทีไร เธอก็บอกว่าเธอหนีพ้นจากสภาพนี้ไม่ได้
ดูเหมือนชีวิตของเธอถูกขีดและบงการไว้อย่างเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วจากชายหนุ่มใหญ่คนนี้โดยไม่มีทางสลัดตัดออกได้เลย
ใต้ร่มเงานนทรีที่ออกดอกสีเหลืองพราวขณะที่ใบเพิ่งจะหล่นร่วงกองเกลื่อนบนพื้น ช่อดมิสา ยังไม่ได้ขึ้นไปชั้นเรียน
แค่แวะทักทายกับเพื่อนสนิทด้วยความรู้สึกที่กระดากแต่ก็ยังบังคับฝืนใจ ช่อดมิสาพูดกับเพื่อนน้อยมาก ผิดไปจากตอนที่ลับหลังผู้ปกครองคนนี้
อุปนิสัยเธอจะร่าเริงแจ่มใสและพูดเก่งบางครั้งพูดเป็นต่อยหอย โดยไม่เกรงกลัวใครเบรก แต่ในยามนี้จะนิ่ง ลดกิริยาที่กระดี๊กระด๊าเหมือนผีเสื้อเริงร่าในสวนดอกไม้ จนเพื่อนๆที่ทักแล้วเป็นฝ่ายเดินจากไป
ช่อดมิสาแทบไม่รู้สึกตัว แต่อภิวานต์ยังถามเธออีก
“นี่หรือโรงเรียนของเธอ ก็ถือว่าใช้ได้ เพื่อนนักเรียนชายก็เยอะนะฉันบอกเธอให้ระวังตัวหน่อยนะ ระวัง จะแรดเหมือนแม่ เพราะเท่าที่ดูแล้ว เพื่อนผู้ชายของเธอคงจะเยอะ ” อภิวานต์ไม่ยั้งน้ำคำ และทะนุถนอมสักนิด
ช่อดมิสาดวงตาวับวาวจ้องอย่างไม่พอใจกับการที่ถูกกล่าวหาเลื่อนลอยที่เขาถือโอกาสด่าทอบุพการีของหล่อน ทั้งด้วยสายตาและคำพูด ที่เหน็บแนมแกมประชด
“เอาล่ะฉันจะอยู่ไม่นาน ก็ได้มาเห็นแล้ว เธอจะไม่พูดกล่าวความรู้สึกจากหัวใจของเธอให้แก่ฉันบ้างหรือไง ช่อดมิสาว่าเธอรู้สึกยังไงขึ้นมาบ้างกับคนอย่างฉัน”
วาจาของเขาไม่พ้นที่จะแว้งในเรื่องพาล
จึงขยับก้าวมาใกล้ร่างเขายืนสงบนิ่งตรงหน้าเอ่ยด้วยคำพูด
“งั้น ดิฉันเอ้อดมิสาขอขอบคุณนะคะที่ผู้ปกครองมาส่งขอให้เดินทางกลับบ้านด้วยดี และถึงอย่างสวัสดิภาพ”
“ขอบใจ” เสียงทุ้มนุ่มกังวานนั้นเอ่ยขึ้นพลางพิศดูร่างระหงที่เตรียมผละแยกจาก ใจของช่อดมิสา โลดเต้นไปไกลถึงเพื่อนฝูงแล้วไม่ใช่อย่างที่เธอต้องเก็บกิริยาสำรวม เมื่ออยู่ตรงหน้าหรือส่วนตัวกับชายต่างวัย
เพียงแค่นั้นเธอเหมือนจะเป็นอิสระราวกับรอโอกาสนี้มานานแล้วหนำซ้ำเธอยังต้องกลับไปเพื่อตอบคำถามของเพื่อนฝูงจอมซักไซ้ไล่เลียงที่วันนี้เผอิญเห็นภาพหมดทุกอย่าง ก็เพราะเขามาปรากฏตัวที่นี่
ใครกันหนอจะอึดอัด เท่าที่ช่อดมิสาเป็นอยู่
ขณะที่หนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่นั้นส่งสายตาตำหนิ เขายังไม่ได้ปล่อยหล่อนเลย ปากที่เอ่ยร้องเรียกอีกครั้งจึงชะงักและกลายเป็นนิ่งเมื่อสาวน้อยที่มีชีวิตพลัดหลงอยู่ในกำมือของหนุ่มใหญ่เช่นเขาปร๋อไปด้วยกิริยาที่ร่าเริงเหมือนนกหลุดจากกรงขังผิดไปจากเมื่อครู่
อภิวานต์รู้สึกเจ็บใจแต่เขาก็ยิ้มบอกตัวเองจะมาพักค้างที่นี่บ่อย มันก็ไม่ผิดไปจากความต้องการของตนเองนัก อภิวานต์คิดว่า เขาควรที่จะทำความรู้จักชีวิตของเด็กสาวผู้นี้ให้มากกว่านี้ ด้วยตำแหน่งของหล่อนในวันข้างหน้า ซึ่งอภิวานต์รู้ดีการเลี้ยงดูของเขามันคงไม่แตกต่างไปจากการเลี้ยงต้อยสักเท่าใดเขาคิดว่าคำพูดเหล่านี้ความคิดด้วย น่าจะถูกจับยัดใส่สมองของเด็กสาวที่เพิ่งเดินจากไปแต่ก็เพียงแค่นั้น