ความเดิม "โอเค ขอบคุณครับ" คุณหมอบริพัฒน์ยิ้มอย่างโล่งอกพร้อมกับก้มศีรษะให้อีกคนเล็กน้อยแทนคำขอบคุณแล้วพากันเดินไปที่ตึกอย่างเร่งรีบอยู่ในที
.............................................
@ห้องพักแพทย์
ธันทรนั่งดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างพินิจพิเคราะห์อยู่สักพัก "ผมว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วนะครับ จากที่เราดูฟิล์มหลาย ๆ อันเปรียบเทียบกันแล้ว จากการตรวจร่างกายเป็นยังไงบ้างละครับ"
"ก็*xx*xx*xx*xxครับ" (สองหมอคุยกันด้วยศัพท์เฉพาะของแพทย์เฉพาะทางค่ะ)
"งั้นคุณหมอรักษาไปตามแนวทางของคุณหมอแล้วส่งฟื้นฟูได้เลยครับ น่าจะเป็นสัญญาณบวกนะครับ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังเอาไว้ก่อน" ธันทรกล่าวจากตรรกะและเหตุผลและหลักฐานทางการแพทย์ทั้งหมดที่มี
"งั้นเหรอครับ ผมก็คิดว่าอย่างนั้นครับแต่อยากตรวจสอบให้มั่นใจ เอาเป็นว่าผมเชื่อใจคุณหมอครับ ขอบคุณนะครับที่สละเวลาให้"
"ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีเพื่อประโยชน์ของคนไข้ผมโอเค" ธันทรกล่าว
ตัดมาที่มานิดาที่ต้องเข้าหอพักโดยมีมาลีพยาบาลรุ่นพี่ที่นับถือของพี่ชายคอยช่วยเป็นธุระให้
"ห้องนึงจะพักสองคนนะ แต่รูมเมดของเรายังไม่มา นอนคนเดียวได้มั๊ยให้พี่มานอนเป็นเพื่อนมั๊ย" พยาบาลอาวุโสกล่าวขึ้นอย่างเข้าใจหัวอก
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่ได้ค่ะ" มานิดาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาเพราะเธอไม่ใช่คนที่จะหวาดกลัวอะไรง่าย ๆ
"เก่งมากเด็กน้อย มีร้านอาหารใกล้ ๆ นี้นะ ออกประตูข้าง หอปิดสองทุ่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อยังชีพอนุญาตให้ใช้ได้กระติกน้ำร้อนเท่านั้น เตารีดใช้ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้ได้แต่ต้องระวังฟืนไฟให้ดี ใช้เสร็จให้รีบถอดปลั๊ก นี่ยาสามัญประจำบ้าน ถ้าเจ็บป่วยให้รีบบอกครูพี่เลี้ยงมีเบอร์โทรที่ข้างฝานะคะ" พยาบาลอาวุโสแนะนำคร่าว ๆ
"ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่น้ำ" หญิงสาวเอ่ยอย่างรู้สึกขอบคุณ
"แต่สำหรับเย็นนี้พี่จะพาไปลุยตลาดใกล้ ๆ ม. ห้าโมงเย็นลงมาเจอกันด้านล่าง อ้อ!..ลืมเลย เอาโทรศัพท์มา..นี่เบอร์ของพี่ นี่ไอดีไลน์ เอาไว้ติดต่อเมื่อมีเหตุจำเป็น ไปนะ อย่าลืมนัดล่ะ" พยาบาลอาวุโสเอ่ยยิ้ม ๆ เพราะเธอขอเปลี่ยนเวรเพื่อมาดูแลน้องสาวของรุ่นน้องโดยเฉพาะ
"ค่า..ขอบคุณค่ะพี่น้ำ" หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย
หลังจากพยาบาลอาวุโสออกจากห้องไปมานิดาเลือกที่จะเก็บข้าวของและทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยไว้ก่อน
-เหนื่อยเหมือนกันนะนี่..พักสักแป๊บน๊า- พร้อมกับล้มตัวลงนอน จากนั้นความรู้สึกของเธอก็ดับวูบไป
หญิงสาวมาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกร้อนอบอ้าว จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาพบว่าเป็นเวลา 16.00 น. จึงนั่งเล่นสักพักเมื่อเห็นว่าใกล้จะได้เวลาจึงเข้าไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัว และออกมาแต่งตัว
เธอเลือกที่จะใส่เสื้อผ้าแบบสบาย ๆ และสุภาพในลุคเสื้อยืดคอกลมพอดีตัวสีครีมกับกางเกงเอวจ้ำมีเชือกผูกสีเข้ม เอาเสื้อเข้าในกางเกง มัดผมหางม้าโยงสูงเผยให้เห็นต้นคองามระหงก้นเต่าคล้ายรูปก้นหอยที่ดูแปลกแต่สวยลงตัว
เธอลงไปรอด้านล่างของหอพักตามจุดที่นัดหมายไว้ พอดีมีโต๊ะม้าหินอ่อนซึ่งตั้งไว้ใต้ต้นไม้พุ่มเตี้ย ๆ พอได้หลบแดดเธอจึงเข้าไปนั่งและไถโทรศัพท์มือถือดูนั่นนี่ไปเรื่อย ๆ เป็นการฆ่าเวลา
"รอนานมั๊ยจ๊ะน้องนาง ปะ..ไปกันตลาดน่าจะตั้งเสร็จแล้วแหละ" เป็นเสียงที่คุ้นเคย มานิดาหันไปยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เธอไม่ต้องรอนานจนเกินไปเมื่ออยู่ในที่ที่ยังไม่คุ้นเคย
"อ้าว..เอ่อ..สวัสดีค่ะ" มานิดายกมือกระพุ่มไหว้อีกคนที่ไม่คุ้นหน้าอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ
"คงไม่ว่าอะไรนะ พอดีอาจารย์หมออยากไปเดินตลาดกับเราด้วย เป็นเจ้ามือให้ไง ปะ ไปกินที่นั่นเลย รับรองกินแล้วไม่มีหูดับแน่นอนเพราะเราจะไปกินไก่ย่างข้าวเหนียวส้มตำกัน" พยาบาลอาวุโสอธิบายกลั้วหัวเราะ
ด้านคุณหมอหนุ่มแอบสังเกตเห็นหญิงสาวมีอาการเงอะงะ อดยิ้มขำไม่ได้ {เด็กคนนี้ดูใกล้ ๆ แล้วหน้าตาน่ารักดี ดูสดใสปากนิดจมูกหน่อยผิวใส ไม่ขาวโอโม่แต่สว่างดูมีออร่า ความสูงพอดี ๆ ตัวเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับผอมกะหร่องเหมาะแล้วที่เลือกเรียนแพทย์เพราะยังต้องเจออะไรหนัก ๆ อีกเยอะต้นทุนต้องดีไว้ก่อน} ธันทรได้แต่คิดในใจ
"ไปนะ ถือโอกาสต้อนรับลูกศิษย์ใหม่ล่วงหน้า ถ้าไม่ซิ่ว หรือไม่หนีไปเสียก่อนรับรองปีสองได้เจอกันแน่" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ
"ออ..ค่ะ" มานิดารับคำอย่างว่าง่าย อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี
@ตลาดข้างมหาวิทยาลัย
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งที่มีไก่ย่างส้มตำขายอยู่ด้วยพร้อมกับหาที่นั่งเหมาะ ๆ
"กินเผ็ดได้มั๊ยเรา" ธันทรหันไปทางคนที่อายุน้อยสุดและเอ่ยถามยิ้ม ๆ
"อ๋อ..กินได้ค่ะแต่ไม่ถึงกับเผ็ดจัด" มานิดาตอบอย่างตรงไปตรงมา
"รบกวนพี่มาลีสั่งอาหารให้ผมด้วยนะครับผมไม่ถนัด ของผมเอาข้าว กับกับข้าวแยกกัน กับข้าวเป็นแกงจืดเต้าหู้ไข่นะครับ ส่วนไก่ย่างส้มตำก็จัดมาตามใจพี่เลยผมเลี้ยงเองครับ" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ เขารู้สึกชอบเด็กคนนี้เสียแล้วซิ ดูธรรมดา ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง แต่ยิ่งมองยิ่งน่ารัก
"เอาน้ำเปล่านะคะ เราชาวสา-สุขต้องรับประทานน้ำเปล่าค่ะ" มาลีพูดกลั้วหัวเราะทำเอามานิดาอดยิ้มไปด้วยไม่ได้
"เดี๋ยวหนูไปช่วยพี่น้ำดีกว่าค่ะ" มานิดาเอ่ยขึ้นบ้าง
"ไปซิจ๊ะ ไปเลือกไก่ที่ไม้สวย ๆ นะ สั่งส้มตำด้วย เดี๋ยวพี่ไปสั่งข้าวให้คุณหมอก่อน" มาลีเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วเดินตรงไปหาพ่อค้าทันที
"ได้ค่า" มานิดารับคำด้วยน้ำเสียงสดใสแล้วลุกไปที่เตาย่างไก่ทันทีเช่นกัน (ของถนัด)