ความเดิม- "ค่ะ ต้องตั้งใจน่ะค่ะ อยากช่วยแบ่งเบาภาระพี่นพบ้าง ถ้าเรียนจบหนูจะเหมาเวรเลยค่ะ อยากหาตังค์ได้เยอะ ๆ ไว้ดูแลตัวเองแล้วก็พี่นพน่ะค่ะ แฮร่..หนูอิ่มแล้ว ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ ขออนุญาตไปเตรียมตัวขึ้นเรียนก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" มานิดาพูดอย่างรวบรัดตัดตอนแล้วรีบสับเท้าออกไปจากโรงอาหารอย่างรีบ ๆ อยู่ในที
{หนีได้หนีไปยัยตัวเล็กเรืองแสงเอ้ย} ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ
..............................
ธันทรกลับมาถึงห้องพักของตัวเองแล้วนั่งเตรียมการสอนไปเรื่อย ๆ สักพักที่โทรศัพท์มือถือก็ปรากฎเตือนข้อความใหม่ ชายหนุ่มจึงเข้าไปเปิดอ่านดู
ปกรณ์: ขอบคุณนะที่ช่วยรับปรึกษาเคสให้ ครอบครัวเฝ้าฝากบอกมา
ธันทร: ยินดีครับเพื่อน
หลังจากนั้นเขาได้ปิดแอพพลิเคชั่นนั้นแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงานเช่นเดิม เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาสอนแล้วจึงเดินออกไปยังห้องเรียนทันที่ แต่ในระหว่างทางเดินเขามองไปที่หน้าต่างพบว่านักศึกษาแพทย์กำลังเดินกันเป็นกลุ่มใหญ่ น่าจะเปลี่ยนชั่วโมงเรียนและบังเอิญว่าเห็นคนที่พยายามจะหนีเขาในตอนเช้านี้เอง ชายหนุ่มได้แต่ยกยิ้มมุมปาก และเดินไปยังห้องสอนอย่างไม่เร่งรีบเพราะเขาเผื่อเวลาเอาไว้แล้วประมาณ 15 นาที
ธันทรพาร์ท
{ผมนั่งอ่านเอกสารประกอบการรักษาเคสอยู่อย่างไม่ค่อยมีสมาธิ ในหัวของผมมีแต่ภาพของเด็กผู้หญิงคนนั้น ผมพยายายามจะไม่สนใจเด็กนั่น แต่ภาพวันนั้น ภาพเด็กผู้หญิงแต่งตัวเรียบร้อยรัดกุมไม่หวือหวาหน้าตาธรรมดา ๆ จัดว่าน่ารักคนนึงที่เดินออกไปจากตรงนั้น แล้วผมก็ได้ยินเสียงวินมอร์เตอร์ไซค์ร้องเรียกเธอให้กลับมาเอารถฯ นั่นแสดงว่าเธอเดินออกไปอย่างไม่มีสติทั้ง ๆ ที่ตัวเองเอารถมอร์เตอร์ไซค์มาแท้ ๆ ยังลืมได้ คงเป็นเรื่องที่สะเทือนใจน่าดู และนั่นทำให้ในทุก ๆ วันของมื้อเที่ยงของวันผมจะต้องไปยืนแอบดูนักศึกษาแพทย์ว่าเค้าทำอะไรกัน อาจารย์ปล่อยนักศึกษาสายหรือเปล่า เด็กคนนั้นจะได้กินข้าวตรงเวลามั๊ย มีใครรังแกหรือเปล่า ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าห่วงเด็กคนนั้นแบบไหน แบบผู้ปกครองที่ผู้ใหญ่พึงเมตตาต่อเด็ก แต่ก็อยากเข้าใกล้ ได้แกล้งได้แหย่ให้โกรธบ้างจะรู้สึกสนุกกระชุ่มกระเชียวหัวใจแปลก ๆ มันคืออะไรกันแน่ ผมคิดวนเวียนจนปวดหัวไปหมด จนต้องพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อจดจ่อกับเอกสารเพื่อการรักษาคนป่วยอีกครั้ง เพราะผมต้องรับเคสเหมือนกัน}
ตัดมาที่มานิดา
@วันหยุดสุดสัปดาห์
นักศึกษาที่อยู่หอพักส่วนใหญ่จะพากันกลับบ้านกันหมด มีเพียงมานิดาเท่านั้นที่ยังคงอยู่หอพัก และเธอเลือกที่จะอยู่ที่นี่แทนการกลับไปอยู่ที่บ้านคนเดียวเพราะอย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนที่อยู่หอพักเหลืออยู่สองสามคน
"เธอก็ไม่กลับบ้านเหรอ" หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ อย่างเป็นมิตร
"อืม..ขี้เกียจน่ะ" มานิดาตอบยิ้ม ๆ เช่นกัน
"เราชื่อมายนะ บ้านอยู่โคราชนู่น ขี้เกียจกลับเหมือนกัน"
"เราชื่อนางจ้ะ..ยินดีที่ได้รู้จักนะ เคยเห็นหน้าอยู่แต่ไม่กล้าทัก เห็นยุ่ง ๆ ทำไมมาเรียนไกลจัง" มานิดาเริ่มรู้สึกชอบเพื่อนสาวคนนี้ซ๊ะแล้วซิ
"ก็ที่นี่เป็นที่ที่ทุกคนอยากมาเรียนอยู่แล้ว คะแนนถึงก็มาซิ เรามันศึกษาทุนนี่เน๊าะ พ่อแม่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง" มาย หรือ รตา เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
"อืม..ใช่เราก็เหมือนกัน ไปกินข้าวด้วยกันนะ เรากำลังจะไปพอดีหิวแล้วนี่" มานิดาเอ่ยยิ้ม ๆ
"ไปซิ เราก็กำลังจะไปเหมือนกัน นี่ว่าจะไปกินส้มตำแซ่บ ๆ กับข้าวเหนียวไก่ย่าง สักหน่อย"
"เอาซิ อยากกินเหมือนกัน เสร็จแล้วเดินดูของใช้ด้วยเน๊าะ"
"ได้เลยจ้า ไปกัน"
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของสองสาวก็เป็นไปแบบก้าวกระโดด นั่งรถมอร์เตอร์ไซค์ไปเรียนด้วยกัน เพราะที่บ้านของเธอเอารถมาให้ใช้ ส่วนมานิดาก็ได้อาศัยนั่งซ้อนท้ายจากหอพักไปที่ตึกเรียนด้วย และช่วยแชร์เรื่องค่าน้ำมันค่าซ่อมรถบ้างแบบแฟร์ ๆ
อีกด้านของผู้แอบสังเกตการณ์
-..ยัยเด็กเรืองแสงคนนี้มีเพื่อนใหม่แล้วเว้ย ตัวติดกันเลยเชียวนะ หาโอกาสเข้าใกล้ไม่ได้เลย เอาไงดี..- ธันทรได้แต่พึมพำเบา ๆ คนเดียว
"คุณหมอเป็นอะไรไปครับ เจอเคสยากหรือครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ เผื่อช่วยได้" คุณหมอหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ เพราะเคยได้คุณหมอท่านนี้ช่วยรับปรึกษาเคสให้และรู้สึกขอบคุณมาจนถึงทุกวันนี้
"อ้อ..ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีคิดอะไรเพลิน ๆ น่ะครับ ขอตัวก่อนนะครับ" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ
"อ้าว..เหรอครับ เห็นทำหน้าเครียดเชียว งั้นผมไม่รบกวนเวลาแล้วครับ ตามสบายครับ" คุณหมอหนุ่มเอ่ยอย่างรู้มารยาททันทีแล้วรีบสับเท้าเดินจากไป
ด้านธันทรเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มได้ออกไปไกลแล้ว รีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คกล้องหน้าดูว่าตัวเองหน้าเครียดจริงหรือเปล่า พลางนึกในใจ {นี่เราเครียดเรื่องยัยเด็กเรืองแสงคนนั้นจริง ๆ หรือนี่ ไม่ได้ล๊ะ ท่องไว้ ลูกศิษย์ เล่นไม่ได้ จับต้องไม่ได้ ไม่สมควร นั่นรุ่นลูกรุ่นหลานเชียวนะ} ธันทรได้แต่ท่องบ่นไว้ในใจเพราะไม่อยากให้เกิดกรณีสมภารกินไก่วัดซ๊ะเอง เพราะกลัวจะเสียภาพพจน์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิตการเป็นอาจารย์หมอ แต่ทำไมความรู้สึกมันค่อย ๆ ถลำลึกลงไปทุกที ๆ เลย