Chapter 8
อริสาถอนหายใจทีหนึ่ง “คือหนูไม่ได้หมายความว่าถูกใจคุณเตชิน หนูแค่บอกว่าเขาดูดีไปอีกแบบ คนละแบบกับ... หมอไอ... ก็หล่อนะคะ” กลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ขณิกาที่เก็บความสงสัยเรื่องนามบัตรของบุคคลปริศนาที่ทำให้อริสาจิตใจว้าวุ่นมาหลายวัน ทนไม่ไหวเลยบ่นออกมาซื่อ ๆ “ตกลงเป็นหมอใช่ไหม? พี่อริส ไหนบอกช่างแอร์ หมอไอยังไง พูดสักทีสิ”
“ช่างแอร์อะไรรึ? พายทำไมไม่เล่าให้อาฟัง”
“ไว้ก่อนนะอาภพ” ด้วยท่าทีหงุดหงิด ขณิกาสะบัดหน้าไว ๆ “พี่อริสบอกมาเร็ว ๆ พายอยากรู้แล้วเนี่ย หมอไอดูดีอีกแบบอะไรยังไง พูดมาให้หมดเลยนะ ไม่งั้นพายบุกไปถามเองถึงคลินิก”
คำเร่งเร้าของขณิกาว่าเอาจริงแน่ พาดวงตาคู่สวยสุกใสสาดประกายวูบวาบหาหญิงสาวที่ค่อนข้างสนิทใจ หากว่าจะต้องพูดมันออกมา อริสากลั้นใจแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะพรั่งพรูทุกถ้อยคำ
“หมอไอ... มีลักยิ้มสองข้าง ตาปรือ ๆ เรียวคมกริ้บ ตาแกสีน้ำตาลอ่อนมีน้ำใส ๆ ประกายวิบวับสะท้อนแสงไฟยังกับฝังเพชร ขนตาก็ย้าวยาว กะพริบตาที ไม่บอกนึกว่าปัดมาสคาร่ากันน้ำสามชั้น เบ้าหน้าไม่รู้จะอปป้าไปไหน ผิวขาวโบ๊ะ ขาวกว่าพี่อีก คือขาวอมชมพูอ่ะ แต่ไม่ได้ดูเป็นพวกผู้ชายสำอาง เพราะจมูกแกลับมาคม ๆ เข้าหน้าเป็นสันแบบนี้เลย แบบนี้” มือเรียวยกขึ้นแตะอากาศเหนือจมูก หลังพ่นคำแบบไม่เว้นวรรคหายใจบอกขณิกาที่มีสีหน้าตะลึงงัน
“พายเคยเห็นนิชคุณ โรอุน ลีมินโฮรวมร่างไหม? ปากแกหยักกำลังพอดี โค้ง ๆ แดงธรรมชาติเหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา เวลาแกจือปากพูดแต่ละคำ โอ๊ย...! แม่หัวใจจะวาย” มือเรียวยกขึ้นแตะหน้าอก หัวใจแข็งกระด้างของอริสาไม่เป็นปรกติตั้งแต่วันนั้นแล้ว กินนอนไม่ค่อยจะหลับดี ขนาดว่าผ่านมาแค่ไม่กี่วัน หน้าพ่อคุณลอยไปลอยมาอยู่เช้า กลางวัน เย็นแบบนี้ มันอัดอั้นตันใจไม่รู้อั้นไงไหว
ขณิกากะพริบตาปริบ ๆ “พี่อริสเห็นหน้าคุณหมอชัดขนาดนั้นเลย?”
“คือเจ้าที่รักมันดิ้น แล้วก็... หน้าผากพี่บังเอิญไปชนเขา” คนพูดกลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนพูดอยู่กับขณิกาที่นั่งอยู่ในฝั่งซ้ายแค่สองคน ยิ่งเจ้าตัวตั้งใจฟังยังตอบอย่างอึ้ง ๆ
“พายเชื่อ... พี่อริสเล่นพูดไม่หายใจเลย”
“พูดอะไรของลูกน่ะ ผู้ใหญ่นั่งหัวโด่อยู่ตั้งหลายคน ลูกชมผู้ชายขนาดนี้ พ่อจะเอาหน้าไปไว้ไหน” ใบหน้าหล่อเหลาของพิภพฉายแววไม่พอใจพอ ๆ กับแม่สื่อที่หวังให้หญิงสาวชมชอบบุตรชายมากกว่า ต่างจากพลตำรวจเอาปรีชาที่มองไปยังบุตรสาวฝั่งตรงข้ามกัน
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยภพ ลูกเราพูดออกมาน่ะเป็นเรื่องดี ดีกว่าไม่พูด แล้วให้พ่อต้องไปสืบหาความจริงเอาเองใช่ไหม? พาย”
ในปลายเสียงจับผิดไปยังสองหนุ่มสาวต่างวัยที่มองหน้ากันตัวเกร็ง ขวัญฤดีเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีเลยชวนสนทนาเรื่องสัพเพเหระบ้านเมืองผลัดกับเจ้าของบ้าน จนทุกคนรับประทานอาหารอิ่ม
ม้าพันธุ์เนเธอร์แลนด์อย่าง ‘เจ้าแบล็ค’ แตกต่างจากม้าสายพันธุ์อื่นคือมีร่างกายกำยำล่ำสัน ขนสีดำขลับทำให้มันเป็นม้าที่สง่างามที่สุดในฟาร์ม ถูกใจลูกสาวเจ้าของฟาร์มที่ชื่นชอบการขี่ม้ามาแต่อายุน้อย ๆ
ด้วยพื้นที่กว้างขวางกว่าร้อยไร่ บางครั้งเธอก็ชอบใช้ม้าเป็นพาหนะแทนรถกอล์ฟหรือรถยนต์ เวลาตรวจงานแต่ละแผนกทั้งในส่วนของรีสอร์ต ร้านอาหาร และในส่วนของฟาร์มม้า ฟาร์มแกะ เพราะค่อนข้างสะดวกกว่า
ร่างบางในชุดทะมัดทะแมง เสื้อโปโลรองเท้าขี่ม้าอยู่บนหลังอานม้าตัวโปรด เจ้าแบล็คหยุดกินหญ้าอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เสียงสั่นดังของโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในกระเป๋าสะพายหน้าทำให้เธอต้องหยิบมันขึ้นมา
สติกเกอร์ลายสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์หน้าตาน่ารักมาตามสาย ใบหน้าสดสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางกันแดดอ่อน มองไปข้างหน้าทุ่งหญ้าเขียวขจีอย่างใช้ความคิด มืออีกข้างกุมบังเ**ยนม้าไว้นิ่ง ๆ
ผู้ชายไลน์มา...! เอาไงต่อดีล่ะเนี่ย?
สวัสดีครับ... สบายดีไหม.. มีแฟนหรือยัง? คงจะเป็นถ้อยคำเดิม ๆ ด้วยความสวยของอริสาแล้วไม่ว่าเธอจะไปไหน ก็จะได้ยินคำพวกนั้นเสมอ แต่นี่เขาแค่ส่งสติกเกอร์หมามา... มันหมายความว่า...?
‘หมอไอ... เป็นแฟนคลับฉันหรือเปล่าคะ?’ เธอพิมพ์ตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย และได้รับคำตอบสั้น ๆ
[ครับ]
‘เราเคยเจอกัน... ที่เกาหลี...?’
[จำไม่ได้จริงหรือครับ?]
‘คุ้น ๆ น่ะค่ะ ไม่ถึงกับจำไม่ได้เสียทีเดียว’
[แต่หมอจำได้... ไม่เคยลืมคุณอริสาเลย]
“อุ๊ยตาย...” อุทานกับคำหยอด จะว่ามีนัยก็มีอยู่ วันนั้นเธอเมา... ลืมตาตื่นมาอีกทีคืออยู่ในห้องพักของโรงแรมที่โค้ชจองไว้สำหรับนักกีฬาหญิงหลายคน
มันเป็นภาพเลือนรางในความทรงจำ สัมผัสรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงอบอุ่น กลิ่นโคโลญจน์บุรุษจาง ๆ ไม่ได้จำไม่ได้ทั้งหมด ในที่สุดมันก็ลืมเลือนไปเองตามกาลเวลา...
กว่าหลายชั่วโมงที่เธอใช้เวลาทั้งหมดไปกับการแชทระหว่างขี่ม้าไปรอบ ๆ พบผู้จัดการแผนกต่าง ๆ หลังรับประทานอาหารกับพ่อและบรรดามิตรสหายที่มาเยี่ยมชมฟาร์ม เธอก็ต้องสะสางงานตัวเอง
ขณะที่มือไม่หยุดพิมพ์โทรศัพท์ ทั้งที่เธอไม่ใช่คนพูดเยอะแยะอะไร แต่กลับคุยกับคุณหมอหนุ่มได้อย่างเป็นกันเอง เหมือนที่คุยกับน้องพายหรือเพื่อนคนอื่น ๆ
เธอยังพยายามรื้อฟื้นถามถึงเรื่องเมื่อสองปีที่แล้ว คนบอกว่าไม่เคยลืมทำเป็นบ่ายเบี่ยง และแค่บอกว่าบางทีอาจจะเกิดเหตุการณ์ ‘ภาพตัด[1]’ ตามคนเมา
แล้วเขาก็ชวนเธอสนทนาเรื่องงานวิจัยเกี่ยวกับม้ามา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก คนเป็นแฟนคลับต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นนักกีฬายิงปืน และเป็นนักเรียนทุนสาขาวิชาสัตวศาสตร์
สัตวศาสตร์ต่างจากสัตวแพทย์คือไม่ใช่วิชาชีพหมอ เป็นการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เนื้อสัตว์ตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตสัตว์เศรษฐกิจในฟาร์ม เพื่อทำงานด้านนักสัตวบาล นักวิชาการ นักวิจัย ผู้จัดการฟาร์ม
มันน่าตกใจตรงที่... จีบได้ไหมครับ!?
แก้มขาวนวลใต้แสงตะวันอ่อนของเธอแทบร้อนระเบิด ก่อนจะเลิกรากับบทสนทนาสุดท้ายไป
[ทำหมันหมาครับ เดี๋ยวมาคุยนะ... ไม่นาน]
“ทำหมันงั้นหรือ?” พูดโพล่งขึ้นมาคล้ายถามตัวเอง ทว่าคงไม่ใช่...
เรียวขาตวัดผ่านอานม้าเพื่อลงจากมันอย่างนิ่มนวล หลังจากที่พาเจ้าแบล็คเดินเหยาะ ๆ มาถึงหน้าร้านอาหารของรีสอร์ตท่ามกลางธรรมชาติ มันรออยู่ห่างไปสักเล็กน้อยพอจะไม่ให้ขวางทางคน
ดวงตาคู่สวยแฝงด้วยรอยยิ้มยามลอบมองลูกชายสุดที่รัก เจ้าหมาตัวโตมองตอบกลับมากระดิกหางอยู่หน้าประตูบานไม้ที่เปิดกว้างหน้าร้านอาหาร เธอค่อย ๆ นั่งยองลง ลูบไล้ขนสีทองของมันอย่างอ่อนโยน
“ที่รัก... ลูกแม่ ไปทำหมันไหมลูก? หนูชอบใครอยู่ไหม หรือว่า... จะให้แม่หาแฟนให้หนูดีไหมลูก? ถ้าหนูไม่มีแพลนมีครอบครัว เราไปทำหมันกันดีกว่า”
เจ้าที่รักคงไม่รู้ว่าการทำหมันคืออะไร หลังจากที่มันทักทายผู้คนในร้านอาหารของรีสอร์ตอันนับเป็นกิจวัตรประจำ มันแค่อยากนอนเล่นรับลมธรรมชาติ กระทั่งเจ้านายสาวถามอีกครั้ง ย้ำชัดทีละถ้อยคำ...
“ไปลูก... ไปทำหมันกัน”
“ไม่ไป! ไม่เด็ดขาด..”
“ทำไมล่ะ?” ใบหน้าสดสวยขมวดมุ่นเงยขึ้นมองต้นเสียงที่คงไม่ใช่หมา... ขณะที่ชายหนุ่มช่างรู้ใจมันเสียเหลือเกิน
“ผมตอบให้แทนมัน ผมว่ามันไม่อยากไป ดูหน้ามันสิ คุณจะให้หมอหั่นไอ้นั่นมันทิ้งจริง ๆ เหรอ?”
ความไร้เดียงสาของเจ้าสุนัขสมชื่อว่าที่รัก อริสารู้สึกผิดขึ้นมาด้วยรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอยากไปหาหมอเพราะอะไร
“งั้น... เราไปซื้อขนมหมากันดีกว่าเนอะ” ในน้ำเสียงอ่อนโยนลง
เจ้าที่รักได้ยินคำว่า ‘ขนม’ ก็ชูคอเห่าเสียงดังอย่างดีอกดีใจ ก่อนที่ความหวังของมันจะสลายไปในพริบตา เมื่อหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบสองก้าวออกมาจากร้านอาหาร หน้าตาถมึงทึงพอ ๆ กันกับขวัญฤดีที่กำลังไม่พอใจ
“เต็มบ้าน ขนมไอ้เจ้าที่รักน่ะ แทบจะถมฟาร์มได้ หมาตัวเดียว ไม่รู้ไปสปอยล์อะไรมันนักหนา ลูกพาป้าขวัญไปดูรอบ ๆ ก่อน กลับไทยมาตั้งสองปี จะไม่นับญาติใครเลยใช่ไหม?”
คำพูดของพ่อเป็นความจริงว่าเธอไม่เคยสนใจใครสักคน และก็แทบจะไม่อยู่บ้าน ใบหน้างามยกยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนลุกขึ้นผายมือเชื้อเชิญแขกคนสำคัญของพ่อ
“ไปค่ะ ป้าขวัญ หนูพาชมฟาร์มค่ะ”
“ไปด้วย...!” เสียงตะโกนดัง พร้อมกับที่หญิงสาวอีกคนพรวดพราดผ่านผู้คนออกมา ถึงหน้าร้านอาหารโล่งกว้างตกแต่งสวยงามตามธรรมชาติ ร่างบางเดรสสีหวานคล้องแขนของเธอเอาไว้ด้วยกันอย่างสนิทสนม
“พายไปด้วยสิ”
“ก็ไปสิคะ คุณน้องพาย” ในรอยแย้มยิ้มอย่างดีใจที่มีพวกไปด้วยสักคน เธอดันมีเรื่องค้างคาใจ เสียงเข่นเขี้ยวหลุดมาตามไรฟันขาว
“หรือควรเรียกแกว่า ‘คุณแม่’ ดี”
“พี่อริสพูดอะไร? บ้า... พายกับอาภพไม่ได้เป็นอะไรกัน... ซะหน่อย” ขณิกาหน้าเจื่อนไปด้วยกลัวความผิดเรื่องที่เธอแอบกิ๊กกับพ่อของรุ่นพี่ นึกดีใจด้วยซ้ำกับการที่อริสาไม่โกรธเธอ ยังยอมรับในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
“งั้นพายต้องช่วยพี่เรื่องช่างแอร์นะ เข้าใจ?”
[1] การดื่มแอลกอฮอล์จึงส่งผลโดยตรงต่อการจดจำ (encoding) ข้อมูลของสมอง เพราะพอเราเมาจนเกิดอาการภาพตัด (black out) เกิดเป็นช่องว่างของความทรงจำขึ้น